เธอไปไหนแล้ว?
เสิ่นเผยซวนหันตัวก่อนจะเดินจากไป พลางเห็นมีคนเดินเข้ามา เลยถาม “เห็นคนเดินออกไปจากห้องทำงานฉันไหม?”
คนคนนั้นส่ายหัว “ไม่เห็น”
เธอไม่มีที่ไหนให้ไป จะกลับไปที่มหาวิทยาลัยหรือเปล่านะ?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เสิ่นเผยซวนก็รีบเดินออกไป ก่อนจะเจอกับซ่งหย่าซินที่เดินเข้ามาพอดี
“รีบร้อนขนาดนี้?จะไปไหนเหรอ?” ซ่งหย่าซินใส่ชุดกระโปรงยาวสีขาว รองเท้าเปิดหน้าเท้า สีขาว ผมม้วนลอน แต่งหน้าบางๆ ก่อนจะมองเขาพลางยิ้ม
เสิ่นเผยซวนพูด “ไม่มีอะไร”
“ในเมื่อไม่มีอะไร งั้นไปดื่มชากันเถอะ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ” เธอยิ้มมุมปาก “หาที่สักที่หนึ่งก็ได้ หรือจะเอาที่ห้องทำงานคุณ?”
“หย่าซินอันที่จริงฉันมีธุระ……”
“เมื่อครู่คุณบอกว่าไม่มีธุระไม่ใช่เหรอ?ตั้งใจจะหลบฉันเหรอ?หรือเพราะเรื่องที่บ้านฉันเมื่อครั้งก่อน?”
“ไม่ใช่……”
“แล้วอะไรล่ะ?เรารู้จักกันมาตั้งนาน คุณยังไม่เข้าใจฉันอีกเหรอ?ฉันมาหาคุณเพราะอยากขอโทษ ฉันหย่ากับเฉินทาวเพราะเขาหักหลังฉัน ฉันมีอคติกับผู้ชาย ดังนั้นเลยทำให้คนอื่นลำบากใจไปทั่ว ช่วงนี้ฉันเอาแต่รู้สึกผิด และอยากจะบอกกับคุณต่อหน้าหน่อย ว่าขอโทษนะ”
“ไม่ต้อง ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้ติดใจอะไร ฉันมีธุระจริงๆ ขอตัวก่อนนะ” เมื่อพูดจบเสิ่นเผยซวนก็พยักหน้า แสดงความขอโทษ ก่อนจะรีบเดินออกไป
“ฉันอยู่นี่”
ขณะที่เสิ่นเผยซวนกำลังจะเดินข้ามประตูไป ซางหยูก็เรียกเธอเอาไว้
เธอไม่ได้ไปไหน เพียงแค่อยากจะคุยกับพนักงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เข้าใจ และอยากจะพาแม่ไปฝังเอาไว้ในที่ดีๆ เมื่อเดินผ่านห้องทำงานของผู้บัญชาการ ก็ได้ยินผู้บัญชาการซ่งกับเสิ่นเผยซวนคุยกัน
ถึงเธอจะเป็นคนที่สามารถช่วยเสิ่นเผยซวนได้ แต่ทว่า เธอก็รู้ ถึงแม้เธอจะเรียนจบก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนที่ช่วยเขาได้ ตอนนี้เขาอยู่ในจุดสูงที่มั่นคง เขาเป็นคนดีขนาดนั้น ควรจะได้พัฒนาไปไกลกว่านี้
เขาควรจะแต่งงานกับคนที่ช่วยเขาได้
เสิ่นเผยซวนขมวดคิ้ว “คุณไปไหนมา?”
“ฉันไปหาพนักงานที่เกี่ยวข้องมา ฉันเข้าใจเรื่องทุกอย่างแล้ว ฉันอยากให้เธอได้อยู่ในที่ที่สงบเร็วสักหน่อยน่ะ”
ซ่งหย่าซินมีรอยยิ้มบนใบหน้า “พวกคุณคุยกันไปเถอะ ฉันไม่รบกวนพวกคุณแล้ว”
ครั้งนี้แสดงท่าทีเป็นคนดีเหมือนครั้งแรกอีกแล้ว แต่อันที่จริงในใจกลับไม่ได้คิดแบบนั้นเลย
แต่เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีในการคืนดีกับเสิ่นเผยซวน เธอเลยจำเป็นต้องทำ
เมื่อพูดจบก็รีบเดินจากไป
เมื่อผ่านด้านหลังพวกเขาไป ใบหน้าที่มีรอยยิ้มก็หายไปในทันที
“มีอะไรให้ช่วย ก็บอกได้นะ” เสิ่นเผยซวนพูดขึ้น
ซางหยูส่ายหัว “ไม่มีอะไรหรอก ฉันจะเอาเธอไปฝังที่บ้านเก่า”
เสิ่นเผยซวนมองเธอ “คุณ คุณไม่เป็นไรแล้วเหรอ?”
ก่อนหน้านี้ที่เหมือนจะรับไม่ได้ ทำไมตอนนี้เหมือนไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ?
จะไม่เป็นอะไรได้อย่างไร?เพียงแค่ซ่อนเอาไว้เท่านั้นเอง เธอเป็นคนที่เข้มแข็งมาตลอด
“ตายไปก็ฟื้นไม่ได้แล้ว จากนั้นฉันจะตั้งใจใช้ชีวิต ฉันว่าแม่ที่เสียไปแล้วคงไม่อยากเห็นฉันเสียใจเท่าไหร่น่ะ”
“คุณคิดได้แบบนี้ก็ดี” เสิ่นเผยซวนโล่งใจ เพราะกลัวว่าเธอจะคิดไม่ตก
“เผยซวน” ซูจ้านเดินออกมา ก็เห็นว่าซางหยูกำลังทักทายอย่างยิ้มแย้ม “โย่ว ซางหยู คุณเองก็อยู่เหรอ”
“พวกคุณน่าจะมีเรื่องต้องคุยกัน ฉันไปก่อนนะ” ซางหยูพยักหน้าให้พวกเขา ก่อนจะหันตัวเดินออกไป เธอเข้าใจเรื่องที่เกี่ยวข้องแล้ว หลังจากที่ทำเรื่องเสร็จก็จะเอาแม่ออกไปได้
แขนของซูจ้านท้าวไหล่ของเสิ่นเผยซวนเอาไว้ “พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?ทำไมเธอดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ ตาก็บวม คุณแกล้งอะไรเธอเหรอ?”
เสิ่นเผยซวนขี้เกียจสนใจเขา เลยมองเขาเบาๆ “มาหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอ?”
ซูจ้านยิ้มเล็กน้อย “อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
“ในเมื่อไม่มีอะไรก็ไปเถอะ” เสิ่นเผยซวนเดินออกจากห้องทำงาน ซูจ้านก็ตามเขาไป พลางเบ้ปาก “คนอย่างคุณ เห็นคนรักดีกว่าเพื่อนงั้นเหรอ?”
เสิ่นเผยซวนเย็นชาไม่โต้ตอบ ดูก็รู้ว่าไม่มีอารมณ์จะมาโต้เถียงกับเขา ซูจ้านเลยใช้ไหล่กระแทกเขาอย่างระวัง “คุณกับซางหยูมีปัญหากัน……”
“คุณจะพอได้หรือยัง?” เสิ่นเผยซวนตัดบทเขาอย่างเย็นชา
ซูจ้านด่าในใจ ด้วยอารมณ์ไม่ดีจริงๆ เขาก็ไม่ได้พูดต่อไป เลยพูดอย่างจริงจัง “ที่มาหาคุณก็เพราะมีธุระน่ะ”
เสิ่นเผยซวนเปิดประตูถาม “มีเรื่องอะไร?”
“คือว่า……คือจิ่งห้าวให้เราไปที่บ้านพัก เหมือนจะเชิญเราไปทางข้าว” แววตาของซูจ้านนั้นไม่ได้มองไปที่เสิ่นเผยซวน
เขาหาเสิ่นเผยซวนเพราะอยากจะให้เขาไปกินข้าวที่บ้านพักเป็นเพื่อน อันที่จริงก็เพราะจะได้เจอฉินยา นั่นถึงจะเป็นเป้าหมายจริงๆ
แต่ว่าอารมณ์ของเสิ่นเผยซวนนั้นเหมือนจะไม่ดีเท่าไหร่ เขาพูดไปตรงๆ เสิ่นเผยซวนคงจะไม่ยอมไปบ้านพักกับเขาแน่นอน ดังนั้น เลยโกหกไป บอกว่าจงจิ่งห้าวเรียกพวกเขาไป
เขาไปบ้านพักคนเดียวก็ดูจะหาข้ออ้างดีๆ ไม่ได้ เลยต้องลากเขาไปด้วย
เสิ่นเผยซวนไม่ได้สงสัยอะไร เลยตอบรับ “ฉันรู้แล้วล่ะ”
ซูจ้านอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้เห็นว่าตัวเองเป็นคนนอก เลยหยิบแก้วขึ้นมาเติมน้ำด้วยตัวเอง “นี่ก็สี่โมงกว่าแล้ว ฉันรอคุณสักพัก แล้วเราไปกันเถอะ”
เขารับแก้วน้ำมาก่อนจะนอนบนโซฟา
เสิ่นเผยซวนวางบันทึกในมือลง พลางมองซูจ้าน “คุณมีเวลา ก็ไปที่บ้านพักก่อนเถอะ ฉินยาอาจจะอยู่ในบ้านพัก”
ซูจ้านพูดขึ้นเสียง “ฉันไม่ได้เหมือนพวกคุณที่เห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อนนะ ฉันเป็นคนดี”
“คนดีๆ บนโลกนี้คงจะตายไปหมดแล้ว เลยมาถึงตาคุณ” เสิ่นเผยซวนมองด้วยอารมณ์ว่าฉันมองออกนะ “คุณกลัวฉินยาใช่ไหม?”
ซูจ้านปากแข็ง “ฉันจะกลัวเธอทำไม?”
ถึงจะกลัวก็ไม่มีทางยอมรับ ไม่อย่างนั้นคงจะโดนดูถูกแน่ๆ
อยู่ต่อหน้าเพื่อนจะมาเสียหน้าของลูกผู้ชายไม่ได้
เสิ่นเผยซวนมองเขาออก “คุณปากแข็งดีนะ”
ซูจ้านทำเหมือนไม่ได้ยิน ก่อนจะเอาขาพาดที่โต๊ะน้ำชาไปมา
เมื่อถึงเวลาห้าโมง ซูจ้านก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว เลยพยายามเร่งให้เสิ่นเผยซวนเลิกงาน “ไปเถอะๆ”
เสิ่นเผยซวนถูกซูจ้านดึงออกจากห้องทำงาน
“เราขับรถคันเดียวก็พอ” ซูจ้านดึงเผยซวนก่อนจะเดนไปที่รถของตัวเอง
เสิ่นเผยซวนดึงมือของเขา “คุณรีบร้อนขนาดนี้ ทำไมกัน?”
“ฉันหิวแล้ว” ซูจ้านตอบเขากลับมา
พวกเขาขับรถไปที่บ้านพัก ในตอนนั้นเองจงจิ่งห้าวพาเด็กกลับมาได้ไม่นาน หลินซินเหยียนกับเด็กสองคนนั้นนั่งกินแตงกวาบนโซฟา จงจิ่งห้าวบอกว่ามีเหงื่อ เลยจะไปอาบน้ำ
“หม่ามี๊ คุณดูสิ ฉันคีบได้เองเลยนะ” จงเหยียนซีเริ่มโอ้อวด “เราไปเล่นสวนสนุกในห้างเถอะ ข้างในมีของเล่นสนุกๆ มากมาย เราเล่นทุกอย่างเลย น่าสนุกจริงๆ เลย”
หลินซินเหยียนจิ้มแตงโมอีกหนึ่งชิ้นเข้าปาก “ดังนั้นเลยกลับมาช้าขนาดนี้ใช่ไหม?”
“ใช่ อยากจะเล่นอีกรอบด้วย” จงเหยียนซีเริ่มจินตนาการไปถึงครั้งหน้า เธอกิดตุ๊กตาขนฟูอย่างไม่ยอมปล่อย ก่อนจะวางเจ้าขาวลงข้างๆ
จงเหยียนเฉินมองน้องสาว “คุณคีบตุ๊กตาตัวนี้ ใช้เงินไปเท่าไหร่?”
จงเหยียนซีเหมือนถูกเหยียบหาง เลยโกรธขึ้นมา “คุณสนใจทำไมว่าฉันเสียเงินไปเท่าไหร่ ไม่ได้ใช้เงินคุณสักหน่อย พ่อก็บอกแล้วว่าขอแค่ฉันมีความสุขก็พอ คุณจะมาพูดกับหม่ามี๊ว่าฉันเสียเงินไปเท่าไหร่ทำไม?คุณเล่นแข็งรถก็เสียไปเยอะเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
“เราไม่เหมือนกัน ฉันเล่นรถแข่ง แรกเริ่มแพ้บ่อย แต่จากนั้นฉันชนะเยอะมาก แต่คุณ คีบตุ๊กตา เสียไปเป็นพัน ต้องหยอดเรียญสองครั้งในการคีบครั้งเดียว ราคาเป็นพันคีบได้กี่ครั้ง?แถมมันเหมือนกับว่าเสียเงินเป็นพันเพื่อซื้อตุ๊กตามาเลยล่ะ”
หลินซินเหยียนหันหัวไปมองตุ๊กตาที่ลูกสาวถืออยู่ มันเป็นตุ๊กตาขนฟูธรรมดาๆ ที่ร้านของเล่นคงจะขายสักเจ็ดแปดสิบ เธอเสียเงินไปเป็นพันเพื่อให้เครื่องคีบตุ๊กตาคีบขึ้นมางั้นเหรอ?