【หลิน
ไม่เจอกันตั้งนาน รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก ในความทรงจำยังหยุดอยู่ตอนที่เธอพึ่งจะเข้าELO
เพียงพริบตาก็ผ่านไปแล้วหลายปี เธอเองก็มีที่พึ่งแล้ว ขอแสดงความยินดีกับเธอด้วย
คุณจงเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง ฉันดีใจกับเธอมาก
ชุดแต่งงานฉันเป็นคนออกแบบเองกับมือ หวังว่าเธอจะชอบนะ หากว่าไม่ใช่เพราะฉันอายุมากแล้วร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ฉันจะไปร่วมงานแต่งงานของเธอแน่นอน
อนาคตหวังว่าจะมีโอกาสเจอกันอีก
สุขสันต์วันแต่งงาน!】
อ่านจดหมาย หลินซินเหยียนก็คิดถึงตอนที่ตนเองพึ่งไปELO เพราะว่าคุณนายเวลเลี่ยนให้โอกาสตนเอง เธอนึกว่าตนเองจะอยู่ที่ELOไปตลอด แต่ไม่คิดเลยว่าตนเองไม่เพียงแต่กลับประเทศ แถมยังสร้างห้องทำงานของตนเองอีก
เดิมทีคิดว่าคงจะไม่มีความรักและตนเองที่มีความสุขแน่ๆ มาถึงวันนี้กำลังจะเข้างานแต่งงานในพระราชวัง
ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ?
เธอพับกระดาษจดหมายลง มองออกไปนอกหน้าต่าง เบื้องหน้าปรากฏใบหน้าของจงจิ่งห้าวอย่างลึกลับ คิดถึงเขาอย่างกะทันหัน
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับมา เพื่อไม่สร้างปัญหาให้เขาเพิ่ม เธอเลยไม่เคยติดต่อเขา วันนี้จู่ๆก็อยากจะติดต่อเขาขึ้นมา ควบคุมตัวเองไม่อยู่
เธอหยิบมือถือขึ้นมา ปัดหน้าจอเพื่อค้นหาเบอร์โทรศัพท์ของจงจิ่งห้าว ลังเลอยู่สักพัก ตอนที่คิดจะกดโทรออก มันก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ที่แสดงขึ้นมาเป็นเบอร์ที่เธออยากจะโทรออกไปพอดี
เธอแทบจะไม่ลังเลสิ่งใด รีบกดรับทันที
“ฮัลโหล”
สองสามวันนี้จงจิ่งห้าวยุ่งมาก ผ่านความสัมพันธ์ของช่าวหยุนเขาได้รู้จักกับข้าราชการช่วงเวลาเดียวกับท่านกู้
และก็ได้รับข้อมูลมาจากที่นี่ที่ท่านปู่กู้ได้ก่ออาชญากรรมเมื่อนานมาก่อน
รู้ต้นตอของเรื่องที่เฉพาะเจาะจง เลยส่งคนไปที่นั่นตรวจสอบ หาข้อเท็จจริง หาคนมารับรองหลักฐาน ก่อนที่เรื่องจะแดงออกมา เขาไปด้วยตัวเองรอบหนึ่ง กลัวว่าจะเกิดความผิดพลาด
เขาไม่ได้ลากช่าวหยุนเข้ามาเกี่ยวด้วย เพียงแค่ใช้ความสัมพันธ์ของช่าวหยุนรับรู้เรื่องในอดีตบางอย่างที่ไม่มีใครรู้ ที่เหลือเขาจัดการเอง
ด้านหนึ่งนำผู้เสียหายทั้งหมดไปที่เมืองB อีกด้านหนึ่งติดต่อกับสื่อใหญ่ๆผ่านความสัมพันธ์ของตัวเอง เขาไม่ได้หาคนมารับช่วงต่อคดีนี้ แต่เป็นให้สื่อเปิดเผยออกมา ทำให้เรื่องใหญ่โต เพื่อกดดันรัฐบาล
คนต่างก็เข้าข้างผู้อ่อนแอ คนที่มาส่วนใหญ่แก่ก็แก่ เด็กและเด็ก ความสมดุลของใจคนก็จะเข้าข้างพวกเขาไปโดยธรรมชาติ
เบื้องบนจำเป็นต้องให้คำชี้แจงต่อสาธารณชน
ในเวลาเดียวกัน ค่อยเปิดเผยเรื่องของกู่เป่ยเข้าไปอีก ให้เรื่องใหญ่โตไปถึงจุดที่แก้ไขไม่ได้
ถึงแม้เขาจะไม่ได้อยู่ในข้าราชการ แต่ว่าก็รู้ใจของคนดี ไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งไหน ต่างก็มีคนอิจฉาเสมอ ตราบใดที่มีความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย จะต้องมีคนคอยผสมโรงแน่นอน
เรื่องเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ พัฒนาไปอย่างราบรื่น อีกอย่างเบื้องบนก็ให้ความสำคัญมาก เท่าที่เขารู้ เบื้องบนได้จัดตั้งกลุ่มทำคดีเฉพาะขึ้นมาแล้ว เพียงแค่หลักฐานชัดเจน ก็จะถูกพิจารณาคดีอย่างแน่นอน
เดิมทีก็เป็นความจริงอยู่แล้ว ก็แค่เรื่องจะช้าหรือเร็วก็เท่านั้น
ต้องรักษาความร้อนเอาไว้ เขาให้กวนจิ้งจ้างกองทัพน้ำอินเทอร์เน็ต คอยปล่อยข่าว ให้เกิดประเด็น ให้ความร้อนไม่ลดลง ให้ผู้คนรับรู้มากกว่าเดิม
สิ้นสุดการนัดพบกับผู้อำนวยการของสองสื่อใหญ่ เขาก็เร่งรีบกลับไปที่วิลล่าทันที สองสามวันนี้วุ่นอยู่ข้างนอกตลอด ไม่มีเวลากลับมา วันนี้ถือว่าสิ้นสุด ด้านหลังก็แค่ต้องระวังแนวโน้ม
เขาดับรถจอดสนิท ตอนที่คิดจะเดินเข้าไปในบ้าน ก็อยากรู้ว่าหลินซินเหยียนคิดถึงตนเองบ้างหรือเปล่าขึ้นมากะทันหัน
สองสามวันนี้เธอไม่ติดต่อมาหาตนเองเลย
เขาพิงประตูรถ กดโทรเบอร์ของหลินซินเหยียน
แต่ทว่าที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ พึ่งจะกดโทรออกก็ถูกรับสายแล้ว
ในใจตกตะลึงไปพักหนึ่ง แต่ว่าไม่นานก็ได้สติกลับมา
“เล่นมือถืออยู่หรอ?” ไม่อย่างนั้นทำไมถึงรับโทรศัพท์เร็วขนาดนี้?
หลินซินเหยียนตอบอืมทีหนึ่ง “คุณสบายดีมั้ย?”
เดิมทีอยากจะบอกว่า คิดถึงคุณ อยากโทรหาคุณ
จงจิ่งห้าวเงยหน้ามองท้องฟ้า อากาศวันนี้ดีมาก มีดวงดาวมากมาย เขากระตุกยิ้ม “คิดถึงผมมั้ย?”
หลินซินเหยียนลุกลงมาจากเตียง เดินไปที่หน้าหน้าต่างนั่งลงบนโซฟาเดี่ยว ค่อยๆเอนตัวพิง พูดว่า “ฉันคิดถึงคุณ คุณจะมาปรากฏตัวต่อหน้าฉันตอนนี้ทันทีเลยได้มั้ยคะ?”
“เช่นนั้น คุณก็อธิษฐานต่อพระเจ้าสิ ให้เขาพาผมไปอยู่ข้างกายคุณตอนนี้?”
หลินซินเหยียนยิ้ม “งั้นคุณอธิษฐานเถอะ”
“คุณยังไม่ได้บอกว่าคุณคิดถึงผมเลย ผมจะอธิษฐานได้ยังไง?” จงจิ่งห้าวยิ้มบางๆ แค่อยากฟังเธอบอกว่าคิดถึงตนเอง
หลินซินเหยียนไม่ได้ปิดบังความในใจของเธอ พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ฉันคิดถึงคุณ คิดถึงมากค่ะ”
“งั้นผมจะอธิษฐานต่อพระเจ้าตอนนี้เลย” เขาหมุนตัวเดินไปทางเข้าบ้าน ไม่ได้กดกริ่ง แต่ใช้รหัสผ่านเปิดประตูวิลล่า เวลานี้ทุกคนน่าจะพักผ่อนกันไปหมดแล้ว ในห้องโถงมีเพียงดวงไฟกลางคืนสลัวๆสว่างอยู่หนึ่งดวง เงียบสงบมาก
เขาเปลี่ยนเป็นรองเท้าสลิปเปอร์เดินขึ้นบันได เขาเคลื่อนไหวเบามาก กลัวจะทำให้คนในบ้านตกใจ
“คุณนับถึงสิบ ดูสิว่าพระเจ้าจะสามารถส่งผมไปอยู่ตรงหน้าคุณได้หรือเปล่า”
หลินซินเหยียนอดขำออกมาไม่ได้ “คุณเชื่อพระเจ้าด้วยหรอ?”
“คนที่ไม่มีศรัทธา ไม่มีวิญญาณ รีบนับสิ”
หลินซินเหยียนรู้สึกว่าเวลาเขาทำตัวเป็นเด็ก ก็น่ารักดี
“งั้นฉันจะนับละนะ?”
“อืม”
หลินซินเหยียนตอบว่าตกลง จากนั้นก็เริ่มนับ “10,9,8,……3,2,1……”
แกร๊ก ตอนที่เสียงของเธอนับถึงเลขสุดท้ายสิ้นสุดลง ประตูห้องก็ดังขึ้น ตามมาด้วยประตูถูกผลักออก
เธอหันหน้าไปมอง
ใต้แสงสลัวๆ เธอเห็นเงาร่างสูงร่างหนึ่ง มองเห็นลางๆโครงหน้านั้นที่เธอคิดถึง
“จิ่งห้าว?”
น้ำเสียงสั่นคลอนเล็กน้อย ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะปรากฏตัวจริงๆ
จงจิ่งห้าวยิ้ม “ผมเอง…”
เขายังพูดไม่จบ ก็ถูกหลินซินเหยียนวิ่งเข้ามากอด ศีรษะซุกอยู่ตรงอ้อมอกของเขา “สองสามวันนี้ฉันเป็นห่วงคุณมาก”
จงจิ่งห้าวก้มหน้าลงมาจูบหน้าผากของเธอ “ทำไมไม่โทรมาหาผมล่ะ?”
“ฉันกลัวจะสร้างปัญหาให้คุณ ทำให้คุณฟุ้งซ่าน” หลินซินเหยียนเงยหน้ามองเขา ผ่านแสงที่สลัวๆ มองใบหน้าพร้อมถามขึ้น “คุณคิดถึงฉันมั้ย?”
“คิดถึง”
หลินซินเหยียนเม้มปาก “ฉันก็เหมือนกัน”
พูดจบก็เขย่งเท้า จูบลงที่ริมฝีปากของเขา จงจิ่งห้าวโอบเอวของเธอและตอบรับ
หลินซินเหยียนในวันนี้เร่าร้อนมาก
จงจิ่งห้าวพูด “ผมไปอาบน้ำนะ”
สองสามวันนี้เขาไม่ได้พักผ่อนดีๆเลย อยู่ข้างนอกตลอด
หลินซินเหยียนได้กลิ่นเหงื่อบนตัวของเขา กลิ่นจางๆ แต่เธอไม่ได้รู้สึกว่าเหม็นอะไร เธอยิ้ม “คุณจะสภาพยังไงฉันก็ไม่รังเกียจหรอก ต่อให้มีหนวดเครารุงรัง แต่งตัวเซอร์ๆ ก็ไม่เป็นไร ฉันก็ยังคงชอบคุณค่ะ”
“คุณไม่รู้ว่าผมมีภูมิต้านทานต่อคุณต่ำหรือไง? คุณเป็นแบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึกว่า คุณกำลังยั่วยวนผมนะ” จงจิ่งห้าวลูบใบหน้าของเธอ นิ้วมือเลื่อนผ่านข้างหู ลูบต้นคอของเธอเบาๆ
หลินซินเหยียนเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต “แล้วคุณจะทำยังไงล่ะ?”
เขาก้มลงมองมือของเธอ โน้มตัวลงมาริมฝีปากแนบชิดกับใบหูของเธอพูดเสียงเบาๆว่า “อุ้มคุณขึ้นเตียง”
แนบชิดใกล้เธอแบบนี้ ทำให้ได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวของเธอ หอมมาก ราวกับกลิ่นอาหารหอมคลุ้งเย้ายวน ทำให้คนรู้สึกอยากลองชิม
คิดแบบนั้น เขาก็ทำแบบนั้น
โอบเอวเธอและอุ้มขึ้นมา วางราบลงบนเตียง
แต่หลินซินเหยียนกลับไม่อยู่นิ่งๆ แต่ลุกขึ้นมาผลักเขาลงไป ขึ้นไปนั่งคร่อมเขา ทับลงบนตัวเขาแบบนี้ “ให้ฉันกอดคุณแบบนี้นะคะ”
จงจิ่งห้าว “……”
เขาไม่ได้ต้องการแค่กอด
“ภรรยาครับ” เขาน้ำเสียงแหบพร่า