“เธอคิดจะทำอะไร?” หลินซินเหยียนรู้สึกได้ถึงความคิดร้ายๆของเธอ
แต่ว่าก็ไม่กล้ามั่นใจ
“ให้เขาตายใจ คิดว่าฉันมีผู้ชายอื่นแล้ว” ฉินยาพูดอย่างเลี่ยงไม่ได้
หลินซินเหยียนขมวดคิ้ว มองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ “เธอทำไมถึงใช้วิธีแบบนี้? เธอควรจะพูดกับเขาให้ชัดเจน…”
“เธอจะให้ฉันบอกเขาว่า ร่างกายฉันมีข้อบกพร่องงั้นหรอ?” ฉินยาตัดบทเธอ หากว่าพูดออกไปได้ ก็พูดไปตั้งนานแล้ว
ไม่รอจนถึงวันนี้หรอก
“อารองโสดตัวคนเดียว ฉันก็โสดตัวคนเดียวเหมือนกัน ใช้ชีวิตร่วมกัน ที่จริงก็ดีทีเดียว”
“……”
“เธอเอาจริงหรอ?” หลินซินเหยียนไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองจริงๆ
ฉิยาพยักหน้า “ใช่ ที่จริงฉันอยากจะทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว แต่เพราะว่าบาดแผลยังไม่หายดี อารองก็ไม่อยู่ ก็เลย…”
นี่มันเกิดขึ้นฉับพลันจริงๆ ทำให้เธอไม่รู้จะพูดกับฉินยายังไง เธอลุกยืนขึ้น “ฉันขอสงบสติแปปนึง”
พูดจบเธอก็เดินออกไป
ฉินยารู้ว่าเธอเป็นห่วงตัวเอง เอาตัวเองมาถึงทางตัน ตัดขาดความเป็นไปได้ทุกอย่างกับซูจ้าน
แต่ว่าเธอตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว ใครก็มาทำให้ไขว้เขวไม่ได้
“ไม่ต้องห่วงฉัน แทนที่จะให้ฉันมีชีวิตอยู่ด้วยความกดดัน สู้ผ่อนคลายสักหน่อยจะดีกว่า” ฉินยาเรียกเธอให้หยุด
ต่อให้ไม่ใช่ซูจ้าน เธอรักผู้ชายคนอื่น แล้วจะยังไงล่ะ?
คนที่ร่างกายบกพร่องคนหนึ่ง มักจะทำให้เธอรู้สึกละอายใจกับคนรัก แทนที่จะมีชีวิตอยู่ในความละอายใจ สู้สง่างามสักหน่อยจะดีกว่า ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว หรือใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ไม่ทำให้ตัวเองรู้สึกกดดันดีกว่า
ขอแค่ไม่อยู่กับคนที่รักก็พอแล้ว
หลินซินเหยียนหยุดฝีเท้า ไม่ได้โน้มน้าวเธอ และก็ไม่ได้ห้ามเธอ เธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว รู้ว่าตัวเองทำอะไร เธอไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้
“ยังพอมีเวลา เธอคิดดูดีๆ แค่เธอทำแบบนี้แล้ว ก็เท่ากับว่าปล่อยซูจ้านไปจริงๆเลยนะ” หลินซินเหยียนไม่ได้พูดอะไรมาก ทางข้างหน้าเธอก็ต้องเดินเอง ใครก็ตัดสินแทนเธอไม่ได้ สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือเตือนเธอ
“ฉันรู้ ฉันคิดดีแล้ว” ฉินยาคิดอย่างละเอียดแล้ว เธอที่ร่างกายเป็นแบบนี้ จะลากคนอื่นมาลำบากด้วยไม่ได้ แล้วก็ไม่ทำให้ตัวเองลำบากใจด้วย
ไม่รู้สึกรักกับใคร เป็นการใช้ชีวิตที่ดีที่สุด
“เธอเองคิดดีแล้วก็ดีแล้วล่ะ”
พูดจบหลินซินเหยียนก็เดินออกจากห้องของเธอ
จงฉีเฟิงกับเฉิงยู่เวินพาเด็กทั้งสองคนออกไปแล้ว ในวิลล่าเลยเงียบมาก เธอเดินขึ้นข้างบน อารมณ์แปรปรวนเล็กน้อย
เธอคิดว่าฉินยาทำแบบนี้คิดตื้นเกินไป แต่ว่าก็จะไม่เคารพเธอก็ไม่ได้ เธอเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่สามารถมีลูกให้ชายอันเป็นที่รักได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นเธอเลยไม่สามารถพูดอะไรได้ บางที เธอกับซูจ้านมีพรหมลิขิตแต่ไม่มีวาสนาได้อยู่ด้วยกันก็ได้
วันนี้ ก็ลิขิตให้ไม่สงบสุข
บนอินเทอร์เน็ตมีคนปล่อยข่าวเป็นระยะๆ ความร้อนไม่ลดลงเลยสักนิด ทวีคูณความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
โรงพยาบาล แม่กู้ที่เป็นลมฟื้นขึ้น ในชีวิต มีลูกทั้งหมดเจ็ดคน จนถึงวันนี้ที่อยู่ข้างกายเหลือเพียงสองคน พี่ใหญ่และพี่หก พี่สองพี่สามพี่ห้า แทบจะตัดขาดจากตระกูลกู้โดยสิ้นเชิง กู้เป่ยเข้าคุกไปแล้ว ในบ้านพี่ห้ามีลูกสามคนที่ต้องดูแล ออกมาไม่ได้ อีกอย่างสามีก็ไม่ยินยอมให้เธอไปมาหาสู่กับตระกูลกู้ด้วย เธอมีใจแต่ไร้ความสามารถ อยากจะช่วย แต่ว่าตัวเองก็เป็นเพียงหญิงสูงวัยคนหนึ่ง เพื่อลูก ไม่สามารถทะเลาะกับสามีได้ ทะเลาะขึ้นมาจริงๆ ครอบครัวแตกแยก ลูกของเธอไม่มีพ่อ ถ้าอย่างนั้นลูกของเธอก็น่าสงสารมาก ดังนั้นเธอได้แต่ออกห่างจากตระกูลกู้
เพื่อให้ครอบครัวของตนเองสมบูรณ์
พี่หกไม่เหมือนกับพี่สาวห้าคนก่อนหน้า แม้ว่าจะถูกเลี้ยงดูมาจากด้านนอก แต่ว่าหลังจากบรรลุนิติภาวะก็ไปเรียนต่อต่างประเทศ คะแนนยอดเยี่ยมมาก หลังจบการศึกษาก็มีงานที่ดีทำ เป็นรองประธานบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่ง ถือได้ว่าเป็นผู้หญิงแกร่ง
ถือว่าค่อนข้างมีความรู้สึกต่อมารดาอยู่บ้าง
เธอและพี่ใหญ่วิ่งวุ่นอยู่ข้างนอกตลอด ลุงๆป้าๆที่เมื่อก่อนเคยไปที่บ้านบ่อยๆ ต่างก็หายหน้าหายตาไปหมด เหตุผลต่างๆนาๆปฏิเสธว่าไม่ว่าง
ที่จริงล้วนแต่เป็นข้ออ้าง เห็นตระกูลกู้กำลังจะตกต่ำ ต่างค่อยๆถอยออกห่าง
สังคมนี้มันก็เป็นแบบนี้ ตอนที่เธอเฉิดฉาย คนที่เข้ามาดีด้วยมีมากมาย ตอนคับขันต้องการความช่วยเหลือมีเพียงน้อยนิดไม่กี่คน
เห็นความจริงในยามทุกข์ยาก คำพูดนี้ไม่ใช่เรื่องหลอกลวง พวกเธอเคยถูกคนยกย่องเยินยอ มาวันนี้ทุกคนต่างก็หลีกเลี่ยงพวกเธอตระกูลกู้ที่โหดเหี้ยม
เห็นพวกเธอราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น
ท่านปู่กู้ถูกขังเอาไว้ ลึกลับมาก พวกเธอพบไม่ได้เลย ขอร้องคนมากมายก็พบได้แค่เพียงกู้เป่ยเท่านั้น
หลังจากที่กู้เป่ยอยู่ข้างในนั้นมาหนึ่งคืน เหมือนกับจะได้สติขึ้นมาไม่น้อย ถ้าไม่ใช่ตอนที่พึ่งเกิดเรื่องขึ้น สมองสับสนงุนงง เขาคิดเรื่องบางอย่างได้อย่างชัดเจน
ศัตรูหนึ่งเดียวของเขาก็คือจงจิ่งห้าว
แต่ว่า เขาไม่เข้าใจว่าเรื่องเก่าๆเมื่อนานมาแล้วของพ่อถูกรื้อขึ้นมาได้อย่างไร
ถือโอกาสที่พี่สาวมาหาตนเอง เขาพูดการคาดคะเนของตนเองออกมา บอกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับจงจิ่งห้าว หรือเขานั่นแหละที่เป็นคนทำ
“นายไปขัดใจเขางั้นหรอ?” พี่หกกู้หุ้ยหยวนถาม
กู้เป่ยตอบเลี่ยงๆ “เกิดเรื่องขัดแย้งกันนิดหน่อย”
“เกิดเรื่องขัดแย้งกันนิดหน่อย?” กู้หุ้ยหยวนหัวเราะเหอะทีหนึ่ง แน่นอนว่าไม่เชื่อ ถ้าหากเป็นแค่เรื่องเล็กๆเรื่องหนึ่ง เขาจะทำทุกวิถีทาง ทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้เลย? บีบตระกูลกู้จนถึงทางตัน?
“ตกลงว่านายทำอะไรมา?” กู้หุ้ยหยวนเสียงเข้ม “นายไม่พูดความจริง ใครจะช่วยนายได้?”
บรรดาพี่สาวไม่กี่คน ก็พี่หกนี่แหละที่สามารถปราบกู้เป่ยได้
กู้เป่ยหลุบตาต่ำ “เริ่มแรกก็เพราะเรื่องเล็กน้อย ฉันช่วยเหลือเหวินชิงนิดหน่อย เดิมทีแค่จับตัวด้วยกัน ต่อมาไม่ระวังเกิดอุบัติเหตุขึ้น จนถึงแก่ชีวิตคน อย่างที่พวกพี่รู้ ก็คือแม่เลี้ยงคนนั้นของจงจิ่งห้าวนั่นแหละ ต่อมาเขาก็ใส่ร้ายฉัน แล้วฉันจะอยู่เฉยได้รึไง เลยงัดข้อกับเขา จับตัวคนรอบกายภรรยาของเขามา ใส่ร้ายเพื่อนของเขา…”
“นายเป็นไอ้โง่รึไง?” กู้หุ้ยหยวนอดไม่ได้ ด่าเขาออกมาทีหนึ่ง เพราะเรื่องของคนอื่น เอาตัวเองมาตกระกำลำบาก ไม่ใช่ไอ้โง่แล้วเป็นอะไร?
“ตอนนี้ตระกูลกู้ทั้งตระกูลถูกทำลายด้วยน้ำมือนาย นายไปเป็นศัตรูกับเขาเพื่ออะไร? นายจับคนของเขา ใส่ร้ายเพื่อนของเขา เขาไม่เอาคืนนาย ให้หดหัวเป็นหลานชายรึไง?” กู้หุ้ยหยวนอยากจะตบเขาสักสองทีเสียจริงๆ
“เขาเป็นคนยังไง? นายไม่รู้รึไง? ไม่เคยได้ยินนิสัยของเขารึไง? เป็นคนประเภทรังแกได้ง่ายๆหรอห้ะ?” กู้หุ้ยหยวนโกรธจนรู้สึกจุกอก เพราะว่าโมโหมากเกินไป หน้าเลยเปลี่ยนเป็นสีเขียว
เห็นได้ชัดว่าเธอโกรธมากแค่ไหน
กู้เป่ยก้มหน้าไม่พูดจา
เขารู้สึกเสียใจภายหลัง แต่ว่าตอนนั้นมันข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่นี่นา
“ใครจะไปรู้ว่าตอนที่พ่อยังหนุ่ม จะเคยทำเรื่องแบบนี้? ทำร้ายตัวเองเข้าคุกแล้ว…”
เพี๊ยะ!
เขายังพูดไม่จบ กู้หุ้ยหยวนก็ตบเขาเข้าทีหนึ่ง พูดอย่างเดือดดาลว่า “ถึงตอนนี้นายยังเห็นไม่ชัดอีกหรอ? เป็นเพราะว่านาย เขาถึงได้หาจุดอ่อนของพ่อไง”
ขณะนั้นมีคนเดินเข้ามาบอกว่าหมดเวลาแล้ว
กู้เป่ยรู้สึกกลัว ดึงชายเสื้อพี่สาวสองคนไว้ “พี่ใหญ่ พี่หกพวกพี่ต้องช่วยฉันนะ ฉันอยู่ในนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ในนี้มันไม่ใช่สถานที่ที่คนอยู่สักนิด”
“เราจะช่วยนายแน่” พี่ใหญ่กลั้นน้ำตา กู้เป่ยยังไม่รู้สถานการณ์ข้างนอก ตอนนี้ผลเสียมีมากกว่าผลดี
เบื้องบนเห็นได้ชัดว่าจะต้องตรวจสอบเข้มอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นไม่มีทางตั้งกลุ่มทำคดีมาโดยเฉพาะ คนนอกสอดมือเข้าไปยุ่งไม่ได้โดยสิ้นเชิง ต่อให้สามีของพี่น้องสองสามคนยินดีช่วยเหลือ ก็ทำอะไรไม่ได้ แถมยังมีโอกาสเกี่ยวพันไปด้วย ท่าทางของเบื้องบนชัดเจนมากว่าแค่หลักฐานชัดเจน ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคดี ถูกลงโทษไม่ใช่สถานเบาแน่ๆ
กู้หุ้ยหยวนกับพี่ใหญ่ออกจากสถานกักกัน ก็รีบใช้เส้นสายของตนเอง สืบหาวิธีติดต่อจงจิ่งห้าว
เธอกดโทรเบอร์นั้นทันที หลังจากต่อสายติดก็เป็นผู้หญิงรับ เธอกำลังจะอ้าปากพูด ก็ถูกพี่ใหญ่แย่งมือถือไปกดวางสาย
เธอมองพี่ใหญ่ พูดอย่างไม่พอใจ “พี่ทำอะไร?”
“เรื่องมันวุ่นวายมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอคิดว่าหาเขาแล้วจะมีประโยชน์งั้นหรอ? ยังมีทางหวนกลับรึไง?”