เรื่องถอนหมั้นคนของตระกูลเหอรู้หมดแล้ว เหอรุ่ยเจ๋อก็ย่อมรู้เช่นกัน อีกอย่างเขาได้รู้จากปากของเหอรุ่ยหลินว่าทำไมครั้งนี้จงจิ่งห้าวถึงได้ถอนหมั้น
เพราะฉะนั้นพอเจอหน้าเขา จึงปกปิดความโกรธเคืองในใจไว้ไม่อยู่
เหอรุ่ยสิงผู้เป็นพี่ชายที่อยู่ข้างๆ รู้สึกได้ถึงอารมณ์แปรปรวนของน้องชาย จึงได้ตบไหล่เขาและพูดเสียงต่ำ“ตระกูลเหอของเราก็แค่รากฐานมั่นคง ไม่งั้นก็ไม่สามารถยืนอยู่ที่เมืองBอย่างมั่นคงแล้ว นายไม่ได้อยู่ในประเทศมาเป็นเวลานาน ไม่รู้สถานการณ์ในประเทศ ถึงครั้งนี้เขาจะเป็นคนผิดสัญญาก่อน แต่พวกเราก็จะแตกคอกับเขาไม่ได้”
เหอรุ่ยเจ๋อแค่โกรธที่เขาถอนหมั้นอย่างเดียวที่ไหนกัน ที่โกรธมากกว่าคือเพราะเขาพบเห็นหลินซินเหยียน
หกปีก่อน เพื่อให้หลินซินเหยียนหลุดพ้นจากจงจิ่งห้าวโดยสิ้นเชิง เขาได้พาเธอไปจากเมืองB และไปหลบอยู่ที่ประเทศA
เขานึกว่าเวลาผ่านพ้นไปนาน หลินซินเหยียนก็จะสามารถยอมรับเขา เวลาหกปีก็จะสามารถตัดขาดความเกี่ยวพันอันน้อยนิดระหว่างเธอกับจงจิ่งห้าว
แต่ว่าผ่านมาหกปีแล้ว หลินซินเหยียนยังคงไม่ยอมรับเขาอยู่ดี
เพราะหลินซินเหยียนแล้ว จงจิ่งห้าวยังได้ถอนหมั้นกับน้องสาวตัวเองอีก
เขาจะใจเย็นได้อย่างไร?
“แค่มีเงินหน่อย ก็จะสามารถทำอะไรได้ตามใจชอบงั้นเหรอ?” เหอรุ่ยเจ๋อไม่ปกปิดความเกลียดชังและความไม่พอใจที่ตัวเองมีต่อเขา
เหอรุ่ยเจ๋อไม่ได้เก็บเสียง จงจิ่งห้าวจึงได้ยินอยู่แล้ว สายตาได้มองมาที่เหอรุ่ยเจ๋อ จงจิ่งห้าวจำได้ว่าเมื่อก่อนผู้ชายคนนี้ใกล้ชิดกับหลินซินเหยียน
เขาดีดฝุ่นที่ไม่ได้มีอยู่ที่คอเสื้อจริง และพูดอย่างใจเย็นสงบนิ่ง“นายว่าอะไรนะ? ฉันฟังไม่ชัด”
เหอรุ่ยสิงรีบก้าวมาไกล่เกลี่ย“นี่ไม่ใช่เพราะนายจะถอนหมั้นกับหลินหลิน เขาก็เลยบ่นสองคำเหรอ นายไม่ต้องสนใจเขาหรอก”
ตอนที่เหอรุ่ยสิงพูดได้ดึงน้องชาย ให้เขาอย่าพูดจาอีก
เหอรุ่ยเจ๋อดันไม่ยอมหยุด ไม่เกรงกลัวจงจิ่งห้าวเลยสักนิด“ในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ไปทำร้ายจิตใจผู้หญิงคนหนึ่งขนาดนี้ ไม่กลัวถูกฟ้าผ่าตายหรือไง?”
สีหน้าของเหอรุ่ยสิงเปลี่ยนไป จ้องน้องชายตัวเองทีนึง ไม่เป็นญาติที่ผูกพันด้วยการแต่งงานของน้องสาว ดันจะเป็นศัตรูกันให้ได้ใช่มั้ย?
เป็นศัตรูกับตระกูลจง มีผลดีอะไรกับพวกเขา?
ตัวเองลำบากลำบนทำเพื่อบ้านหลังนี้ เขาไม่เคยทำประโยชน์ให้กับบ้านหลังนี้เลย แต่ยังจะมาสร้างปัญหาเพิ่มใช่มั้ย?
นาทีนี้ เหอรุ่ยสิงรู้สึกผิดหวังกับน้องชายเห็นแก่ตัวที่คิดถึงแต่ตนเอง ไม่คิดถึงตระกูลมาก
จงจิ่งห้าวฝืนยิ้ม น้ำเสียงมีความหมายลึกซึ้ง“ฉันกลัวก็แต่สายฟ้าไม่มีตา จะผ่าผิดคน”
เหอรุ่ยเจ๋อกำมือทั้งสองไว้แน่น ถ้าไม่ใช่เหอรุ่ยสิงดึงตัวเขาไว้ ไม่แน่เขาอาจจะพุ่งไปชกกับจงจิ่งห้าวสักยกแล้ว
“พวกท่านอยู่ข้างในกันหมด นายเข้าไปก่อนเลย น้องชายฉันคนนี้เอ็นดูน้องสาวที่เร่ร่อนลำบากอยู่ข้างนอกมาตั้งแต่เด็ก นี่ถึงได้พูดจาไม่รู้จักกาลเทศะ นายอย่าถือสาเขาเลยนะ”เหอรุ่ยสิงฝืนยิ้ม
จงจิ่งห้าวมองเขาอย่างราบเรียบทีนึง จากนั้นก็ได้เดินเข้าไปด้านใน
จงฉีเฟิงกับเหอเหวินหวยนั่งอยู่บนโซฟาหลัก
ของห้องโถงและกำลังพูดคุยกัน
เหอรุ่ยหลินนั่งอยู่ที่ข้างกายของเหอเหวินหวย ดวงตาแดงก่ำเหมือนเพิ่งร้องไห้มา
ใบหน้าที่เดิมทีแต่งได้งดงาม นาทีนี้ค่อนข้างเลอะแล้ว
เห็นจงจิ่งห้าวเดินเข้ามา เธอรีบลุกขึ้น“อะห้าว——”
จงจิ่งห้าวไม่ได้พูดอะไรต่อ เขานั่งอยู่บนโซฟา เป็นฝ่ายพูดก่อนจะได้ควบคุมอีกฝ่ายได้ “ไม่ว่ายังไงผมก็จะถอนหมั้นอยู่ดี มีข้อเรียกร้องอะไรพวกคุณเสนอออกมาได้เลยครับ”
จงฉีเฟิงเครียดจนเกือบจะกระอักเลือดอยู่แล้ว
เขาพูดคุยกับเหอเหวินหวยอยู่ในห้องรับแขกตั้งครึ่งค่อนวัน ก็เพราะไม่อยากถอนหมั้น
ทั้งสองตระกูลแต่งงานเชื่อมสายสัมพันธ์กัน ตระกูลแกร่งกับตระกูลแกร่งมาผนึกกำลังกัน ไม่ว่าตระกูลจงหรือตระกูลเหอก็มีผลดีทั้งนั้น
เป็นเรื่องดีที่ได้ผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย
“จิ่งห้าว เรื่องความรักของคนหนุ่มสาวลุงก็ไม่เข้าใจ จู่ๆนายจะถอนหมั้น คือหลินหลินลูกสาวลุงมีตรงไหนไม่ดีหรือเปล่า?”เหอเหวินหวยมีสีหน้าเป็นมิตร น้ำเสียงก็ไม่รีบร้อนไม่หงุดหงิด
เก็บอารมณ์ได้เก่งกว่าลูกชายทั้งสองของเขา
อยู่มาจนอายุปูนนี้ มีเรื่องอะไรบ้างที่ไม่เคยเจอ เขาย่อมสงบสติอารมณ์ได้อยู่แล้ว
ถ้าคนของตระกูลเหอตะโกนโหวกเหวกและกล่าวโทษเขา เขาก็ง่ายที่จะจัดการแล้ว กลัวก็แต่เจอจิ้งจอกเฒ่าที่บำเพ็ญตบะมานับพันปีอย่างเหอเหวินหวยแบบนี้แหละ
จงจิ่งห้าวก็ไม่ใช่ย่อย ถึงแม้ประสบการณ์ชีวิตมีไม่มากเท่าเหอเหวินหวยแต่ก็เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาเหมือนกัน ความทรงอำนาจไม่แพ้เขาเลยสักนิด“ผมมีนิสัยติดตัวมาตั้งแต่เกิดก็คือไม่ชอบให้คนอื่นมาหลอกผม”
เหอเหวินหวยเห็นท่าไม่ดี ลูกสาวมีความผิดและถูกเขาจับได้จริงๆด้วย?
จงจิ่งห้าวไม่อยากขุดคุ้ยเรื่องในอดีต แค่อยากแก้ไขเรื่องตรงหน้านี้โดยเร็ว
“ท้ายที่สุดเรื่องนี้ผมเป็นคนสะเพร่าเอง ไม่ควรรับปากแล้วมากลับคำพูด ยังไงก็ผมเป็นคนผิดสัญญาก่อน พวกคุณต้องการให้ชดเชยอะไรก็พูดมาเลยครับ ขอแค่ผมให้ได้ก็จะไม่หวงก้างเด็ดขาดครับ”
“ฉันไม่เห็นด้วย”เหอเหวินหวยยังไม่ได้เปิดปาก เหอรุ่ยหลินก็อยู่ไม่เป็นสุขแล้ว
เธอจ้องจงจิ่งห้าว“ปีนี้ฉันอายุ28แล้ว ได้ให้ช่วงอายุที่ดีที่สุดกับคุณไปหมด ตอนนี้คุณจะทิ้งฉัน คือจะบีบให้ฉันตายรึไงคะ?”
ก็เพราะจุดนี้ จงจิ่งห้าวจึงยังมีจิตไมตรี
ต่อเธออยู่ ไม่งั้นตามนิสัยของเขาแล้ว หลังจากรู้ว่าเหอรุ่ยหลินโกหกก็เลิกข้องเกี่ยวกับเธอตั้งนานแล้ว
“ผมบอกแล้ว คุณต้องการอะไรผมสามารถชดเชยให้คุณได้ทุกอย่าง”จงจิ่งห้าวรู้ว่าเขาทำแบบนี้ไม่ถูก
ก็เหมือนที่เหอรุ่ยเจ๋อด่าเขา อาศัยแค่มีเงินก็จะสามารถทำอะไรได้ตามใจชอบงั้นเหรอ?
แต่เรื่องมันมาถึงวันนี้ เขาไม่มีทางเลือก
“อย่าวู่วามสิ”เหอรุ่ยเจ๋อเดินเข้ามากอดน้องสาวที่ตัวสั่นไว้
เหอรุ่ยหลินจ้องหน้าจงจิ่งห้าวแล้วเค้นถาม“ชดเชย คุณจะเอาอะไรมาชดเชย?”
จงจิ่งห้าวจ้องมองเธอ“คุณจะให้ผมชดเชยอะไร?”
ทั้งสองสบตากัน ต่อกรกันอย่างไร้เสียง และอาฆาตพยาบาทมาก
เป็นถึงตระกูลอย่างพวกเขา ชดเชยด้วยเงินเป็นพฤติกรรมที่ระดับต่ำที่สุด ทั้งทำลายมิตรภาพของสองตระกูล และทำลายไมตรีจิตด้วย
ถ้าวันนี้ตระกูลเหอเอาผลประโยชน์ แพร่ออกไปก็ฟังดูไม่ดี
“ฉันจะเอาชีวิตของคุณ คุณให้ฉันมั้ย?”เหอรุ่ยหลินตะคอกเสียงดังอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
คนที่อยู่ในห้องรับแขกต่างก็อึ้ง
“ลูกพูดจาเหลวไหลอะไร?”ภายนอกเหอเหวินหวยทำเป็นตำหนิ แต่ในใจก็อยากดูเหมือนกันว่าจงจิ่งห้าวจะแก้ไขยังไง
งานหมั้นนี้จงจิ่งห้าวเป็นคนรับปากเอง ตอนนี้จงจิ่งห้าวกลับผิดสัญญา ลึกๆในใจเขา เขาก็ไม่พอใจเหมือนกัน
ไม่ได้เผยออกมาทางสีหน้า ไม่ได้หมายความว่าในใจจะไม่แคร์
จงฉีเฟิงมีสีหน้าตึงเครียด เดิมทีเขายังชอบเหอรุ่ยหลินเด็กคนนี้อยู่ แต่ตอนนี้ชักจะไม่ค่อยชอบแล้ว
ถึงแม้เขาเองก็ไม่อยากให้จงจิ่งห้าวถอนหมั้นเหมือนกัน
แต่นี่เป็นลูกชายของเขานะ
ไม่นึกเลยว่าตอนนี้เธอจะไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำขนาดนี้
จงจิ่งห้าวกลับสงบจิตสงบใจ เขาลุกขึ้น นิ้วมือเรียวยาวแกะกระดุมของเสื้อสูทออก และถกแขนเสื้อขึ้น เผยแขนที่กำยำออกมา
จงฉีเฟิงตะโกนด้วยความตกใจ“แกทำอะไร?”
เหอรุ่ยหลินตกใจจนอึ้งค้างตั้งนานแล้ว“อะ——อะห้าว——”
จงจิ่งห้าวก้มไปหยิบมีดปอกผลไม้ที่วางอยู่ในถาดผลไม้ และเดินไปหาเหอรุ่ยหลิน
เหอรุ่ยเจ๋อก็ตกใจไม่เบาเลย ได้ยื่นมือกอดน้องสาวไว้แน่น
เหมือนกลัวว่าจงจิ่งห้าวจะทำร้ายน้องสาวเขายังไงอย่างงั้น
จงจิ่งห้าวดึงเหอรุ่ยเจ๋อออก แล้วมองหน้าเหอรุ่ยหลิน “ถ้านี่เป็นสิ่งที่คุณต้องการ ผมให้คุณ”
เขาโน้มตัวเอามีดยัดไปที่มือของเหอรุ่ยหลินแล้วกุมมือเธอแน่น พร้อมใช้มีดจี้ทรวงอกตัวเองไว้
เหอรุ่ยหลินกลัว เธอกลัวแล้วจริงๆ
เธอส่ายหัวสุดฤทธิ์“ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่ได้อยากให้คุณตาย——”
จงจิ่งห้าวยิ้ม“ชีวิตนี้ผมไม่เคยติดค้างใครเลย มีแค่คุณเท่านั้น คุณต้องการ ผมก็จะให้คุณเดี๋ยวนี้เลย แต่ต่อไปเราสองคนไม่มีอะไรติดค้างกันอีก——”
ระหว่างที่เขาพูด มือของเขาก็ได้ออกแรงด้วย
“อ๊า!”
เหอรุ่ยหลินอยากปล่อยมือ แต่มือของจงจิ่งห้าวมีเรี่ยวแรงเยอะเกินไป เธอคลายมือไม่ออก
มีดแหลมคมแทงทะลุเสื้อเชิ้ตขาวสะอาด ทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อหนังของเขา เลือดสีแดงสดได้เอ่อล้นออกมา
พฤติกรรมของจงจิ่งห้าว ทำให้ทุกคนเหนือความคาดหมายมาก
ไม่นึกเลยว่าเขา——
จะกล้าจริงๆ!
“ไม่ใช่ฉัน ไม่ใช่ฉัน——” เหอรุ่ยหลินน้ำตานองหน้า
จงจิ่งห้าวยื่นมืออีกข้างออกมาเช็ดน้ำตาบนใบหน้าเธอ“ปีนั้นผมอายุ14 ถูกลักพาตัวไปบนเขา ถูกเด็กผู้หญิงอายุสิบขวบช่วยชีวิตไว้อย่างเหนือความคาดหมาย ต่อมาผมรู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นคือเด็กกำพร้า ผมเลยสมทบทุนให้เธอได้เข้าเรียน พอจบมหาวิทยาลัย เธอก็คอยติดตามอยู่ข้างกายผม ผมไปทำงานต่างถิ่นไม่ระวังถูกงูพิษกัด ก็ได้เธอที่ช่วยผมไว้อีก——”
แววตาของเขา ท่าทางของนิ้วมือเขาอ่อนโยนสุดๆ เหมือนกำลังเช็ดถูของล้ำค่าอยู่ยังไงอย่างงั้น
“ผมผิดต่อคุณเอง ในเมื่อคุณต้องการ งั้นผมจะให้คุณตอนนี้ นับแต่นี้ไปเราสองคนไม่มีอะไรติดค้างกันอีก”