อ่านนิยาย กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม บทที่ 642
จงจิ่งห้าวยิ้ม “ไม่ได้มีอะไรจะพูดกับคุณหรอก อยู่กับคุณตามลำพังสักพักไม่ได้เหรอ”
หลินซินเหยียน “……….”
เธอพูดไม่ออก และไม่มีทางเลือก “ที่นี่คือห้องครัว คุณจะอยู่ทำไม คุณปรุงอาหารหรือหั่นผักได้เหรอ”
“ดูถูกผมขนาดนี้เลยหรือไง” จงจิ่งห้าวปลดกระดุมข้อมือ พับปลายแขนขึ้น แล้วล้างมือในอ่างข้างๆ “เอามีดให้ผม ผมจะหั่นเอง”
หลินซินเหยียนมองเขา “คุณจะหั่นผักเหรอ”
จงจิ่งห้าวเอามีดในมือของเธอมา “มีอะไรยากตรงไหน”
หลินซินเหยียนให้มีดแก่เขา ยืนอยู่ข้างๆ เอาผ้ากันเปื้อนบนตัวผูกเข้าเอวของจงจิ่งห้าว “งั้นอาหารเย็นนี้ ก็มอบให้คุณเลยนะ?”
จงจิ่งห้าวมองมือของเธอที่ผูกผ้ากันเปื้อนรอบเอวตัวเอง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มบางว่า “ถ้าผมทำคุณกล้าทานไหมล่ะ”
“มีตรงไหนไม่กล้า ไม่ว่าจะรสชาติยังไง ดิบหรือสุก ตราบใดที่คุณเป็นคนทำ ฉันไม่รังเกียจทั้งนั้น” หลินซินเหยียนเอนพิง
จงจิ่งห้าวยิ้ม “งั้นต่อไปผมต้องไปเรียนแล้ว จะให้ลูกสาวผมอดอยากไม่ได้”
ขณะที่พูดเขาเหลือบมองไปที่ท้องของหลินซินเหยียน
หลินซินเหยียนงุนงงไม่เข้าใจ ทำไมเขาคิดแน่นอนแล้วว่าตนท้องลูกสาว แล้วอีกอย่าง เขาจะไปเรียนทำอาหารเพียงเพื่อลูกสาวของเขาเท่านั้นน่ะเหรอ
“วันนี้คุณทำอาหารแล้วกัน” พูดจบเธอก็จะก้าวเดินออกไป จงจิ่งห้าวดึงมือของเธอ “อยู่เป็นเพื่อนผม”
หลินซินเหยียนจ้องมองเขาบางเบา “ให้ลูกสาวคุณอยู่เป็นเพื่อนคุณเหรอ”
จงจิ่งห้าว “……….”
ตอนแรกเขาอึ้งไปครู่หนึ่ง รู้สึกว่าคำพูดของเธอมันไม่มีที่มาที่ไป แต่ไม่ช้าก็รู้ตัวว่าทำไมเธอถึงพูดแบบนี้ แล้วก็อดจะยิ้มไม่ได้
“คุณอิจฉาด้วยเหรอ”
“ใครอิจฉา” หลินซินเหยียนไม่ได้อิจฉา แต่ถึงจะอิจฉา ก็ยอมรับไม่ได้
“ในเมื่อไม่ได้อิจฉาแล้วคุณจะไปทำไม”
“ฉันไม่อยากอยู่ในครัว” เธอเบี่ยงศีรษะ “ปล่อยฉันเร็ว ฉันจะออกไป”
จงจิ่งห้าวยิ้มแล้วหมุนอีกฝ่ายเข้าอ้อมแขน “คุณเป็นคนที่ใกล้ชิดกับผมที่สุด นอนร่วมเตียงกับผม…”
ทันใดนั้นหลินซินเหยียนก็ปิดปากเขา ที่นี่คือห้องครัว ในห้องนั่งเล่นยังมีคนอยู่ จะพูดโดยไม่สนกาลเทศะได้อย่างไร
การให้ทุกคนได้ยินมันดีนักเหรอ
“คุณเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงผมออกมาหน่อย” เขารู้สึกถึงการสั่น เหมือนมีโทรศัพท์เข้า มือเขายังไม่แห้งดีจึงยากจะล้วงกระเป๋ากางเกง
หลินซินเหยียนเอ่ยเตือนเขา “อย่ามาทำเรื่องไร้สาระข้างนอก คำพูดมันปรับเปลี่ยนไม่ได้ ให้คนอื่นได้ยินมันไม่ดี”
จงจิ่งห้าว “………..”
เขาพูดอะไรออกไปที่มันปรับเปลี่ยนไม่ได้กันล่ะ
แต่เดิมคู่สามีภรรยานอนร่วมเตียงยิ่งใกล้ชิด ในอนาคตลูกชายต้องแต่งลูกสะใภ้ ลูกสาว ต่อให้ไม่อยาก ก็ต้องแต่งเช่นกัน
หลินซินเหยียนถาม “กระเป๋าไหน”
“ด้านขวา” จงจิ่งห้าวตอบ
เธอเอื้อมมือไปล้วงกระเป๋ากางเกงของเขา สัมผัสการสั่นของโทรศัพท์มือถือได้ หลังจากเอาออกมาก็เห็นว่าหน้าจอปรากฏชื่อซูจ้าน
เมื่อคิดถึงเรื่องในวันนี้รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินซินเหยียนก็พลันหายไป มองจงจิ่งห้าวและพูดว่า “เป็นซูจ้าน”
“คุณรับสิ” จงจิ่งห้าวพูด
หลินซินเหยียนส่งเสียงอืม สไลด์ปุ่มตอบรับ “ฮัลโหล”
เธอเหมือนจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายดูจะนิ่งไปครู่หนึ่ง คงจะแปลกใจที่เธอเป็นคนรับสาย “พี่สะใภ้ ”
หลินซินเหยียนตอบอืม
“ผมอยู่ที่สถานีตำรวจ คุณให้จิ่งห้าวมาประกันตัวผมหน่อย”
หลินซินเหยียนขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงไปอยู่ที่สถานีตำรวจได้”
“ทะเลาะวิวาทกับคนอื่น” ซูจ้านพูดแผ่วเบา
“ฉันรู้แล้ว”
อีกฝ่ายตอบอืมแล้ววางสายไป
“มีอะไร” จงจิ่งห้าวถาม ทำไมสีหน้าเธอดูไม่ค่อยดีเลย
“ซูจ้านทะเลาะวิวาทกับคนอื่นเลยไปสถานีตำรวจ ให้คุณไปประกันหน่อย” หลินซินเหยียนพูด
เธอเอาโทรศัพท์มือถือเก็บกลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเขา ถอดผ้ากันเปื้อนบนตัวเขาออก “ฉันจะไปกับคุณด้วย”
“สถานีตำรวจคุณอย่าไปเลย” มันไม่ใช่สถานที่ที่ดี
“ฉันจะไปดู ไม่อย่างนั้นไม่วางใจ อยู่ดีๆ ทำไมไปทะเลาะวิวาทกับคนอื่น อาจเพราะเกี่ยวกับฉินยา ฉินยาเตรียมใจไว้พร้อมอยู่แล้ว แม้มันจะยาก แต่สามารถปรับได้ในเวลาอันสั้น ทว่าซูจ้านไม่เหมือนกัน จะว่าไปมันก็กะทันหันเกินไปสำหรับเขา”
จงจิ่งห้าวพยักหน้า
ทั้งสองเดินออกจากครัว หลินซินเหยียนให้คุณน้าหวางไปทำอาหาร ป้าหยูก็ทำงานข้างนอกจนเสร็จแล้ว ทั้งหมดจึงเข้าห้องครัวไปเตรียมอาหาร
“ฉันไปไม่นานก็กลับ พวกคุณทำกันไปก่อนนะคะ”
ป้าหยูพูดว่า “คุณไปอย่างวางใจเถอะค่ะ ที่บ้านมีฉันกับคุณน้าหวางอยู่ จะจัดการอย่างดี คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
หลินซินเหยียนยิ้มและตอบโอเค
จงจิ่งห้าวหยิบกุญแจรถไป ออกจากประตูบ้านไปพร้อมกับเธอ ขึ้นรถแล้วตรงไปยังสถานีตำรวจ
หลินซินเหยียนลังเลครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “การปิดบังซูจ้านมันไม่ดีเกินไปหรือเปล่า”
“เจ้าของเรื่องไม่ยินดีจะบอก คุณก็อย่าเข้าไปยุ่งเลย” ถึงจะสนิทกันแค่ไหน ก็ไม่สามารถจะเอาแต่ใจคิดเองเออเองไปยุ่งเรื่องอารมณ์ความรู้สึกของคนอื่นได้ ถ้าผลมันออกมาดีก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่ดีล่ะ เธอจะกลายเป็นตัวอะไร
เขาจึงไม่ยินดีจะให้หลินซินเหยียนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลินซินเหยียนเข้าใจความหมายของเขา แล้วจึงถอนหายใจเล็กน้อย
จงจิ่งห้าวมองเธอ “วันๆ หายใจเข้าออกแต่เรื่องทำเพื่อคนอื่น เดี๋ยวลูกคลอดออกมา ก็เป็นคนอารมณ์เปราะบางไปอีกคนหนึ่งหรอก ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของคนอื่นเกินไปนัก ทุกคนล้วนมีชีวิตของตัวเอง”
หลินซินเหยียนอดจะรู้สึกขำไม่ได้ “มันติดต่อกันได้ด้วยเหรอ”
“ฟังผมเถอะ” เขาพูดอย่างเผด็จการ
รู้ว่าที่เขาทำแบบนี้ก็เพราะดีสำหรับตนและลูก จึงพูดว่า “ได้ ฉันจะฟังคุณ”
ไม่นานรถก็จอดที่หน้าสถานีตำรวจ จงจิ่งห้าวลงจากรถแล้วหลินซินเหยียนตามลงมา เธอเองก็อยากรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น
จงจิ่งห้าวจับมือของเธอเดินเข้าไป
เดิมทีหากไม่มีปัญหาขั้นเลือดตกยางออกจะไม่ถึงสถานีตำรวจ การเกิดเรื่องดังกล่าวในสถานที่แบบนี้มันไม่น่าแปลกใจ เรียกได้ว่าเกิดขึ้นบ่อย แต่เป็นลูกค้าคนหนึ่งที่เห็นว่าซูจ้านถูกรุมซ้อมอย่างหนัก จึงแจ้งตำรวจ
ตอนนี้ทั้งผู้จัดการเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและซูจ้านกำลังถูกสอบสวน ลงบันทึกประจำวัน
เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในสถานีก็เห็นซูจ้านนั่งอยู่ตรงนั้น บนตัวยังมีเลือด บาดแผลบนศีรษะได้รับการรักษาอย่างง่ายๆ พันผ้ากอซอยู่ หลินซินเหยียนขมวดคิ้ว เห็นเลือดแบบนี้ บาดเจ็บไม่หนักเหรอ
เธอเงยหน้ามองจงจิ่งห้าว
จงจิ่งห้าวกระชับมือเธอเดินเข้าไป
ซูจ้านเงยหน้าขึ้นมองเห็นพวกเขาเดินเข้ามา ไม่นานก็รีบหันศีรษะหนี ไม่อยากให้พวกเขาเห็นแผลของตัวเอง
แต่เขาไม่รู้ว่าช่วงเวลาที่เงยหน้าขึ้น อาการบาดเจ็บบนใบหน้าได้ถูกเห็นอย่างชัดเจนแล้ว จงจิ่งห้าวไปจัดการเรื่องราว หลินซินเหยียนเมื่ออยู่ในสถานีตำรวจก็ไม่ได้ถามเขาว่าทะเลาะวิวาทเพราะอะไร
แค่ถามเขาว่าบาดเจ็บหนักหรือเปล่า
ซูจ้านบอกว่า “ไม่หนัก แค่เล็กน้อย”
สักพักแล้วรอยฟกช้ำที่หางตายังไม่ดีขึ้น ยังบอกว่าไม่เป็นอะไรอีกเหรอ
“เดี๋ยวออกไปแล้วไปตรวจที่โรงพยาบาลดีกว่า” หลินซินเหยียนพูด
“ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ทุกอย่างจัดการได้” ซูจ้านพูด
“ไม่ได้เป็นอะไรก็ต้องไปตรวจดู” หลินซินเหยียนพูดเสียงหนัก
ซูจ้านก้มศีรษะไม่ส่งเสียงอีก
เรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายที่ทะเลาะวิวาทมีส่วนรับผิดชอบ หลังจากไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่ายไม่ต้องรับผิดชอบ ถือเป็นการประนีประนอม ตราบใดที่คนค้ำประกันลงนามก็สามารถพาคนออกไปได้
เมื่อออกไปข้างนอกหลินซินเหยียนถึงได้กล้าเอ่ยถามว่า “เป็นเพราะฉินยาเหรอ”
“อย่าพูดถึงเธอกับผม ต่อจากนี้ เราไม่เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว” ซูจ้านเดินไปคนเดียว ไม่ได้ขึ้นรถของจงจิ่งห้าว
“คุณคนเดียวจะไปที่ไหน” หลินซินเหยียนเป็นห่วงเขา
เห็นได้ชัดเจนมากว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไม่ดี