ก่อนหนึ่งวันยุ่งอยู่กับการลองชุดและกำหนดการแต่งหน้า ตกค่ำจงจิ่งห้าวไม่ได้อยู่ด้วยจึงนอนไม่ค่อยหลับ ปรากฏว่ารุ่งเช้าเวลาแปดโมงกว่าแล้ว เธอก็ยังไม่ตื่น
เพราะมันเป็นจารีตประเพณี หนึ่งวันก่อนแต่งงานคนสองคนที่จะแต่งงานกันไม่สามารถพบหน้ากันได้ ดังนั้นเมื่อวานนี้ทั้งวันจงจิ่งห้าวจึงไม่อยู่บ้าน ไปพักที่โรงแรมในตอนกลางคืน
ช่างแต่งหน้าและสไตลิสต์มาถึงวิลล่าแต่เช้า ฉินยาวิ่งขึ้นไปชั้นบนเพื่อไปขุดหลินซินเหยียนที่ยังหลับอยู่ให้ลุกจากเตียง “วันนี้เป็นวันแต่งงานของเธอนะ เธอยังจะหลับได้อยู่อีกเหรอ”
หลินซินเหยียนลืมตางัวเงีย มองหน้าตากังวลของฉินยาด้วยสีหน้าซื่อบื้อ “ยังไม่ถึงเวลาไม่ใช่เหรอ”
ฉินยา “……..”
“งั้นเธอวางแผนจะใส่ชุดนอนไปโถงพิธีเหรอ ทุกคนกำลังรอเธออยู่นะ รีบลุกขึ้นมาเร็วเถอะ” ฉินยาถึงกับอ่อนใจ
เจ้าสาวคนใหม่ น่าเป็นห่วงจริงๆ เลย
หลินซินเหยียนตื่นขึ้นมาบ้างแล้ว ขยี้ตาพลางถามว่า “กี่โมงแล้วเหรอ”
“เกือบเก้าโมงแล้ว เธอยังไม่ได้แต่งหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย เธอยังจะมีปัญหาอะไรอีก ถ้าไม่อยากแต่งงาน งั้นเดี๋ยวฉันจะโทรไปบอกสามีเธอตอนนี้เลย” ฉินยาแกล้งเธอ
หลินซินเหยียนลงจากเตียงไปล้างหน้า ถึงได้ตื่นเต็มตา ฉินยามาดึงเธอไป “ไปกัน ให้ช่างแต่งหน้าแต่งให้เธอ”
หลินซินเหยียน “………”
“ยังมีเวลา เธออย่ารีบร้อนนัก ยังไงก็หนีไม่รอดอยู่แล้ว” หลินซินเหยียนจับท้อง ก้าวเดินตามเธอไปข้างนอก
ฉินยาหยุดก้าว หันหน้ากลับไปมองเธอ “อะไรคือหนีไม่รอด”
“เจ้าบ่าวไง” หลินซินเหยียนตอบตามหลักเหตุผลที่ควรเป็น
ฉินยา “.……..”
เธอกุมหน้าผากพลางยิ้มเล็กน้อย “ลงเอยกันแล้ว ก็เลยปราศจากความกลัวเหรอ”
หลินซินเหยียนยิ้ม และพูดว่า “ล้อเล่นน่ะ ไปกันเถอะ”
เธอกลับเข้าห้องไปแปรงฟัน แล้วลงไปข้างล่าง
ช่วงเวลานี้ฉินยาเฝ้าดูเงียบๆ คิดในใจว่า ถ้าให้จงจิ่งห้าวเห็นเธอเป็นแบบนี้ก็ดีสิ
เจ้าสาวของเขา ถือไพ่เหนือกว่าเขาแล้ว ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย
ถ้าเขารู้ ไม่รู้จะพูดว่าอะไรบ้าง
จงเหยียนเฉินกับจงเหยียนซีเป็นเด็กโปรยดอกไม้ เพราะฉะนั้นก็ต้องแต่งหน้าแต่งตัวด้วย
วันนี้โจวฉุนฉุนก็มีช่วยงานด้วย ช่างแต่งหน้ากำลังแต่งหน้าให้จงเหยียนซี โจวฉุนฉุนช่วยจงเหยียนเฉินแต่งตัว ชุดสูทตัวเล็กสีดำ เหมาะกับส่วนสูงและน้ำหนักของเขา ตัดเย็บอย่างพอดีตัว เสื้อเชิ้ตสีขาว โบว์ติดคอเสื้อสีดำ ดูท่าทางเหมือนกับสุภาพบุรุษตัวน้อย
“พี่สาว” เห็นหลินซินเหยียนลงมา โจวฉุนฉุนก็ยิ้มทักเธอ
หลินซินเหยียนเองก็ยิ้มให้
“ทำผมก่อนเถอะ” ช่างแต่งหน้ากำลังแต่งหน้าอยู่ ฉินยาจึงดึงหลินซินเหยียนไปนั่งลงบนเก้าอี้ ให้สไตลิสต์ทำทรงผมเจ้าสาวให้เธอก่อน
จากนั้นค่อยแต่งหน้า
สไตลิสต์ได้เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว รอเพียงหลินซินเหยียนมา ทันทีที่เธอนั่งลงสไตลิสต์ก็หยิบที่ม้วนผมออกมา รูปทรงถูกกำหนดไว้แล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงแค่ลงมือทำก็พอ
สไตลิสต์เอาผมทั้งหมดของเธอรวบขึ้น บนหน้าผากทิ้งปอยไว้ ใช้ที่ม้วนผมม้วนเป็นเกลียว ใช้เทคนิคถักผมขั้นสูงถักเป็นเปียสองข้าง โดยเป็นแบบเดียวกัน แล้วสุดท้ายก็วนมันมาไว้ด้านหลังศีรษะ
ฉินยาหยิบเอามงกุฎออกมาจากกล่องลับเก็บของส่งให้สไตลิสต์ ตอนที่ลอง ใช้เป็นมงกุฎเพชรปลอม แต่อันนี้เป็นของจริง
สไตลิสต์แววตาเป็นประกาย “ฉันในฐานะสไตลิสต์ เคยจัดแต่งให้เจ้าสาวมาหลายสไตล์ เคยได้เห็นมงกุฎมานับไม่ถ้วน ส่วนใหญ่เป็นการสั่งทำ แม้ว่ามันจะเป็นเพชรแท้ แต่ไม่มีใครมีมากขนาดนี้ และใหญ่มากขนาดนี้ด้วย คุณภาพก็ระดับชั้นยอด งดงามมากจริงๆ ค่ะ ดูไม่เหมือนเป็นงานฝีมือของคนในประเทศเลย ถ้าพูดถึงฝีมืองานมงกุฎ คงจะเป็นประเทศแถบตะวันตกสินะคะ”