ฉินยายังอยากจะปฏิเสธ หลินซินเหยียนก็จับมือของเธอ
ทั้งงานแต่งงานนั้นซูจ้านไม่ได้ปรากฏตัว น่าจะเป็นเพราะบาดแผลบนใบหน้าเลยตั้งใจไม่โผล่หน้ามาเจอฉินยา แต่ว่าในงานเลี้ยงหลังงานแต่งนั้น เขาคงจะไม่หลบหน้าแล้วใช่ไหม?
ยังต้องกินข้าวอยู่น่ะ
พูดให้ถึงที่สุดหลินซินเหยียนยังอยากให้ฉินยารู้ความในใจที่ซูจ้านมีต่อเธอ
เธอมองออก ว่าซูจ้านรู้สึกแย่มาก
ฉินยาเม้มปากไม่พูดอะไร อันที่จริงเธอเองก็รู้ ว่าตามความสัมพันธ์ของซูจ้านกับจงจิ่งห้าว เขาไม่มีทางไม่มาร่วมงานแต่งงาน แต่ทั้งงานแต่งงานนี้เธอยังไม่เห็นแม้แต่เงาของซูจ้านเลย
ตอนนี้หลินซินเหยียนยังอยากจะให้ตัวเองไปกับเธอ มันหมายความว่าอะไรนะ?
เกี่ยวอะไรกับซูจ้านหรือเปล่าเนี่ย?
แต่ว่าเธอไม่อยากจะพูดถึงคนคนนั้นอีก เลยไม่ได้ถามออกไป
หลินซินเหยียนตบมือของเธอ “คุณไปกับฉันเถอะ”
ฉินยาก้มหน้าตอบรับ
ตอนนี้มีพนักงานมาเคาะประตูบอกว่างานเลี้ยงหลังงานแต่งงานจะเริ่มแล้ว ให้หลินซินเหยียนเตรียมตัว อีกสักพักจะออกไป
ฉินยาตอบรับ จากนั้นก็ปิดประตู
เมื่องานเลี้ยงเริ่มไปราวๆ ครึ่งหนึ่ง ประตูของห้องพักผ่อนก็ถูกเปิดออก จงจิ่งห้าวก็เดินเข้ามา
หลินซินเหยียนเห็นเขาเลยถาม “คุณมาได้อย่างไร?”
เขาอยากจะแนะนำหลินซินเหยียนให้กับคนที่รับผิดชอบในบริษัทลูกมากมายให้ได้รู้จัก
เขาโอบเอวของหลินซินเหยียน ก่อนจะพยุงเธอลุกขึ้นจากโซฟา พลางถาม “เหนื่อยไหม?”
หลินซินเหยียนพยักหน้า
อาจจะเป็นเพราะท้องแก่มากแล้ว ดังนั้นเลยรู้สึกไม่มีแรงง่าย
“ฉันพาคุณไปเจอคนพวกนั้นหน่อย เดี๋ยวฉันจะส่งคุณกลับไปพักที่ห้อง” จงจิ่งห้าวพูด ถึงอย่างไรการกินเลี้ยงวันนี้ก็หลบไม่ได้แล้ว อีกอย่างเขาเองก็อยากให้หลินซินเหยียนเข้ามาอยู่ในวงการของเขา
ฉินยาตามหลังพวกเขา ก่อนจะเดินเข้าไปในงานด้วย
จงจิ่งห้าวพาเธอไปเจอคนข้างกายของตัวเอง นอกจากเสิ่นเผยซวนกับซูจ้าน บริษัทยังมีคนที่มีความสามารถมากมาย พลางเป็นคนที่เขาได้ใช้ประโยชน์
“นี่มันไม่น่าสนใจเลยนะ ลูกโตขนาดนี้แล้วเพิ่งจะมาเปิดตัว” จงจิ่งห้าวพาหลินซินเหยียนไปที่โต๊ะ ก่อนจะเริ่มมีคนบ่นในสิ่งที่จงจิ่งห้าวปิดบัง
อย่าว่าพวกเขา คนที่มาเข้าร่วมงานแต่งงานก็แปลกใจไม่น้อย คิดไม่ถึงเลยว่าจงจิ่งห้าวจะมีลูกแล้ว แถมยังโตขนาดนี้แล้วด้วย เลยเกิดการพูดถึงว่าเขาปิดบังเก่งจริงๆ
ในสถานการณ์แบบนี้ต้องมีคนดื่มฉลองให้อยู่แล้ว จงจิ่งห้าวดื่มแทนหลินซินเหยียนทั้งนั้น ทุกคนก็ไม่ได้ว่าอะไร ถึงอย่างไรหลินซินเหยียนก็ท้องอยู่ การท้องแล้วกินเหล้าไม่ได้นั้นมันปกติ ดังนั้นทุกคนเลยเข้าใจ
ทางนี้จงจิ่งห้าวก็ไม่ได้อยู่นาน เขาพูดคุยเล็กน้อยก่อนจะไปโต๊ะอื่น คนที่ร่วมงานกับผู้ว่าการธนาคารถังนั้นก็เป็นเพื่อน โต๊ะนี้ยังมีหลี่ฉีรุ่ยที่เป็นน้องของภรรยาของผู้ว่าการธนาคารถัง
หลี่ฉีรุ่ยยกไวน์พลางยืนขึ้น พลางยิ้มแล้วพูด “ไม่แปลกเลยที่ต้องซ่อนเอาไว้ มีภรรยาที่สวยขนาดนี้ เป็นฉันฉันก็จะซ่อนเหมือนกัน”
“ยินดีด้วยๆ” ผู้ว่าการธนาคารถังเองก็ยกเหล้าขึ้น ก่อนจะชนกับพวกจงจิ่งห้าว
“เอาไว้เรามานัดเจอกันส่วนตัวนะ” ผู้ว่าการธนาคารถังรู้ว่าวันนี้จงจิ่งห้าวต้องเจอผู้คนมากมาย ดังนั้นเลยไม่อยากกินเวลาเขามากไปกว่านี้
จงจิ่งห้าวเองก็พูดไป “ได้ ฉันจะไปจัดการ”
ยังมีคนมาถามไถ่ เป็นคนที่มีหน้ามีตาทั้งนั้น เลยต้องไปพูดคุยสักหน่อย
“คุณนายจงอยากจะมาร่วมชมรมของเราไหม?” มีคุณนายแซ่หวางคนหนึ่งถามขึ้น อันที่จริงชมรมนี้มันเป็นที่รวมตัวของคุณนายที่ค่อนข้างมีเงิน มาเล่นไพ่ พูดคุยเรื่อยเปื่อย แล้วก็การผูกความสัมพันธ์ มิตรภาพต่างๆ มีคอนเนคชั่นถึงจะทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น
ผู้ชายพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อให้พวกเธอมีชีวิตที่ดี พวกเธอเองก็พยายามช่วยสามีขยายกิจการไปให้ได้ไกลๆ
หลินซินเหยียนปฏิเสธอ้อมๆ “ขอโทษนะ ฉันต้องดูแลลูกๆ ทั้งสอง อาจจะไม่มีเวลา”
ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอ้อมๆ แต่ว่าเธอเองก็รู้ว่านี่มันเป็นสถานการณ์แบบไหน
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้จงจิ่งห้าวไม่ต้องการให้เธอช่วยเขาทำธุรกิจอะไร เธอไปก็มีแต่จะเพิ่มภาระให้เขา แถมเธอเองก็ไม่ได้สนใจด้วย
คุณนายหวางนั้นอยากจะโน้มน้าวเธอ ถึงอย่างไรเธอก็เป็นภรรยาของจงจิ่งห้าว สานสัมพันธ์กับเธอ ไม่แน่ว่าอาจจะเอาสามีมาทำธุรกิจด้วยก็ได้
“บ้านคุณน่าจะมีแม่บ้านใช่ไหม คุณก็ไม่ต้องทำอะไร คุณสวยสดงดงามขนาดนั้น ประธานจงคงจะไม่อยากให้คุณทำอะไรใช่ไหม?”
ใจของหลินซินเหยียนแข็งแกร่งมาก แต่ภายนอกดูบอบบางทั้งๆ ที่ท้องอยู่ ผิวสีขาวผ่อง อายุก็น้อย ดูอ่อนโยน ดังนั้นคุณนายหวางเลยใช้คำว่าสวยสดงดงามสามคำนี้อธิบายตัวเธอ
จงจิ่งห้าวอยากบังแทนเธอ หลินซินเหยียนจับมือของเขา เรื่องแบบนี้เธอยังพอรับมือได้ เลยมองคุณนายหวาง “ความคิดของฉันค่อนข้างโบราณน่ะ ฉันคิดว่าดูแลลูกและสามีเป็นหน้าที่ของฉัน เมื่อไม่มีอะไรต้องกังวล ผู้ชายถึงจะออกไปทำงานได้อย่างสบายใจ คุณว่าจริงไหม?”
หลินซินเหยียนปฏิเสธอย่างจริงจัง คุณนายหวางยังอยากจะพูด แต่ก็ถูกสามีอย่างประธานหวางดึงเอาไว้ “คนของฉันก็ไม่ต้องกังวลไป ประธานจงอย่าใส่ใจเลย”
จงจิ่งห้าวพูดอะไรไม่ออก รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรได้อย่างชัดเจน ยังดีที่หลินซินเหยียนฉลาด เลยขวางเอาไว้ได้
คุณนายหวางไม่ยอมในใจ เพราะคิดว่าหลินซินเหยียนหาข้ออ้างแบบนี้มา แต่นี่มันปีไหนแล้ว?ยังต้องดูแลลูกและสามี?น่าตลกไหม?
“ฉันยังเด็ก ต้องขอโทษด้วยถ้าทำอะไรไม่ถูกไป” หลินซินเหยียนมองออกว่าคุณนายหวางมีสีหน้าไม่ดี เพราะเชิญเธอมาไม่ได้ เลยยิ้มแล้วพูดพลางทำเหมือนไม่ได้เห็น
“เปล่าๆ” ประธานหวางตอบหลินซินเหยียนแทนภรรยา
จากนั้นก็ถามไถ่กันอีกเล็กน้อย หลินซินเหยียนคล้องแขนของจงจิ่งห้าว ก่อนจะเดินจากโต๊ะไป แล้วถามเขาเบาๆ “ซูจ้านล่ะ?”
ตอนแรกเธออยากให้ฉินยาเห็นซูจ้าน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้นั่งโต๊ะเดียวกับเสิ่นเผยซวนและพวกกวนจิ้ง
“ฉันเองก็ไม่รู้ น่าจะซ่อนตัวอยู่มุมไหนสักที่” จงจิ่งห้าวพูด วันนี้คนเยอะมาก ซูจ้านน่าจะอยู่กับผู้คนเลยหายาก
“คุณโทรหาเขาสิ วันนี้เป็นวันดีของคุณกับฉัน เขาไม่มาให้ฉันเห็นเลยฉันไม่พอใจ”
จงจิ่งห้าวหันมามองฉินยา ความคิดในใจของหลินซินเหยียนนั้นก็อย่าเปิดเผยให้มากเกินไป
งานแต่งงานของตัวเองยังคิดถึงเรื่องของคนอื่น เป็นห่วงเสียจริง
เขาเข้ามากระซิบข้างหูหลินซินเหยียน และพูดกับเธอด้วยเสียงที่เธอได้ยินเพียงคนเดียว เพื่อเสนอความคิดให้กับเธอ
หลังจากที่ฟังแล้วหลินซินเหยียนก็คิดว่าดีไม่น้อย เมื่อได้เจอแบบนี้แต่ยังคลายปมในใจไม่ได้ มีเพียงซูจ้านที่รู้ร่างกายของฉินยา ถึงจะแก้ไขได้อย่างจริงจัง
เธอหันมามองไปทางฉินยา “คุณน่าจะหิวแล้ว ไปกินข้าวก่อนเถอะ แล้วก็ไปรอฉันในห้องพักผ่อน ฉันมีอะไรจะคุยกับคุณ”
ฉินยาพยักหน้า “ก็ได้”
เธอหันตัวเดินไปตรงที่ที่เสิ่นเผยซวนนั่งอยู่
สุดท้ายพวกเขาก็ไปที่โต๊ะที่ตระกูลเหวินกับจงฉีเฟิงนั่งอยู่ ช่าวหยุนกับจวงจื่อจิ่น ทั้งหมดนั้นเป็นคนที่โตกว่า และก็เป็นคนที่ชาติก่อนนั้นเกี่ยวพันกันทั้งนั้น
เมื่อเรื่องทั้งหมดเปิดออก ทุกคนเองก็ปลดปมในใจ และปล่อยวางความเกลียดชังในอดีตลง เพื่อจะได้มีชีวิตที่มีความสุขและสงบต่อไป
เมื่อเห็นหลินซินเหยียนและเหวินชิงลุกลนอยู่นานแต่ไม่พูดอะไร ตอนแรกที่มีอะไรอยากจะพูดกับเธอ แต่เมื่อได้เจอตัวจริงแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหนดี
เพื่อเรื่องทั้งหมดที่ตัวเองเคยทำผิดมา เลยขอโทษอย่างจริงใจ “ขอโทษ”
“ไม่เป็นไร เรื่องมันผ่านไปหมดแล้ว จากนั้นเราจะไม่พูดแล้ว เรื่องมันผ่านไปก็ปล่อยไป จากนี้เราเป็น……ครอบครัวเดียวกัน” ถึงแม้ว่าจะพูดไม่เต็มปากนัก แต่ว่าเธอก็ไม่ได้ร้องไห้อีก
“พี่สาว”
เหวินเสี่ยวจี้เดินมาหาเธอ ข้างๆ ยังมีเด็กสาวคนหนึ่ง เด็กคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ทุกคนต่างรู้จักดี