“ดี ดี คุณก็ไปพิจารณาให้ดี” ผู้บัญชาการซ่งทอดถอนใจ “ผมอับอายขายขี้หน้าต่อหน้าคุณจนไม่เหลือแล้ว”
เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ชั่วชีวิตของคนเป็นพ่อแม่ล้วนเต็มอกเต็มใจทำเพื่อลูกของตัวเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นหนี้ของพ่อแม่”
เสิ่นเผยซวนรินเหล้าให้เขา พลางเอ่ยว่า “ผมเข้าใจครับ”
การปฏิบัติตัวของผู้บัญชาการซ่ง เขารู้ดี แม้ว่าสุดท้ายแล้วตัวเองจะไม่รับปาก ผู้บัญชาการซ่งก็ไม่เกลียดตัวเอง เขาเป็นคนที่รักหน้าตาและศักดิ์ศรีคนหนึ่ง วันนี้มาเอ่ยเรื่องนี้กับเขา แค่คิดก็รู้แล้วว่าทำให้เขาลำบากใจมากเพียงใด
“คุณไม่ต้องรู้สึกกดดันล่ะ” ผู้บัญชาการซ่งยกเหล้าที่เสิ่นเผยซวนรินให้ขึ้นมาชนแก้วกับเขา
เสิ่นเผยซวนบอกว่าไม่หรอกครับ
หลังจากกินอาหารเรียบร้อยแล้ว ซ่งหย่าซินก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากว่าจะไปส่งเขากลับบ้าน “คุณดื่มเหล้า ฉันจะไปส่งคุณเองค่ะ”
เสิ่นเผยซวนมองเธอแวบหนึ่ง แต่สุดท้ายแล้วก็พยักหน้า
ผู้บัญชาการซ่งมองพวกเขาเดินออกไป และถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง คุณนายซ่งไม่ชอบที่สามีถอนหายใจบ่อยๆ จึงเอ่ยว่า “คุณทอดถอนใจอะไรคะ? ฉันว่าเผยซวนน่าจะยินยอม หย่าซินของพวกเรารูปร่างหน้าตาดี เรียนก็สูง และไม่มีสิ่งใดที่ไม่คู่ควรกับเขา”
ผู้บัญชาการซ่งมองภรรยาด้วยสายตาเย็นชา “เธอเคยแต่งงานมาแล้ว เพียงแค่ข้อนี้ เธอก็ไม่คู่ควรกับเผยซวนแล้ว”
คุณนายซ่งนิ่งเงียบไปอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อว่า “ตอนนี้การหย่าร้างจะนับเป็นอะไรได้? เขาก็เคยมีแฟนสาวเช่นกันไม่ใช่หรือคะ”
ผู้บัญชาการเอามือไพล่หลัง เดินไปยังห้องนอน “ผมขี้เกียจจะคุยกับคุณ”
คุณนายซ่งไม่ได้โมโหสามี ให้เขาเอ่ยกับเสิ่นเผยซวนอย่างเปิดเผยก็เป็นการทำให้เขาลำบากใจแล้ว
หน้าตาศักดิ์ศรีที่ดีมาตลอดชีวิตล้วนหายหมดสิ้นต่อหน้าผู้ใต้บังคับบัญชา คงรู้สึกไม่สบายใจ
เธอเก็บชามและตะเกียบ
ด้านนอก เสิ่นเผยซวนขึ้นรถของซ่งหย่าซิน
“คาดเข็มขัดนิรภัยด้วยค่ะ” ซ่งหย่าซินเตือน
เสิ่นเผินซวนกำลังกลัดกลุ้มใจ จึงไม่ได้ยินเสียงของซ่งหย่าซิน เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ออกแรงกดบริเวณขมับ สมองสับสนวุ่นวายไปหมด
ซ่งหย่าซินนึกว่าเขาดื่มเหล้าเยอะไป จึงโน้มตัวมาดึงเข็มขัดนิรภัย คิดจะคาดให้เขา ตอนที่เธอแนบตัวเข้ามา เสิ่นเผยซวนก็รู้สึกได้ว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่อย่างกะทันหัน จึงรีบเอ่ยว่า “ผมคาดเอง”
ซ่งหย่าซินหยิบถอยตัวออกไป “ดื่มเหล้าเยอะแล้ว ยังคิดจะคุยกับคุณพ่อฉันอีกหรือคะ?”
เสิ่นเผยซวนพูดว่าดื่มเยอะไปแล้ว
ซ่งหย่าซินยิ้ม พลางเอ่ยว่า “หลังจากนี้ฉันไม่ให้คุณพ่อดื่มกับคุณแล้ว”
เสิ่นเผยซวนยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้เอ่ยต่อ
ซ่งหย่าซินก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก ภายในตัวรถจึงเงียบมาก
ผ่านไปครู่หนึ่ง รถยนต์ก็จอดนิ่งอยู่หน้าที่พักอาศัยของเสิ่นเผยซวน เขาผลักประตูรถให้เปิดออกแล้วลงจากรถ กำลังคิดที่จะบอกลากับซ่งหย่าซิน สุดท้ายก็เห็นว่าซ่งหย่าซินเปิดประตูรถลงมาด้วยแล้ว
“ฉันอยากไปนั่งในบ้านคุณหน่อย คุณคงไม่ปฏิเสธฉันหรอกนะคะ?” ซ่งหย่าซินเอ่ยยิ้มๆ
สำหรับผู้หญิง ซ่งหย่าซินนั้นรูปร่างหน้าตาใช้ได้จริงๆ เงื่อนไขทางฐานะก็ดีเช่นกัน
แต่ว่าเสิ่นเผยซวนไม่มีความรู้สึกใดๆต่อเธอแม้แต่น้อย อย่างมากที่สุดก็เห็นเธอเป็นเพื่อน
“คุณคิดจะปฏิเสธฉันใช่ไหมคะ” ซ่งหย่าซินเริ่มรักษารอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้ไม่ได้ เธอไม่เคยถูกปฏิเสธมาก่อน
แม้ว่าตอนนี้เธอจะผู้หญิงที่หย่าร้างจากการแต่งงานมา แต่ก็ยังคงมีเสน่ห์เช่นเคย ไม่ขาดคนตามจีบ มีคนมากมายล้วนเข้าทางคุณพ่อของเธอ เพื่อสู่ขอเธอ
แต่เธอล้วนไม่ถูกใจ แต่ดันมาชอบเสิ่นเผยซวนแทน
“เปล่า เข้าไปข้างในกันเถอะครับ” เสิ่นเผยซวนก้าวขึ้นไปด้านหน้าเพื่อนำทาง เธอเดินอยู่ข้างกายเสิ่นเผยซวนขณะที่ตามเขาเข้าไปข้างในด้วยกัน
ปกติแล้วสถานที่พักอาศัยของหนุ่มโสดมักจะรกมาก เป็นเพราะว่าไม่มีคนช่วยเก็บกวาด แต่ที่พักอาศัยของเสิ่นเผยซวนสะอาดมาก ตอนที่งานไม่ยุ่ง เขาจะทำความสะอาดบ้านด้วยตัวเอง เขาไม่ชอบความสกปรกยุ่งเหยิง
“มีแม่บ้านชั่วคราวมาช่วยคุณทำความสะอาดหรือคะ” ซ่งหย่าซินนั่งลงบนโซฟา พลางเอ่ยถาม
เสิ่นเผยซวนรินน้ำให้เธอ “ไม่มีครับ”
“ถ้าอย่างนั้นในบ้านคุณมีใครเก็บกวาดให้คุณเสียจนสะอาดขนาดนี้กัน” ซ่งหย่าซินยิ้ม “เป็นตัวคุณเองหรือคะ”
เสิ่นเผยซวนเอ่ย “อยู่คนเดียวนั้นของไม่เยอะ จึงไม่นับว่าเป็นการเก็บกวาด ดื่มน้ำครับ”
ซ่งหย่าซินรับแก้วน้ำมา ลุกขึ้นเดินไปหน้าบานหน้าต่าง ระยะห่างระหว่างตึกในชุมชนแห่งนี้กว้างและมีพื้นที่สีเขียวใหญ่มาก วิวทิวทัศน์ของตึกสูงนั้นสวยมาก “บ้านหลังนี้ไม่เลวเลย”
เสิ่นเผยซวนเอ่ย “เพื่อนเป็นคนช่วยเลือกให้ผม”
ซูจ้านช่วยเลือกที่แห่งนี้ให้เขา ตำแหน่งไม่เลวจริงๆ
ซ่งหย่าซินหันหน้ามามองเขา “เผยซวน ยอมรับฉันได้ไหมคะ? ฉันชอบคุณค่ะ”