“หย่าซิน…” เสิ่นเผยซวนคิดจะอาศัยโอกาสนี้ในการพูดคุยกับเธอให้ชัดเจน
ซ่งหย่าซินกอดหมับเข้าที่เอวเขา “เผยซวน ฉันชอบคุณจริงๆนะ อย่าปฏิเสธฉันเลยได้ไหมคะ?”
เสิ่นเผยซวนดึงมือเธอออก “คุณอย่าทำแบบนี้”
ซ่งหย่าซินไม่เพียงไม่ยอมปล่อยแต่กลับกอดแน่นขึ้นกว่าเดิม “อย่าผลักไสฉันเลยนะ ขอร้องล่ะค่ะ”
พูดแล้วเธอก็แนบใบหน้าเข้ากับแผงอกของเสิ่นเผยซวน “คุณรู้ไหมว่าฉันต้องรวบรวมความกล้ามากแค่ไหน เพื่อให้คุณพ่อฉันเอ่ยเรื่องนี้กับคุณ ถ้าหากว่าคุณปฏิเสธฉัน ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะมีหน้าไปพบคนอื่นอีกไหม คุณรังเกียจที่ฉันเคยแต่งงานมาก่อนใช่ไหมคะ”
“ไม่ใช่”
เสิ่นเผยซวนอธิบาย เพียงแค่ไม่มีความรู้สึกด้วยเฉยๆ ซ่งหย่าซินกอดตัวเองแบบนี้ นอกจากรู้สึกว่าหญิงชายมิควรถูกเนื้อต้องตัวกันแล้ว ในใจก็ไม่มีคลื่นความรู้สึกใดๆอีก
ถ้าหากว่าเขาชอบ จะเคยหรือไม่เคยแต่งงานก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น
เขาไม่สนใจสิ่งเหล่านั้น ไม่ใช่สิ่งสำคัญ
“ตอนนี้ก็ไม่เช้าแล้ว คุณควรจะกลับแล้ว” มือทั้งสองข้างของเสิ่นเผยซวนไม่มีที่ให้วาง ทั้งยังไม่กล้าจะแตะต้องเธอแม้แต่น้อย
“ฉันไม่ปล่อยค่ะ ถ้าคุณไม่รับปากฉัน ฉันก็จะไม่ปล่อยคุณ” ตอนนี้ซ่งหย่าซินไม่ได้สนใจอะไรมากมายขนาดนั้น และไม่อยากจะแสร้งทำท่าทางอวดดีอีก เธอเพียงแค่อยากคว้าผู้ชายคนนี้เอาไว้ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใด เธอก็ต้องการผู้ชายคนนี้
เคยพลาดไปแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เธอจะต้องคว้าเอาไว้ให้แน่น
“หย่าซิน คุณไม่สนใจเรื่องที่ผมไม่ได้ชอบคุณหรือ” เสิ่นเผยซวนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
เขาไม่รู้ว่าจะพูดกับซ่งหย่าซินอย่างไร จึงทำได้เพียงแค่แสดงความรู้สึกในใจของตนเองออกมาตรงๆ
ซ่งหย่าซินร่างกายแข็งทื่อไปเล็กน้อย สำหรับเธอแล้วนี่เป็นสิ่งที่ทำให้สะเทือนใจไม่น้อยเลยจริงๆ เธอเงยหน้าขึ้น เอ่ยว่า “ฉันเชื่อว่าความรู้สึกสามารถบ่มเพาะกันได้ค่ะ”
เสิ่นเผยซวนคิดในใจว่า ความรู้สึกสามารถบ่มเพาะได้ด้วยหรือ
ถ้าหากว่าสามารถบ่มเพาะได้จริงๆ อย่างนั้นเขาก็ไม่สะดวกที่จะปฏิเสธแล้วปฏิเสธอีก
เขาพูดว่า “ก็ได้ ผมรับปากคุณ”
ซ่งหย่าซินไม่อยากจะเชื่อว่าเสิ่นเผยซวนจะตอบรับเร็วขนาดนี้ “จริงหรือคะ?”
เสิ่นเผยซวนพยักหน้า เอ่ยว่า “ผมไม่พูดโกหก”
ท่าทางจริงจังของเขาทำให้ซ่งหย่าซินรู้สึกว่าเขาน่ารักมาก ก่อนหน้านี้ทำไมเธอถึงไม่ได้ค้นพบนะ?
ถ้าหากเธอรู้ว่าชายหนุ่มแบบนี้ถึงจะคุ้มค่ากับความรักให้เร็วกว่านี้สักหน่อย บางทีตอนนี้เธอกับเขาคงมีลูกไปแล้ว
“ฉันจะกลับไปบอกคุณพ่อคุณแม่” ซ่งหย่าซินหน้าตาเบิกบานด้วยความยินดี ปล่อยเขาออก พลางเอ่ยว่า “ฉันไปก่อนนะคะ”
เสิ่นเผยซวนพยักหน้า “เดินทางระมัดระวังด้วย ผมไม่ไปส่งคุณแล้ว”
ฝีเท้าซ่งหย่าซินชะงักกึก เงยหน้ามองเขา “คุณจะไม่ยื้อฉันไว้หรือคะ”
เสิ่นเผยซวน “…”
ในใจเขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องยื้อเธอเอาไว้ด้วย?
ทั้งยังเป็นช่วงเวลาดึกดื่น ข้าวเย็นก็กินแล้วเช่นกัน
ซ่งหย่าซินเอ่ยยิ้มๆว่า “คุณไม่ยื้อให้ฉันค้างคืนด้วยหรือคะ?”
เสิ่นเผยซวน “…”
“ล้อคุณเล่นค่ะ ดูท่าทางทึ่มทื่อของคุณสิ” ซ่งหย่าซินเก็บงำรอยยิ้ม “ฉันไปแล้วนะคะ คุณก็พักผ่อนเร็วหน่อยเถอะค่ะ”
เอ่ยจบแล้วก็เดินออกไป
เสิ่นเผยซวนยืนอยู่ที่เดิมไม่กี่วินาทีถึงจะรู้สึกตัวขึ้นมา เดินไปส่งเธอถึงหน้าประตู
“คุณพักผ่อนเร็วหน่อยนะคะ ลาก่อน” ซ่งหย่าซินยืนเอ่ยกับเขาที่หน้าประตู
เสิ่นเผยซวนพยักหน้า และปิดประตูลง
เมื่อปิดประตูลงแล้ว เขาก็ยังรู้สึกว่าเหมือนกับความฝัน หลังจากผ่านไปเนิ่นนานก็ถอนหายใจครั้งหนึ่ง
ในใจก็คิดว่าเอาแบบนี้แล้วกัน ไปหาคนอื่นก็ไม่แน่ว่าจะเหมาะสมเหมือนเธอ อีกอย่างผู้บัญชาการซ่งก็เอ่ยปากพูดแล้วด้วย
ถ้าหากว่าเขาไม่รับปาก ก็เป็นการหักหน้าผู้บัญชาการซ่ง เขาให้การดูแลตัวเองมาตลอด ถึงเวลานั้นก็คงจะรู้สึกผิดที่ทำให้อีกฝ่ายต้องลำบากใจด้วยเรื่องเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถเป็นโสดไปตลอดชีวิตได้
เสิ่นเผยซวนนั่งลงบนโซฟา รู้สึกว่าการที่ตัวเองคิดแบบนี้ ก็เป็นการปลอบใจตัวเองเล็กน้อย เขารินน้ำใส่แก้วและยกขึ้นดื่ม เอ่ยกับตัวเองว่า “ความจริงแล้ว ซ่งหย่าซินก็ดี รู้จักกันมานานแล้วด้วย ใช้ชีวิตด้วยกันก็ไม่น่าจะเลวร้ายเกินไป”
จู่ๆเขาก็หัวเราะ ตบเข้าที่ศีรษะของตัวเอง ยังคงปลอบใจตัวเองอยู่หรือ
ฟ้าเพิ่งจะสว่าง เสิ่นเผยซวนก็ถูกเสียงโทรศัพท์จากซูจ้านปลุกให้ตื่น เมื่อกดรับสายโทรศัพท์ ซูจ้านก็โวยวายว่า “เผยซวน ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย”
“มีเรื่องอะไรหรือ” เสิ่นเผยซวนเพิ่งจะตื่นนอน สมองยังไม่ปลอดโปร่งอยู่บ้าง
“ฉันคืนดีกับฉินยาแล้ว” เสิ่นเผยซวนที่ถูกคั่นกลางด้วยโทรศัพท์มือถือสามารถรับรู้ถึงสภาพอารมณ์ที่เบิกบานของซูจ้านได้ จึงเอ่ยว่า “ยินดีด้วย”
“ฉันพบว่าทำไมเจ้านายของนายถึงมักจะเรียกนายไปที่บ้านเขาบ่อยๆแล้ว? ไม่ใช่ว่าถูกใจนาย อยากจะให้นายเป็นลูกเขยเขาหรอกนะ?” ซูจ้านกำลังขับรถมุ่งหน้ามายังที่พักของเขา หางตายังมีบาดแผลอยู่ แต่ก็ปิดบังความยิ้มแย้มเบิกบานบนใบหน้าเอาไว้ไม่มิด
ถ้าหากว่าเสิ่นเผยซวนเห็นเขาในตอนนี้ จะต้องถามประโยคหนึ่งแน่นอนว่า หน้ายังเจ็บอยู่ไหม?
“โทรศัพท์หาฉันก็เพื่อบอกเรื่องดีๆของนายกับฉัน?”
“ไม่ใช่ วันนี้เสี่ยวยาจะกลับเมืองC ฉันจะไปส่งเธอ นายก็ไปด้วยกัน”
“แฟนสาวของนาย ฉันจะไปทำอะไร” เสิ่นเผยซวนรู้สึกว่ายากจะเข้าใจเขา
“คือว่าแบบนี้ เมื่อวานตอนที่ฉันประกาศ นายก็ไม่อยู่ วันนี้นายต้องอยู่ในเหตุการณ์ด้วย นายเป็นเพื่อนสนิทฉัน นายจำเป็นต้องพิสูจน์ให้เห็นด้วยตาของตัวเอง”
เสิ่นเผยซวนอยากจะพูดประโยคหนึ่งเสียจริงว่า นายบอกทางโทรศัพท์ก็ได้แล้ว ยังต้องพิสูจน์ให้เห็นด้วยตาตัวเองด้วยหรือ?
นายประสาทหรือไง
เพื่อเป็นการไม่ทำให้ชายหนุ่มน่าสงสารที่ต้นร้ายปลายดีได้รับความกระทบกระเทือน จึงเอ่ยว่า “นายต้องมารับฉัน รถของฉันไม่อยู่”
“ฉันถึงใต้ตึกบ้านนายแล้ว รีบลงมาเร็ว”
“เร็วขนาดนี้เชียว?”
“อย่ามัวแต่พูดพล่าม รีบลงมาเร็วเข้า” ซูจ้านเอ่ยเร่ง
เสิ่นเผยซวนเอ่ย “ให้เวลาฉันสิบนาที”
เอ่ยจบแล้วก็วางสายโทรศัพท์ ลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อไปอาบน้ำและแต่งตัว
หลังจากสิบนาทีแล้ว เขาก็ลงมาด้านล่างอย่างตรงเวลา เมื่อออกมานอกชุมชนก็เห็นรถของซูจ้านจอดอยู่ข้างถนน หน้าต่างรถไม่ได้ปิด เมื่อเดินเข้าไปก็ได้ยินเสียงเขาฮัมเพลง
เสิ่นเผยซวนเปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่ง “เพิ่งจะคืนดีกัน ก็ต้องแยกกันแล้ว ไม่กลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจหรือ”
“ไม่หรอก ถ้าจะเปลี่ยนเธอก็คงเปลี่ยนใจไปนานแล้ว”
ซูจ้านเอ่ยด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ
เสิ่นเผยซวนมองเขาแวบหนึ่ง “ดูท่าทางของนายในตอนนี้สิ!”
“เฮ้ ฉันเต็มใจ” ซูจ้านไม่ปิดบังที่จะแสดงอารมณ์ที่เบิกบานของตัวเองต่อหน้าเสิ่นเผยซวน
เสิ่นเผยซวนยิ้ม “มันก็แค่นี้แหละ”
ซูจ้านเก็บงำรอยยิ้มบนใบหน้า เอ่ยกับเสิ่นเผยซวนด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “เสี่ยวยา สภาพร่างกายของเธอไม่ค่อยดีเท่าไร หลังจากนี้พวกเราก็จะไม่มีลูกกันอีก นายอยู่ต่อหน้าเธอ อย่าเอ่ยถึงเด็กอีก ฉันกลัวว่าเธอจะอ่อนไหว”
เขารู้ว่าที่ฉินยาไม่บอกเขามาตลอด ก็เป็นเพราะไม่ยินยอมที่จะเผชิญหน้ากับความจริง โดยทั่วไปแล้วคนแบบนี้ล้วนมีจิตใจที่ค่อนข้างอ่อนไหว กลัวว่าเธอได้ยินเรื่องเด็กแล้วจะไม่มีความสุข
“ทำไม” เสิ่นเผยซวนขมวดคิ้ว
ซูจ้านนิ่งเงียบขึ้นมา ผ่านไปอยู่นานถึงได้เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “เกิดจากการแท้งลูกในครั้งที่แล้ว”
เสิ่นเผยซวนตบบ่าเขาเป็นการปลอบใจเงียบๆ
“นายก็อย่าแสดงท่าทางเป็นห่วงหรือเห็นอกเห็นใจอะไรพวกนี้มากเกินไปต่อหน้าเธอ ขอเพียงแค่ไม่เอ่ยถึงเรื่องเด็กต่อหน้าเธอก็พอ” ซูจ้านเอ่ย
เสิ่นเผยซวนบอกว่าเข้าใจ
ตอนที่พวกเขามาถึงก็เห็นว่าหลินซินเหยียนกับจงจิ่งห้าวอยู่ด้วย กำลังคุยอยู่กับช่าวหยุน ส่วนฉินยาก็กำลังเล่นกับจงเหยียนซีอยู่อีกด้านหนึ่ง
หลินซินเหยียนกับจงจิ่งห้าวตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเพื่อไปส่งฉินยาและช่าวหยุน จงเหยียนซีจะตามมาด้วย หลังจากนั้นจึงพาเธอไปที่สนามบินด้วยกัน
“คุณอาซู คุณอาเสิ่น” จงเหยียนซีเห็นพวกเขาแล้วก็รีบตะโกนเรียกทันที
ฉินยาเงยหน้าขึ้นก็เห็นพวกเขาที่กำลังเดินเข้ามาพอดี เธอมองเสิ่นเผยซวน พลางเอ่ยยิ้มๆว่า “ทำไมนายก็มาด้วย”
เสิ่นเผยซวนยิ้ม “ไม่ใช่เพราะซูจ้านของเธอหรอกหรือที่จะต้องให้ฉันมาส่งเธอให้ได้ บอกว่าเมื่อวานขาดฉันไป ต้องการให้ฉันชดเชยให้ แต่จะว่าไปก็ยินดีกับพวกเธอด้วยนะ”
ฉินยาก้มหน้า “ไม่มีอะไรที่ต้องยินดีหรอก”
“พวกเราคืนดีกันแล้ว ไม่สมควรยินดีได้อย่างไร?” ซูจ้านไปนั่งข้างเธอ โอบไหล่เธอเอาไว้ “วาจาที่ได้เอ่ยออกมาแล้ว ก็ยากที่จะเอากลับคืนมาได้ คุณอย่าได้คิดจะบิดพลิ้ว”
เสิ่นเผยซวนนั้นสายตาเฉียบแหลม อุ้มจงเหยียนซีขึ้นมา “พวกเราไปกันเถอะ อย่าไปรบกวนการแสดงความสนิทสนมและอบอุ่นใจของพวกเขา”