ในมือครูใหญ่จับไก่ตัวเป็นๆเอาไว้ หัวเราะและพูดกับเธอว่า “เพื่อนคุณบาดเจ็บไม่ใช่เหรอ? ผมกำลังคิดอยู่เลย ที่นี่พวกเราก็ไม่มีของดีอะไร ผมเลยจับไก่มาหนึ่งตัว ให้เพื่อนคุณที่บาดเจ็บกินเป็นอาหารเสริมร่างกายเสียหน่อย”
ซางหยูชินกับความเป็นมิตรของชาวบ้านแล้ว แต่ตอนเช้าขนาดนี้ก็ส่งไก่มาให้เลย เธอก็พูดอย่างตกใจว่า “นี่เป็นไก่ที่คุณเก็บไว้จะส่งให้ลูกชายไม่ใช่เหรอคะ?”
ครูใหญ่มีลูกชายที่สร้างครอบครัวอยู่ในเมือง แต่งงานกับภรรยาที่นั่น ภรรยาก็ท้องแล้วด้วย และกำลังจะคลอดในไม่ช้านี้ เขาเลี้ยงไก่ไว้ว่าจะส่งไปให้ลูกชาย และให้สะใภ้ได้กินตอนพักฟื้นอาการหลังคลอด
“ยังมีหลายตัว แค่ตัวเดียวเอง ให้เธอได้อยู่แล้วน่า ฆ่าแล้วต้มมันทั้งตัวเลยนะ” ครูใหญ่ยื่นมาให้
ซางหยูไม่กล้าฆ่าหรอกนะ สัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่แบบนี้ เธอทำใจฆ่ามันไม่ได้หรอก
“ขอบคุณมากเลยนะคะ แต่ไก่ฉันไม่รับไว้ได้ไหมคะ และเพื่อนฉันก็หนังหนาอยู่พอควร ไม่ต้องกินอาหารเสริมอะไรหรอกค่ะ คุณเอากลับไปเถอะ” ซางหยูคิดในใจ เสิ่นเผยซวนจะกิน เธอก็ไปซื้อที่ฆ่าเสร็จแล้วดีกว่า ถ้าลงมือฆ่าเองเธอทำใจไม่ได้จริงๆ
เธออาจจะกินไก่ตัวนั้นไม่ลงเลยก็ได้
การไม่เห็นชีวิตหนึ่งที่ถูกคร่าไป ในใจยังรู้สึกดีกว่านี้
“ผมเอามาแล้ว มีเหตุผลอะไรที่ไม่รับไว้กันครับ?” ครูใหญ่เอาเชือกที่มัดไก่ไว้มัดกับอิฐก้อนหนึ่ง วางไว้หน้าประตูข้างๆ
ครูใหญ่พูดถึงขั้นนี้แล้ว ซางหยูจะไม่รับไว้อีก คงทำลายน้ำใจเขาเกินไป
“ขอบคุณมากเลยนะคะ” ซางหยูพูดอย่างจริงใจ
“ขอบคงขอบคุณอะไรกัน เธอก็ช่วยพวกเรามาเยอะมากนี่” ครูใหญ่ปัดฝุ่นบนมือออก กำลังจะไปนั้น ก็เหมือนนึกอะไรได้ขึ้นมา “คุณก็ไม่ต้องรีบไปสอนหรอก ดูแลเพื่อนคนนี้ของคุณไปก่อนแล้วกัน”
ซางหยูหัวเราะและพูดว่า “ฉันกำลังจะบอกพอดีเลยค่ะ วันนี้ฉันคงไปสอนเด็กๆไม่ได้ เดี๋ยวไว้อีกสองวัน ฉันจะไปสอนทดแทนเองนะคะ”
ครูใหญ่ปัดมือพูดว่า “ไม่ต้องรีบหรอก ตรงนี้ยังมีฉันกับหวางเหวิ่นนี่”
พูดจบครูใหญ่ก็เอามือไพล่หลังแล้วเดินจากไป
ซางหยูมองดูไก่ข้างๆประตู เธอขมวดคิ้วเป็นปม ไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับมันยังไงดี เธอเดินเข้าห้องไป นั่งลงข้างๆเตียงอยากดูว่าเสิ่นเผยซวนตื่นหรือยัง ก็เห็นว่าเขาขมวดคิ้วเป็นปม กำลังมองตัวเองด้วยแววตาที่สับสน
ซางหยูไม่เข้าใจเลย ก็ลูบหน้าตัวเองและถามว่า “หน้าฉันมีอะไรเหรอ? นายเป็นอะไรน่ะ?”
ขมวดคิ้วแต่เช้าเลย ทำอย่างกับมีคนติดหนี้เขาแน่ะ?
เสิ่นเผยซวนนั่งลง มองเธอด้วยสีหน้าที่จริงจังแล้วถามว่า “เธอรังเกียจที่ฉันแก่ไหม?”
ซางหยูรู้สึกว่าเขาป่วยหรือเปล่า แถมยังป่วยหนักเอาการด้วยนะ ฉันก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรือไง? ทำไมยังถามแบบนี้อีก?
“จะให้ฉันเขียนหนังสือรับรองเลยไหม?”
เสิ่นเผยซวนตื่นนานแล้ว แต่แค่ไม่ได้ออกไป ซางหยูบอกว่าเขาเป็นคนหนังหนา เขาก็คิดในใจว่า เธอรังเกียจที่เขาอายุมากกว่าหรือเปล่า
เขาลูบหน้าตัวเอง แม้จะไม่ขาวเนียนเหมือนเธอ แต่ก็ไม่หยาบขนาดนั้นนะ
“นายโชคดีจังเลยนะ ตอนเช้าแบบนี้ก็มีคนเอาไก่มาให้แล้ว” ซางหยูดึงผ้าห่มออก “ลุกได้แล้ว”
เสิ่นเผยซวนจับผ้าห่มไว้ ไม่ให้เธอดึงมันออกไป “เดี๋ยวก่อน”
ซางหยู……???
หมายความว่ายังไง?
เธอรีบยื่นมือไปแตะหน้าผากเขา “ก็ไม่ร้อนนะ ปวดหัวเหรอ?”
เสิ่นเผยซวนหลบสายตาเธอ ใช้มือถูหน้าตัวเองแรงๆ เมื่อก่อน เขายุ่งจนไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องชายหญิง แต่ตอนนี้พอว่างขึ้นมา ก็เห็นว่าตัวเองมีกำลังที่คึกคักได้ขนาดนี้
เขาพยายามควบคุมสติตัวเอง แต่กลับควบคุมปฏิกิริยาทางร่างกายไม่ได้
เขาดึงผ้าห่มไว้ ไม่อยากให้ซางหยูเห็นตรงส่วนที่คึกคักอยู่ของตัวเอง และตอนนี้มันยังชี้โด่งขึ้นมาอีกด้วย
ซางหยูไม่รู้ว่าผู้ชายจะมีปฏิกิริยาทางร่างกายที่ไม่สามารถควบคุมได้ในตอนเช้า
เธอกะพริบตา ถามว่า “นายไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
เสิ่นเผยซวนส่ายหน้า เขารู้สึกอายมากและกลัวว่าจะทำให้ซางหยูตกใจ
เพราะยังไงเธอก็ยังเป็นเด็ก และยังไม่เคยมีแฟนมาก่อนด้วย
ผ่านไปสักพัก เขาก็ถึงลุกขึ้นจากเตียง
ซางหยูมองเขาด้วยแววตาที่แปลกประหลาด และถามอย่างไม่แน่ใจว่า “นายไม่เป็นไรจริงๆนะ? ไปตรวจที่โรงพยาบาลสักหน่อยไหม?”
เธอกังวลบาดแผลของเสิ่นเผยซวน
เพราะยังไงตอนที่เห็นเขา บนหัวเขาเต็มไปด้วยเลือด
แม้หมอจะบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แต่เธอกลัวว่าจะมีอาการที่ตามมาหลังจากบาดเจ็บได้