“ใช่ค่ะ ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเรื่องที่เขาพูดเรื่องชาติที่แล้วหรือชาตินี้” ซ่งหย่าซินยิ้ม
“คุณนายคะ” คุณแม่หยูเดินมา “ตัวเครื่องปรุงที่เอาไว้ตุ๋นซุปแบบครั้งที่แล้ววางอยู่ตรงไหนคะ ป้าอยากจะตุ๋นซุปแต่ก็หาไม่เจอ” คุณแม่หยูเดินเข้ามาพูดด้วย
ช่วงนี้หลินซินเหยียนไม่ได้เข้าครัวทำอาหารเลย และก็ไม่ได้ตุ๋นซุปอะไรด้วย ทว่ามองสายตาของคุณแม่หยูแล้ว หลินซินเหยียนก็มีปฏิกิริยาตอบทันทีว่า “อ้อ เดี๋ยวฉันช่วยป้าหาเองค่ะ”
เธอพูดพลางลุกขึ้นยืน พูดกับซ่งหย่าซินว่า “คุณนั่งรอก่อนนะคะ ฉันจะเข้าไปช่วยเธอหาของหน่อย”
ซ่งหย่าซินพยักหน้าให้ ทว่าในใจนั้นกลับรู้สึกดูถูกความจอมปลอมของหลินซินเหยียน ก็แค่คนรับใช้คนเดียว แต่กลับปฏิบัติตัวเหมือนกับคนในครอบครัว นี่กำลังแสดงความใจดีของตนเองอยู่ใช่มั้ย
หลินซินเหยียนเดินมุ่งหน้าไปทางห้องครัวแล้ว เลยไม่ทันเห็นสายตาดูถูกของซ่งหย่าซิน ทว่าป้าหยูบังเอิญมองเห็นเข้าอย่างไม่ทันระวัง เธอเดินก้มหน้าก้มตามุ่งหน้าไปทางห้องครัว
เมื่อหลินซินเหยียนเดินเข้าครัวมาก็ถามทันทีว่า “ป้าเรียกฉันมามีธุระอะไรหรือคะ”
คุณแม่หยูไม่ได้ตอบเธอ แต่กลับขนเก้าอี้จากด้านนอกเข้ามาหนึ่งตัว หลินซินเหยียนมองแล้วถึงกลับมึนงงไปหมด ไม่เข้าใจว่าเธอต้องการจะทำอะไรกันแน่
“คุณแม่หยูคะ…”
“คุณนาย” คุณแม่หยูประคองให้เธอนั่ง หลินซินเหยียนนั่งลงตามแรงของเธอ ยิ้มพลางถามว่า “คุณแม่หยู มีอะไรหรือเปล่า”
คุณแม่หยูแอบชำเลืองมองไปด้านนอก พูดเบาๆว่า “คุณผู้หญิงนามสกุลซ่งที่นั่งอยู่ด้านนอกคนนั้นตกลงแล้วคือใครกันแน่คะ”
หลินซินเหยียนตอบกลับว่า “เป็นแฟนสาวของเผยซวน”
คุณแม่หยูเบิกตาโพลง ทำสีหน้าแบบไม่อยากจะเชื่อ “อะไรนะคะ แฟนสาวของเผยซวนเหรอคะ”
พอรู้ตัวว่าตนเองตกใจจนเสียงดัง คุณแม่หยูรีบเอามือปิดปากทันที
หลินซินเหยียนไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องตกอกตกใจขนาดนี้ด้วย ถามว่า“ใช่ค่ะ ทำไมเหรอ ทำไมดูป้าท่าทางตกใจมากเลย”
คุณแม่หยูมือประสานกัน “เธอจะคู่ควรกับเผยซวนได้ยังไงกัน”
หลินซินเหยียนขำจนต้องถามกลับ “ไม่คู่ควรกันยังไงคะ”
คุณแม่หยูวิเคราะห์ให้เธอฟังทันที “คุณดูนะคะ เผยซวนเป็นคนที่ตรงไปตรงมามากๆ ดีกับคนอื่นมากๆ แต่คุณดูผู้หญิงคนนี้นะ หน้าตาเฉลียวฉลาดมาก จำพวกผู้หญิงที่มีแผนการอยู่ในใจ ยังมีอีก เธอมองเห็นว่าคุณก็ท้องโตอยู่แถมยังอุ้มเสี่ยวซีที่เป็นเด็กที่ตัวโตขนาดนั้นแล้วด้วย เธอกลับคิดอะไรไม่ได้เลย แถมยังยื้อให้คุณคุยด้วย ป้ามองแล้วไม่ถูกใจ เลยจงใจเรียกคุณเข้ามา”
หลินซินเหยียนถอนหายใจ “คำพูดนี้ป้าพูดกับฉันแค่คนเดียวก็พอแล้ว อย่าให้คนอื่นได้ยินเข้า อย่างไรเสียเผยซวนเป็นคนแนะนำให้พวกเรารู้จักเอง พวกเราก็ต้องให้เกียรติคนอื่นเขาด้วย เป็นการไว้หน้าเผยซวน พวกเราก็ต้องต้อนรับเธอให้ดีๆ”
ในใจเธอเองก็ไม่สบายใจอยู่บ้าง ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเธอไม่สนใจถึงความรู้สึกของคนอื่น แต่เป็นเพราะว่า แม้ว่าปากเธอจะพูดว่าไม่สามารถปล่อยวางเผยซวนได้ แต่ว่าพอมองแล้วก็เหมือนว่าไม่ได้กังวลอะไรมากมาย
ถ้าเกิดว่าจงจิ่งห้าวเกิดเรื่องแล้วไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง เกรงว่าเธอคงไม่มีอารมณ์จะมาบ้านคนอื่นหรอก แถมยังเสนอตัวขอกินข้าวที่บ้านคนอื่นอีก
“เฮ้อ….” หลินซินเหยียนถอนหายใจ “ครั้งนี้เป็นเพราะว่าพวกเราทำให้เผยซวนต้องได้รับความลำบาก เห็นแก่หน้าให้เขาหน่อยเถอะ คุณแม่หยู แสดงความมีน้ำใจกับคนเขาสักนิดนะคะ”
คุณแม่หยูตอบกลับ “ป้ารู้ ป้าจะไม่ทำให้เธอมองออกแน่นอน ว่าป้าไม่ชอบเธอ”
คุณแม่หยูล้างมือเพื่อเตรียมหั่นผัก “ก็แค่รู้สึกเสียดายคนดีๆอย่างเสิ่นเผยซวน”
ความสัมพันธ์ระหว่างเสิ่นเผยซวนกับจงจิ่งห้าว คุณแม่หยูรู้จักเสิ่นเผยซวนก่อนหน้าหลินซินเหยียน ฉะนั้นย่อมเข้าใจเขาดี
“เมื่อก่อนยังคิดว่า เขาต้องหาผู้หญิงที่ดีมากๆคนหนึ่งได้อย่างแน่นอนเลย ใครจะรู้ว่าจะไปหาแบบนี้มา… หน้าตาพอไปวัดไปวาได้ แต่สิ่งที่ทำให้คนอื่นรู้สึก ช่างไม่ดีจริงๆเลย” ไม่ว่าจะอย่างไรคุณแม่หยูก็ยังคิดว่าเธอไม่คู่ควรกับเสิ่นเผยซวน
หลินซินเหยียนมองด้านหลังคุณแม่หยูที่กำลังหั่นผักอยู่ ยิ้มอย่างอับจนปัญญา ถ้าเธอรู้ว่าซ่งหย่าซินแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่ง ยิ่งทำให้รู้สึกว่าเธอไม่เหมาะสมกับเสิ่นเผยซวนหนักขึ้นกว่าเดิมแน่
“คุณแม่หยูตุ๋นน้ำแกงบำรุงร่างกายหน่อยเถอะค่ะ” สองสามวันนี้จงจิ่งห้าวก็ไม่ว่างเลย เห็นว่าตอนกลางคืนเขานอนไม่ค่อยหลับ สีหน้าดูเหนื่อยล้าอยู่บ้าง
“ได้ค่ะ” คุณแม่หยูตอบ
หลินซินเหยียนลุกขึ้นยืน
คุณแม่หยูหันกลับมา “คุณจะออกไปเหรอคะ”
“ทิ้งคนเขาไว้คนเดียวอยู่ในห้องรับแขกไม่ดีเลย”หลินซินเหยียนตบไหล่ของคุณแม่หยู “จะทำให้เห็นว่าพวกเราไม่มีมารยาท”
หลินซินเหยียนพูดก็ถูกอีก เธอพยักหน้าให้ “คุณต้องลำบากใจเลย ทั้งๆที่ไม่มีอะไรจะพูด แต่ก็ต้องหาเรื่องมาพูดกัน”
หลินซินเหยียนถึงกลับเอามือแตะหน้าผากหัวเราะออกมา เห็นด้วยกับคุณแม่หยูที่พูดถูกอย่างไม่มีรู้จะทำอย่างไรดี
เพราะว่าการพูดคุยกับซ่งหย่าซิน นั้นดูแข็งทื่อจืดชืด และไม่เข้ากันเลย
“คุณชอบไวน์แดงไหม”
เธอเดินออกจากห้องครัว ซ่งหย่าซินไม่ได้นั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกแล้ว แต่กลับยืนอยู่หน้าตู้เก็บไวน์ ตอนที่กำลังมองพวกเหล้าไวน์นั้น เหมือนว่าเธอจะรู้เรื่องอย่างดี หลินซินเหยียนไม่รู้เรื่องเลยสักนิดเดียว เธอเดินไป “คุณชอบไวน์เหรอคะ”
ตอนนี้ซ่งหย่าซินกำลังถือไวน์แดงขวดหนึ่งในมือ หลินซินเหยียนเองก็จำไม่ได้ว่าไวน์อะไร และรสชาติมันเป็นยังไง
ซ่งหย่าซินมองเห็นว่าเธอเดินเข้ามาหา พลางเอาไวน์กลับไปวางที่เดิมและหันไปยิ้มตอบ “หาเจอแล้วเหรอคะ”
หลินซินเหยียนส่งเสียงตอบกลับ เธอหยิบไวน์แดงที่เพิ่งหยิบออกมาจากชั้นวางไวน์ออกมา และถามว่า “คุณเข้าใจเรื่องไวน์แดงเหรอคะ”
“พอเข้าใจบ้างค่ะ ไวน์รุ่นนี้เป็นรุ่นลิมิเต็ด ผลิตจากโรงกลั่นไวน์บอร์โดซ์ในประเทศFและยังได้รับรางวัลเหรียญทองWine Awards กลิ่นไวน์หอมแถมยังมีพลังอันซับซ้อนอยู่ รสชาติถูกปาก เข้มข้นนุ่มละมุน จนทำให้คนที่ดื่มแล้วอยากดื่มอีก” ซ่งหย่าซินอธิบายได้อย่างละเอียดมาก
แม้ว่าก่อนหน้านี้หลินซินเหยียนจะดื่มบ้าง แต่ก็ไม่เคยสนใจมาก่อนเลย แถมยังไม่รู้มากขนาดนั้นด้วย หลังจากต้องท้องแล้วก็ไม่แตะอีกเลย
เธอเองก็มองไม่ออกว่ามันรสชาติเป็นอะไรยังไง ยื่นมือเพื่อจะเอาไปวางจะวางคืนบนชั้น ซ่งหย่าซินก็ถามว่า “นี่เป็นของสะสมของท่านประธานจงเหรอคะ”
ชั้นวางไวน์ทั้งแถวนี้ ต่างวางไวน์หลากหลายชนิดอยู่ตลอด ส่วนเรื่องดื่มนั้น จงจิ่งห้าวดื่มไม่เยอะ อย่างน้อยหลังจากที่อยู่กับเธอแล้ว ก็น้อยครั้งมากที่จะเห็นเขานั่งดื่มคนเดียวในบ้าน
ในบ้านทำตู้เก็บไวน์เอาไว้เฉพาะ ต้องเป็นความชอบอย่างแน่นอน ก็เหมือนในโรงจอดรถที่มีรถรุ่นลิมิเต็ดมากมายจอดอยู่ด้านใน แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยขับ แต่ก็ยังซื้อ เหมือนว่าผู้ชายมักจะสนใจกับเรื่องรถพวกนี้ เหล้าก็อาจจะเป็นแบบนั้น
“เวลาที่บ้านมีแขกจำเป็นต้องใช้ ไม่ถือว่าเป็นของสะสมหรอกค่ะ” หลินซินเหยียนไม่ได้พูดถึงจงจิ่งห้าว
ซ่งหย่าซินยิ้ม
“คุณดื่มมั้ยคะ”หลินซินเหยียนถาม
ซ่งหย่าซินตอบว่า “ไม่ดื่มค่ะ”
“การตกแต่งของตรงนี้ช่างมีสไตล์มาก ฉันว่าสิ่งของทุกอย่างที่จัดเรียงตรงนี้แต่ละชิ้นมีรสนิยมมาก คุณเป็นคนตกแต่งเองเลยเหรอคะ” ซ่งหย่าซินชื่นชมการจัดวางและการตกแต่งในคฤหาสน์
“หาคนมาออกแบบตกแต่งโดยเฉพาะค่ะ” แม้ว่าตอนที่หลินซินเหยียนเข้ามาพักก็เป็นแบบนี้ แค่เธอก็สัมผัสได้ว่าจงจิ่งห้าวเป็นคนไม่มีเวลา ที่จะจัดการเรื่องบ้านด้วยตัวเอง น่าจะใช้เงินไปหาคนมาออกแบบตกแต่งให้
“คุณนายอาหารเสร็จแล้วค่ะ” คุณแม่หยูเดินมาบอก
หลินซินเหยียนพยักหน้าให้ “ป้าพาคุณซ่งไปล้างมือทีนะคะ”
คุณแม่หยูตอบตกลง พลางทำท่าเชื้อเชิญมาทางซ่งหย่าซิน “คุณซ่งเชิญทางนี้ค่ะ”
ซ่งหย่าซินเดินตามคุณแม่หยูไปห้องน้ำ
หลินซินเหยียนถอนหายใจ จากนั้นก็เดินขึ้นชั้นสองไป เธอผลักประตูห้องนอน และก็เห็นจงจิ่งห้าวกำลังนอนขวางอยู่บนเตียงและกอดลูกสองอยู่ในอ้อมอก และกำลังนั่งอ่านนิทานThe pig got up snoring ให้เธอฟัง
จงเหยียนซีจ้องมองตาโต ขนตายาวกระพริบไปมา ดูเหมือนว่ากำลังตั้งใจฟังอย่างจริงจัง
ภาพที่ดูสงบเงียบ จนทำให้หลินซินเหยียนก็ใจเย็นลง จนมุมปากคลี่ยิ้มออกมา “กินข้าวได้แล้วค่ะ”
จงจิ่งห้าวเงยหน้าขึ้นก็เห็นหลินซินเหยียนกำลังยืนอยู่ตรงประตู เขาวางหนังสือที่อยู่ในมือลง พลางหอมแก้มลูกสาวตัวน้อย “พวกเราลงไปกินข้าวกัน”
จงเหยียนซีพยักหน้า
จงจิ่งห้าวบีบใบหน้ารูปไข่ของเธอ “หนูจะเดินเอง หรือว่าให้แด๊ดดี้อุ้มลงไปคะ”
จงเหยียนซียื่นมือออกมา นั่นหมายถึงให้เขาอุ้ม จงจิ่งห้าวอุ้มลูกสาวลงมา “แด๊ดดี้สามารถอุ้มหนูได้ แต่ไม่ให้หม่ามี้อุ้มหนูนะ รับปากกับแด๊ดดี้ได้ไหม”
จงเหยียนซีโอบคอเขาแต่ไม่ยอมพูดออกมา
“หนูไม่พูดก็เท่ากับหนูยอมรับปากแล้วนะ” จงจิ่งห้าวอุ้มเธอเดินมา พลางเหลือบมองท้องของหลินซินเหยียน พลางยื่นมือออกมาลูบ “ต่อไปก็อย่าอุ้มลูกนะ”
เพราะว่าตอนนี้ท้องของหลินซินเหยียนนับวันยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ การอุ้มแบบนี้ มันจะทำให้กดทับท้องของเธอ
หลินซินเหยียนรีบเอามือของเขาออก พร้อมกับพูดเตือน “มีแขกอยู่ในบ้านนะคะ”
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้ว “เธอยังไม่ไปอีกเหรอ” ????