หลินซินเหยียนพยักหน้า
คิ้วของจงจิ่งห้าวยิ่งขมวดเข้าหากันแน่น ถามว่า“เธอมาทำอะไร”
“เธอสังเกตเห็นว่าซูจ้านไม่อยู่ ดูเหมือนว่าจะหยั่งเชิงพวกเรา บอกว่า เป็นห่วงเผยซวนมาก แต่ฉันดูแล้วไม่ใช่เพื่อเผยซวน เพียงอย่างเดียวหรอก” หลินซินเหยียนพูดอย่างเศร้าๆ
ภายในใจ เป็นห่วงว่าในอนาคตเผยซวนอยู่กับเธอแล้วจะเกิดเรื่องบาดหมางขัดแย้งกัน
จงจิ่งห้าวพูดว่า “อย่างวิตกกังวล”
ก่อนหน้านี้วันที่เผยซวนหายสาบสูญไม่รู้ชะตากรรมวันนั้น พวกเขาต่างก็ไม่ได้พักผ่อน บวกกับจงเหยียนซีได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจ เธอผอมซูบลงไปมาก ไม่อยากจะไปวิตกกังวลเรื่องความรู้สึกของคนอื่นอีกแล้ว
“เผยซวนเขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องให้พวกเราไปดูแลจัดการ ” จงจิ่งห้าวเอ่ยเบาๆ ความจริงแล้ว กลับแอบสังเกตเธอเธออยู่
“ใช่แล้ว ทำไมซูจ้านถึงไม่ให้เผยซวนกลับมา เขาคิดจะทำอะไร แล้วตอนนี้เผยซวนอยู่ที่ไหน บาดเจ็บหรือเปล่า” นึกได้ว่าซูจ้านจงใจให้พวกเขาปิดบังตระกูลซ่ง ตอนนั้นก็ไม่บอกเหตุผล ก็อดแปลกใจไม่ได้ เขาออกอุบายแบบนี้ไปเพื่ออะไร
ตอนนั้นจงจิ่งห้าวก็ไม่รู้ แต่วันนี้เขาได้รับข้อความที่ซูจ้านส่งมา รู้ว่าตอนนี้สถาพของเสิ่นเผยซวนรวมถึงความสัมพันธ์ของเขากับซางหยูซูจ้านบอกเขาหมดแล้ว และยังกำชับเป็นพิเศษว่าห้ามบอกซ่งหย่าซินว่าเสิ่นเผยซวนปลอดภัยดี ทั้งยังบอกว่าเสิ่นเผยซวนเองก็รู้เรื่องนี้
“รอตอนค่ำจะบอกคุณ”
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดคุยกันเรื่องนี้ ในเมื่อซ่งหย่าซินยังอยู่ที่ชั้นล่าง
หลินซินเหยียนพยักหน้า ไม่ได้ซักไซ้ต่อ พวกเขาลงมา ซ่งหย่าซินนั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหารแล้ว เห็นพวกเขาเดินลงมาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ พูดว่า “วันนี้รบกวนพวกคุณด้วยนะคะ”
หลินซินเหยียนยิ้มพลางเอ่ยว่า “ไม่รบกวนเลยค่ะ นั่งเถอะ”
จงจิ่งห้าวอุ้มลูกสาวนั่งลงที่ตำแหน่งประธาน หลินซินเหยียนนั่งลงที่ตำแหน่งข้างๆเขา
เธอยิ้มพลางพูดกับซ่งหย่าซินว่า “มาที่นี่ไม่ต้องเกรงใจนะคะ”
ซ่งหย่าซินยิ้มแล้วพูดว่าโอเค นั่งลงมาใหม่ มองไปยังจงจิ่งห้าว “ เสี่ยวลุ่ยต้องไปพบจิตแพทย์มั้ยคะ”
จงจิ่งห้าวไม่ตอบ
หลินซินเหยียนรีบรักษาบรรยากาศ “เคยไปพบแล้วค่ะ ได้รับความตกใจมากเกินไป ต้องใช้เวลาสักหน่อยน่าจะดีขึ้น คุณซ่งชอบไวน์ อยากจะลองดื่มหน่อยมั้ยคะ”
ซ่งหย่าซินยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องค่ะ”
“ก็ใช่ เป็นฉันที่ผิดเอง ตอนนี้เสิ่นเผยซวนยังหายสาบสูญ พวกเราจะมานั่งกินข้าวอย่างสบายใจได้ยังไง แล้วยังจะดื่มไวน์อีก” หลินซินเหยียน ถามคุณแม่หยู “ฉันให้ป้าช่วยตุ๋นน้ำซุปบำรุงสมองเสร็จแล้วหรือยังคะ”
คุณแม่หยูพูดว่า “ไม่นานก็เสร็จแล้วค่ะ”
หลินซินเหนียนพยักหน้า “อีกเดี๋ยวตักให้คุณซ่งหนึ่งชามนะคะ หลายวันนี้เธอต้องไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอแน่นอน”
คุณแม่หยูเหลือบมองซ่งหย่าซิน เห็นสีหน้าเธอก็ไม่เหมือนคนที่ไม่ได้พักผ่อนเลย ในใจไม่พอใจมาก ส่งเสียงตอบรับอืมแล้วหมุนตัวเดินเข้าห้องครัวไป
ทันใดนั้นซ่งหย่าซินก็รู้สึกตัวว่า การแสดงออกของตนเองอาจจะดูกระตือรือร้นมากเกินไป ไม่ค่อยเป็นห่วงเสิ่นเผยซวน คำพูดเมื่อครู่ของหลินซินเหยียนจงใจพูดให้เธอฟังหรือเปล่า
ภายในใจเกิดความตระหนกขึ้นมา
ฝีมือของคุณแม่หยูดีมาก อาหารที่ทำกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่ว
แต่ตอนนี้ซ่งหย่าซินกลับไม่ได้มีความอยากอาหารเลย
คุณแม่หยูตักน้ำซุปมาให้หลินซินเหยียนหนึ่งชาม จากนั้นก็ยกมาให้ซ่งหย่าซินหนึ่งชามอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก “คุณซ่ง ระวังร้อนนะคะ”
ซ่งหย่าซินกระดากอายเล็กน้อย ก้มหน้าพูดว่า “ขอบคุณค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจค่ะ” คุณแม่หยูพูดอย่างเย็นชา
หลินซินเหยียนรู้สึกปวดหัวมาก ขี้เกียจจะพูดอะไรแล้ว คนฉลาดอย่างซ่งหย่าซินนี้ ต้องสัมผัสได้ว่าคุณแม่หยูไม่ชอบเธอแน่นอน
แต่ว่า การไปขอร้องให้ใครคนหนึ่งไปชอบใครสักคน ก็เป็นเรื่องที่ยากมากเรื่องหนึ่ง
เธอเอาซุปที่คุณแม่หยูยกมาก่อนหน้านี้ วางไว้ตรงหน้าของจงจิ่งห้าว “หลายวันมานี้ฉันเห็นคุณพักผ่อนน้อยมาก”
จงจิ่งห้าวเงยหน้า “ผมทำคุณตื่นเหรอ”
เพราะเรื่องของจงเหยียนซี ทำให้เธอนอนหลับไม่สนิทในเวลากลางคืน
ต้องลุกมาดูลูกสาวหลายครั้งตลอดทั้งคืน
หลินซินเหยียนพูดว่า “เปล่าค่ะ”
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้ว ในใจก็คิดว่าคุณเห็นผมเป็นคนปัญญาอ่อนเหรอ ไม่ตื่นจะรู้ได้ยังไงว่าตอนกลางคืนเขาไม่ได้นอน
หลินซินเหยียนเองก็พึ่งรู้ตัวว่า คำพูดของตนเองไม่น่าเชื่อถือ
ซ่งหย่าซินก้มหน้า ดูเหมือนจะเกินความจำเป็น ตัวเธอเองก็รู้สึกว่าไม่มีเหตุผล
“คุณนายจง” จู่ๆซ่งหย่าซินก็พูดขึ้นมา “ฉันทานไม่ค่อยลง วันนี้ขอกลับก่อนนะคะ ขอบคุณสำหรับการต้อนรับค่ะ”
ซ่งหย่าซินพูดพลางลุกขึ้นยืน
หลินซินเหยียนก็ลุกขึ้นยืน ถามว่า “เป็นเพราะเรื่องของเสิ่นเผยซวน เลยทานไม่ลงเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดียังไง ฉันจะกินข้าวลงได้ยังไงคะ” ซ่งหย่าซินแสดงท่าทางเศร้าเสียใจ
หลินซินเหยียนพูดว่า “อย่างนั้นฉันก็ไม่ฝืนคุณค่ะ”
ซ่งหย่าซินลุกจากที่นั่ง หลินซินเหยียนส่งเธอออกจากบ้าน
“ต้องการให้ฉันเรียกคนขับรถไปส่งคุณมั้ยคะ” หลินซินเหยียนถามอย่างเกรงใจ
ซ่งหย่าซินโบกมือพูดว่า “ไม่ต้องค่ะ ฉันขับรถมา คุณกลับไปเถอะค่ะ ”
หลังจากเห็นเธอจากไปแล้ว หลินซินเหยียนก็ปิดประตูเข้าไป นั่งที่โต๊ะอาหาร พูดว่า “คุณทำไมแสดงท่าทีกับคนอื่นเขาอย่างนั้นล่ะคะ เขาพูดด้วยคุณก็ไม่ตอ ไม่มีมารยาทเลยนะคะ จะบอกว่าเธอเป็นแฟนของเผยซวนได้ยังไง ฉันเห็นคุณกับซูจ้านต่างก็ไม่ชอบเธอ”
จงจิ่งห้าวเงยหน้ามองเธอ “คุณชอบเธอเหรอ”
หลินซินเหยียนพูดว่า ก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ แค่รู้สึกว่าเธอไม่ได้ใสซื่ออย่างที่แสดงออกภายนอก
รู้ว่าเธอเคยแต่งงานแล้ว และยังเคยปฏิเสธเผยซวนด้วย จงจิ่งห้าวให้คนแอบไปสืบเรื่องเธอ
เรื่องที่เขาสืบได้ เกรงว่าเสิ่นเผยซวนก็คงไม่รู้
เขาเงยหน้าขึ้นมา “เธอไม่เหมาะสมกับเผยซวน”
พูดพลางเขาก็เอาโทรศัพท์มือถือวางไว้ตรงหน้าหลินซินเหยียน “คุณดูเอาเอง”
หลินซินเหยียนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาด้วยใจที่สงสัย เลื่อนเปิดหน้าจอ