คงไม่ใช่จะคลอดนะ
ความง่วงงุนของจงจิ่งห้าวสลายหายไปในพริบตา เขาเปิดไฟที่หัวเตียง มองเธออย่างวิตกกังวล “เจ็บท้องเหรอ”
หลินซินหยียนขมวดคิ้ว ท่าทางทรมาน จงจิ่งห้าวลงจากเตียงไม่ทันได้ใส่รองเท้า ก็วิ่งปรี่มาข้างๆเธอ “ผมส่งคุณไปโรงพยาบาล”
พูดพลางโน้มตัวลงมาจะอุ้มเธอ หลินซินเหยียนจับมือเขาไว้ ส่ายหน้า “ไม่ใช่ ไม่ได้เจ็บท้อง”
เธอขยับไม่ได้ ตัวแข็งทื่อ เกิดจากตะคริวที่ขาอย่างกะทันหัน
“ขาฉันเป็นตะคริวแล้ว” เธอพูดออกมาอย่างทรมาน
จงจิ่งห้าวดึงผ้าห่มออก อาศัยแสงสว่างจากหลอดไฟไปดูขาทั้งสองข้างของเธอ ชุดนอนของเธอม้วนเข้าไป ด้านนอกเผยให้เห็นเรียวขาขาวทั้งสองข้าง สว่างไสวตรงหน้าเขา “ขาข้างไหนเป็นตะคริว”
“ข้างขวา” คิ้วของเธอขมวดแน่น เส้นเอ็นของเธอก็เจ็บปวดราวกับถูกผูกเป็นปม เธอจับผ้าห่ม “อื้อ——เจ็บจังเลย”
สีหน้าจงจิ่งห้าวตึงเขม็ง นวดขาข้างที่เป็นตะคริวให้เธอ ไม่ได้มีเทคนิควิธีการอะไร ก็แค่ต้องการบรรเทาความเจ็บปวดให้เธอ
ผ่านไปสักพักจึงผ่อนคลายปมที่เจ็บปวดนั้นได้ หลินซินเหยียนเงยหน้าพูด “คุณนอนเถอะ ดีขึ้นมากแล้ว”
จงจิ่งห้าวนั่งลงข้างเตียง เอาขาของเธอมาวางบนขาทั้งสองข้างของเขา นวดให้เธอต่อไป
“พรุ่งนี้ไปตรวจดูที่โรงพยาบาลหน่อยนะ”
หลินซินเหยียนพูดว่า “นี่เป็นเรื่องปกติ ยิ่งท้องแก่ขึ้นก็จะเกิดภาวะแบบนี้”
จงจิ่งห้าวเม้มปากไม่พูด อาการเจ็บปวดแบบนี้ เขาไม่อาจเป็นแทนได้ สิ่งเดียวที่ทำได้ คือพยายามลดความเจ็บปวดของเธอ
หลินซินหยียนขยับขาพูดออดอ้อนเขาว่า “สงสารฉันใช่มั้ย”
จงจิ่งห้าวตีที่ขาเธอหนึ่งครั้ง “ไม่สงสาร”
หลินซินเหยียนดึงขาออกมา แกล้งพูดอย่างโมโหว่า “ไปเลย ไม่ให้คุณนวดแล้ว”
จงจิ่งห้าวจับข้อเท้าของเธอไว้ “อย่าโวยวาย อยู่เฉยๆ ผมนวดให้คุณก็ไม่เจ็บแล้ว”
“คุณไม่สงสารฉันเลย คุณก็ไม่ต้องมานวดให้ฉัน” หลินซินเหยียนงอขา พยายามดิ้นให้หลุด ไม่ให้เขาแตะต้อง
จงจิ่งห้าวหัวเราะเบาๆ “หัวดื้อ”
หลินซินเหยียนเบะปาก “ฉันก็หัวดื้อแบบนี้ ต่อไปจะให้คุณเลี้ยงฉันด้วย”
“เลี้ยง” จงจิ่งห้าวบีบน่องขาเธออย่างเอาอกเอาใจ หลินซินเหยียนอ้อนว่า “เจ็บ”
จงจิ่งห้าวถามว่า “เจ็บตรงไหน”
หลินซินเหยียนชี้ไปที่ขา
จงจิ่งห้าวโน้มตัวมา หลินซินเหยียนคิดว่าเขาจะจูบเธอ ก็รีบถอยกรูดกลับไป ดุเขาเบาๆว่า“จงจิ่งห้าว”
“กลัวผมจะจูบคุณขนาดนี้เลยเหรอ” จงจิ่งห้าวมองเธอโดยอาศัยแสงสว่างจากหลอดไฟ สีหน้าท่าทางจริงจัง “นี่ถ้าเป็นลูกชาย จะส่งเขาไปที่เมืองCเป็นยังไง”
หลินซินเหยียน……???
เธอไม่เข้าใจความหมายนี้ของเขาเลย
“งั้นถ้าเป็นผู้หญิงล่ะ” หลินซินเหยียนถาม
“อย่างนั้นก็ต้องเลี้ยงดูไว้ข้างกายผม”
หลินซินเหยียนลุกขึ้นมานั่ง ถามด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย “คุณหมายความว่าอะไร หรือว่าเป็นลูกชาย คุณก็ไม่ต้องการ คุณไม่อยากได้ลูกชายขนาดนี้เลยเหรอ”
“ลูกของผม ผมจะไม่ต้องการได้ยังไง” จงจิ่งห้าวมานั่งข้างๆ เอาเธอเข้ามาในอ้อมกอด “ผมคิดแบบนี้ ถ้าเป็นลูกชาย จะให้เขาใช้นามสกุลคุณ ถือว่าให้ทายาทสืบสกุลกับพ่อคุณ คุณเองก็ไม่ได้เปลี่ยนนามสกุลอย่างจริงจังเลย ”
คำพูดนี้จงจิ่งห้าวเคยบอกแล้ว หลินซินเหยียนเข้าใจได้ และก็ฟังเข้าใจ
แต่การเปลี่ยนนามสกุลกับเพศมีความเกี่ยวข้องอะไรกัน
“ถ้าเป็นลูกสาว จะใช้นามสกุลตามฉันไม่ได้เหรอ” ไม่นานหลินซินเหยียนก็นึกออก เขาเคยบอกว่าชอบลูกสาวมากกว่า
เบะปากอย่างอดไม่ได้ “คนอื่นเขามีแต่ให้ความสำคัญลูกชายละเลยลูกสาวกันเหรอ ทำไมคุฯให้ความสำคัญกับลูกสาวละเลยลูกชาย”
ครืดๆ——
ตอนนี้เองโทรศัพท์มือถือของหลินซินเหยียนก็สั่นขึ้นมา
จงจิ่งห้าวหยิบขึ้นมา มองเห็นข้อความที่ส่งมาจากหมายเลขหนึ่งที่ไม่ได้แสดงชื่อ
“ใครคะ ฉินยาหรือเปล่า” หลินซินเหยียนหยิบมา “ก่อนนอนฉันส่งข้อความให้ฉินยา แต่เธอไม่ได้ตอบกลับฉันเลย”
พูดพลางกดเปิดดูข้อความ
จงจิ่งห้าวไม่รู้ว่าทำไม เขายังไม่ทันได้ดูว่าข้อความอะไรหลินซินเหยียนก็หยิบโทรศัพท์มือถือไปแล้ว
ตอนนี้ร่างกายของจงเหยียนซีขยับนิดหน่อย ก็เหมือนกับรู้สึกว่าไม่มีใครอยู่ข้างกาย คิดจะลืมตา จงจิ่งห้าวยื่นแขนข้ามตัวหลินซินเหยียนอุ้มเธอขึ้นมา ตบหลังเธอเบาๆ “พ่ออยู่ที่นี่”
จงเหยียนซียื่นมือมาลูบๆคลำ เหมือนจะใช่พ่อ ก็ซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดเขานอนหลับต่อ
หลินซินเหยียนจ้องมองโทรศัพท์ อดไม่ได้ที่จะหยีตามอง
เนื้อหาในข้อความคือ 【วันนี้สามีคุณสวมชุดสูทสีเทาอ่อน เสื้อเชิ้ตสีขาว เนคไทสีดำ ผู้ชายที่สวมชุดเป็นทางการดูดีมีเสน่ห์มาก】
“ใครส่งข้อความมา” จงจิ่งห้าวเงยหน้า เห็นหลินซินเหยียนอ่านอย่างหมกมุ่น
หลินซินเหยียนลบข้อความทิ้ง คิดเสียว่ามีคนกลั่นแกล้ง ตอบเบาๆว่า “ไม่มีอะไรค่ะ ข้อความขยะ”
เธอนอนลง ตะแคงข้าง เอาขาพาดบนตัวของจงจิ่งห้าว หลังจากท้องใหญ่มากขึ้น เวลานอนก็ยิ่งอึดอัด นอนหงายก็จะกดทับหัวใจ นอนตะแคงต้องขาให้สูงถึงจะสบาย “ฉันง่วงแล้ว”
จงจิ่งห้าวเอามือวางบนขาของเธอ พูดว่า “นอนเถอะ”
หลินซินเหยียนส่งเสียงตอบอืมเบาๆแล้วหลับตา เกี่ยวกับเรื่องข้อความนั้นก็ไม่ได้เอามาใส่ใจ ในเมื่อเขาใส่ชุดอะไรมีคนเห็นตั้งมากมาย นี่เป็นเรื่องปกติมาก เธอขยับไปมาจนได้ท่าทีสบายไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
ตอนเช้าเมื่อจงจิ่งห้าวตื่นหลินซินเหยียนและจงเหยียนซียังนอนหลับสนิทอยู่ ตอนเขาตื่นเคลื่อนไหวอย่างเบามาก เกรงว่าจะทำให้พวกเขาตื่น
ตอนที่เตรียมไปล้างมือ โทรศัพท์มือถือที่วางบนโต๊ะก็สั่นขึ้นมา นับตั้งแต่ที่จงเหยียนซีตื่นตกใจ เขามักจะตั้งโทรศัพท์มือถือเป็นแบบสั่นในตอนกลางคืน หลีกเลี่ยงไม่ให้มีเสียงโทรศัพท์ดังในเวลากลางคืน
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาด้านบนไม่ได้แสดงรายชื่อ เป็นหมายเลขหนึ่ง เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ เดินออกไปรับสายด้านนอกห้อง
เขากดรับสายเอาโทรศัพท์วางไว้ข้างหู สวมรองเท้าแตะเดินมาชั้นล่าง
“ฮัลโหล”
“ฉันเอง” หลังจากเสิ่นเผยซวนซื้อโทรศัพท์มือถือแล้ว ก็ติดต่อจงจิ่งห้าวเป็นคนแรกๆ
“ฉันไม่เป็นไร ทุกอย่างดีมาก ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน แต่ฉันยังไม่กลับไปชั่วคราว”
จงจิ่งห้าวเดินมาด้านหน้าโต๊ะ เทน้ำแก้วหนึ่ง “นี่เบอร์โทรศัพท์นายเหรอ”
“ใช่” เสิ่นเผยซวนตอบ
“อีกเดี๋ยวฉันจะส่งบางอย่างให้นาย แล้วนายค่อยตัดสินใจว่าจะกลับมาหรือเปล่า” จงจิ่งห้าวยกแก้วน้ำขึ้น ดื่มไปสองอึก
“อะไร”
จงจิ่งห้าวพูดว่า “นายดูเอาเอง”
พูดจบเขาก็วางสาย เอาข้อมูลที่กวนจิ้งสืบมาได้ส่งให้เสิ่นเผยซวน
จะทำอย่างไร เขาเป็นคนตัดสินใจเอง
เสิ่นเผยซวนที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม่ในตอนนี้ ได้ยินเสียงวางสาย เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออก ไม่นานก็ได้รับอีเมล์ฉบับหนึ่ง เขากดเข้าไปอ่าน
อ่านไปอ่านมาคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากัน ทั้งยั้งแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ภาพลักษณ์ของซ่งหย่าซินในสายตาเขาความจริงแล้วก็พอใช้ได้ แม้ไม่ได้ชอบเธอ แต่ก็ไม่ได้รังเกียจ
ในจิตใต้สำนึกรู้สึกว่าผู้บัญชาการซ่งเป็นคนดีขนาดนั้น ลูกสาวของเขาก็น่าจะไม่เลวร้าย
ดังนั้นเขาคิดมาตลอดว่าซ่งหย่าซินเป็นคนที่เหมือนกับผู้บัญชาการซ่ง
แต่กลับไม่เคยติดมาก่อนเลยว่า เธอจะเป็น……
ผู้บัญชาการซ่งเป็นคนตรงไปตรงมา ทำไมลูกสาวถึงได้ทำร้ายคนอื่นอย่างเห็นแก่ตัวแบบนี้
เห็นชัดว่าเธอมีความผิดอยู่ก่อนแล้ว กลับเอาความผิดทั้งหมดโยนให้สามีเก่าของเธอ
ทำให้สามีเก่าของเธอกลายเป็นคนที่ทุกคนโจมตี เธอกลายเป็นผู้ถูกทำร้าย
นี่ตกลงว่าเป็นคนยังไงกันแน่!!
นี่ถ้าอีเมล์นี้เป็นคนอื่นส่งมา เขาคงต้องไม่เชื่อแน่นอน แต่ว่าเป็นอีเมล์ที่จงจิ่งห้าวส่งมาให้เขา ต้องได้รับการตรวจสอบมาแน่ชัดแล้วอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นด้วยนิสัยจงจิ่งห้าว ไม่มีทาง เอาเรื่องนี้มาบอกเขา
“ดูอะไรอยู่เหรอ” ซางหยูกอดเขาจากด้านหลัง ขึ้นมาขี่บนหลังเขาทั้งตัว คางพาดอยู่บนไหล่เขามองดูโทรศัพท์มือถือ เสิ่นเผยซวนรีบกดปุ่มย้อนกลับไปหน้าก่อนอย่างรวดเร็ว
ซางหยูกระซิบถามข้างหูเขาเบาๆ “มีอะไร ทำไมกลัวฉันจะเห็นขนาดนี้”