จงจิ่งห้าวเดินออกจากห้องตรวจ เดินไปจนสุดทางของทางเดินแล้วโทรกลับไป ไม่นานก็โทรติด และกวนจิ้งก็รับสายอย่างรวดเร็ว
“มีอะไรเหรอ?”จงจิ่งห้าวถามขึ้น
“เรื่องที่ท่านให้ผมไปสืบ รู้ตัวคนทำแล้วนะครับ”
“ใคร?”
“กู้หุ้ยหยวน พี่สาวคนที่หกของกู้เป่ยครับ”กวนจิ้งตอบ
จงจิ่งห้าวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ราวกับไม่ค่อยแปลกใจ ภายในใจมีการคาดเดาอะไรบางอย่าง
“ประธานจงว่างไหมครับ? ผมอยากจะพบท่านเสียหน่อยครับ”กวนจิ้งยืนมองดูทิวทัศน์ด้านนอกผ่านหน้าต่างแล้วพูดขึ้น
“มีเรื่องอะไร?”
กวนจิ้งพูดขึ้นต่อว่า “ผมอยากจะพูดต่อหน้าท่านครับ”
จงจิ่งห้าวยกมือขึ้นมาดูเวลา “ช่วงค่ำๆ ฉันถึงจะมีเวลาว่าง”
“ถ้าเช่นนั้น ช่วงค่ำๆเจอกันที่บริษัทนะครับ ที่ห้องทำงานของผม”กวนจิ้งพูดขึ้น
จงจิ่งห้าวฟังออกว่าน้ำเสียงของกวนจิ้งผิดปกติ จึงพูดขึ้นว่า “สักทุ่มหนึ่ง ฉันจะเข้าไป”
พูดจบ เขาก็กดวางสาย
เขาไม่ได้กลับห้องตรวจทันที ทว่า ภายในใจของเขากำลังสงสัยว่าทำไมกวนจิ้งถึงต้องการพบเขา?
ท่าทางและน้ำเสียงของเขาผิดจากปกติมาก
ภายในห้องตรวจ
หลินซินเหยียนก้มหน้าแล้วถามขึ้น “คุณหมอคะ เด็กแข็งแรงดีใช่ไหมคะ?”
หมอพยักหน้า “เด็กมีพัฒนาการที่ดีมากครับ พัฒนาการดีในทุกๆด้านเลย แต่ว่า……….”
“แต่ว่าอะไรคะ?”หลินซินเหยียนตื่นเต้นขึ้นมาทันที เธอกลัวการพูดแบบนี้ของหมอมากเลย ข้างหน้าพูดดีหมด แล้วมาต่อด้วยคำว่า ‘แต่’
“รอให้ประธานจงกลับมาก่อน ผมค่อยพูดให้พวกคุณฟังพร้อมกันอย่างละเอียด แต่จะทำอย่างไรต่อนั้น ก็ต้องให้พวกคุณเลือกอีกทีครับ”หมอพูดอย่างจริงจัง
หลินซินเหยียนขมวดคิ้ว ฟังจากน้ำเสียงของหมอนั้นก็ค่อนข้างจริงจัง เธอจึงไปดึงแขนเสื้อของหมอแล้วพูดขึ้นว่า “หมอบอกฉันก่อนได้ไหมคะ? ไม่เช่นนั้น ฉันก็จะไม่สบายใจค่ะ”
หมอมองดูท่าทางที่เป็นกังวลของเธอแล้วถอนหายใจออกมา “ตอนที่คุณคลอดลูกคนแรก หมอเคยบอกคุณว่าอย่ามีลูกอีกใช่ไหมครับ?”
หลินซินเหยียนพยักหน้า หมอเคยพูดแบบนี้จริงๆ บอกว่ามันจะทำร้ายร่างกายของเธอ
“คุณไม่เหมาะที่จะมีลูกอีก เพราะคุณเคยผ่านการแท้งมาก่อน จึงทำให้มดลูกของคุณบางมาก การท้องในช่วงแรกอาจจะไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ว่าถ้าท้องยิ่งแก่ ด้วยการเพิ่มขึ้นของน้ำคร่ำ และการพัฒนาอย่างรวดเร็วของทารกในครรภ์ การทำงานของมดลูกของคุณจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันจะอันตรายต่อตัวคุณ ตอนนี้อายุครรภ์ก็เจ็ดเดือนแล้ว ผมแนะนำให้ผ่าคลอดก่อนกำหนดในตอนที่อายุครรภ์เจ็ดเดือนครึ่ง ไม่เกินแปดเดือนครับ”
หลินซินเหยียนยอมรับไม่ค่อยได้ “ฉัน ฉันไม่เห็นรู้สึกถึงความไม่เหมาะ………”
หมอพูดขึ้นอย่างจริงจัง “รอให้คุณรู้สึกถึงความไม่เหมาะ มันก็ถึงขีดจำกัดแล้วครับ ตอนนี้เครื่องมือทางการแพทย์ก็ทันสมัย และไม่ต้องกลัวว่าเด็กคลอดออกมาแล้วจะอยู่ไม่ได้ เด็กพัฒนาได้ดีและแข็งแรงมาก ไม่น่ามีปัญหาอะไร อย่าเป็นกังวลมากเลยครับ”
ภายในใจของหลินซินเหยียนกระวนกระวายขึ้นมาทันที ทารกอายุครรภ์เจ็ดเดือนครึ่งพัฒนาการยังไม่เต็มที่แน่ๆ
“คุณหมอคะ ฉันอยากบอกสามีของฉันด้วยตัวเองค่ะ”หลินซินเหยียนไม่รู้ว่าถ้าจงจิ่งห้าวได้รู้ข่าวนี้แล้วจะเป็นอย่างไร
หมอพยักหน้า “พวกคุณลองปรึกษากันก่อนก็ดีครับ ทว่า ต้องรีบตัดสินใจกันนะครับ เพราะตอนนี้อายุครรภ์ก็เจ็ดเดือนแล้ว”
หลินซินเหยียนพยักหน้า “พวกเราจะปรึกษากันอย่างดีค่ะ……..”
“ปรึกษาเรื่องอะไรครับ?”จงจิ่งห้าวเข้ามาก็ได้ยินคำพูดของหลินซินเหยียน จึงถามขึ้นต่อจากคำพูดของเธอเลย
หลินซินเหยียนรีบยิ้ม “ไม่มีอะไร”เธอจับท้องของตัวเองไว้ เตรียมที่จะลุกขึ้นมา จงจิ่งห้าวจึงเดินเข้าไปพยุงตัวเธอ แล้วถามขึ้นว่า “ตรวจเสร็จแล้วเหรอ?”
หลินซินเหยียนพยักหน้า “หมอบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี”
สายตาของจงจิ่งห้าวมองไปยังหมอ ราวกับกำลังตั้งคำถาม
หมอเหลือบมองไปยังหลินซินเหยียน จากนั้นก็ยกมือขึ้นไปดันแว่นที่อยู่บนสันจมูก “เด็กแข็งแรงมากครับ”
ท่าทางของหมอ ดูแล้วเหมือนจงใจจงจิ่งห้าวหรี่ตาลง ทว่า ต่อหน้าหลินซินเหยียนเขาก็ไม่ได้ซักถามต่อ
เขาจับไปที่เอวของหลินซินเหยียนแล้วพูดขึ้นว่า “เราไปกันเถอะ”
เขาถือซองใส่เอกสารสีน้ำเงินไว้ พยุงตัวหลินซินเหยียนแล้วเดินออกจากห้องตรวจ
หลังจากที่เดินออกจากโรงพยาบาล เมื่อขึ้นไปในรถ จงจิ่งห้าวก็รัดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ผมจะไปเข้าห้องน้ำสักครู่ คุณรอผมอยู่ในรถนะ”
หลินซินเหยียนเอนตัวไปพิงเบาะรถ แล้วพยักหน้า
จงจิ่งห้าวนั้นไม่ได้จะไปเข้าห้องน้ำ จริงๆแล้ว เขากลับเข้าไปในโรงพยาบาล เขาไปที่แผนกผู้ป่วยนอกเพื่อไปหาหมอที่รับผิดชอบหลินซินเหยียน
ถึงแม้หลินซินเหยียนจะแสดงออกมาว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แต่เขารู้สึกได้ว่า หลินซินเหยียนไม่ผ่อนคลายเท่าตอนที่มา
ตอนที่หมอตอบคำถามก็ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ เขาจึงมีความสงสัย ถ้าไม่ถามให้ชัดเจนก็จะไม่สบายใจ
การกลับมาอีกครั้งของจงจิ่งห้าว ทำให้หมออึ้งไปเลย
“ผลตรวจของภรรยาผมเป็นอย่างไรกันแน่ครับ?”จงจิ่งห้าวถามออกไปอย่างตรงไปตรงมา
“เด็กแข็งแรงดีครับ การพัฒนาทุกด้านก็ดีมาก เพียงแต่ร่างกายของภรรยาคุณ……….”
“ร่างกายของภรรยาผมทำไมครับ?”
จงจิ่งห้าวถามออกไปด้วยความกระวนกระวาย หมอยังพูดไม่จบเขาก็พูดขัดขึ้น
หมอเปิดไฟล์บันทึกผลการอัลตราซาวด์ของหลินซินเหยียนออกมา ลูกศรเม้าส์ชี้อยู่ที่ความหนาของมดลูก “เนื่องจากภรรยาของคุณเคยแท้งมาก่อนจึงทำให้มดลูกได้รับความเสียหาย สถานการณ์ในขณะนี้ มดลูกนั้นบางกว่าหญิงตั้งครรภ์ทั่วไป อายุครรภ์ยิ่งแก่ ด้วยการเพิ่มขึ้นของน้ำคร่ำ และการพัฒนาอย่างรวดเร็วของทารกในครรภ์ การทำงานของมดลูกก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมได้คุยกับภรรยาของคุณแล้ว และผมแนะนำให้ผ่าคลอดก่อนกำหนด ก่อนอายุครรภ์เจ็ดเดือนครึ่งยิ่งดีครับ จะได้ลดความเสี่ยงของผู้ตั้งครรภ์ ถ้ามดลูกแตกขึ้นมา อย่าว่าแต่เด็กเลยครับ แม้แต่ผู้ใหญ่ก็อันตรายเช่นกัน”
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขายอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่ค่อยได้ “ผลการตรวจก่อนหน้านี้ก็ดีมาโดยตลอดนิครับ”
“เพราะว่าก่อนหน้านี้อายุครรภ์ยังน้อยครับ อาการก็เลยไม่ค่อยชัดเจน”หมอนิ่งไปสักครู่ “ผมบอกสถานการณ์นี้กับภรรยาของคุณแล้วครับ แต่หล่อนบอกว่าจะกลับไปปรึกษากับคุณก่อน”
จงจิ่งห้าวถามขึ้นเสียงต่ำ “ไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอครับ?”
หมอส่ายหน้า “ทารกอยู่ในครรภ์แม่จะยิ่งอยู่ยิ่งโตขึ้น ยิ่งอายุครรภ์แก่เด็กก็จะเติบโตเร็วขึ้น ก็หมายความว่าการทำงานของมดลูกก็จะยิ่งหนักขึ้น…………”
“การคลอดก่อนกำหนด มีผลกระทบอะไรต่อเด็กไหมครับ?”จงจิ่งห้าวฟังเข้าใจแล้ว ทว่า การคลอดก่อนกำหนดนั้น ต้องมีผลกระทบต่อเด็กเป็นแน่แท้
“แน่นอนว่า การคลอดก่อนกำหนดนั้น ผลกระทบต้องมีอยู่แล้วครับ ทว่า เครื่องมือทางการแพทย์ในปัจจุบันนั้นดีและทันสมัยมาก ทารกก็แข็งแรงมากเช่นกัน อัตราการรอดชีวิตนั้นมีมากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ครับ”หมอพูดขึ้น
“แปดสิบเปอร์เซ็น?”เห็นได้ชัดว่าจงจิ่งห้าวนั้นไม่พอใจกับคำตอบนี้
แต่ว่า ร่างกายของหลินซินเหยียนนั้นสำคัญกว่า เขาหันหลังแล้วเดินจากไป
เขาตัดสินใจที่จะปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านก่อน แล้วค่อยตัดสินใจ
พอกลับถึงรถ เขาก็แสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วถามหลินซินเหยียนว่ารอนานไหม หลินซินเหยียนจึงตอบว่า “ไม่นาน”
“เรากลับบ้านกันเถอะ”
จงจิ่งห้าวสตาร์ทรถแล้วขับออกไป
เนื่องจากหลินซินเหยียนได้ฟังคำพูดของหมอ ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ และไม่มีความปรารถนาที่จะพูด เธอจึงหลับตาลง
จงจิ่งห้าวหันไปมองเธอ เขาเม้มปากแน่นกว่าเดิม เขาเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของหลินซินเหยียนในตอนนี้เป็นอย่างดี
เขาเป็นพ่อ และเป็นสามี เขาไม่สามารถทำร้ายลูกของตัวเองได้ และเขาก็ไม่สามารถทำร้ายหลินซินเหยียนได้เช่นกัน
ขณะนี้ ภายในใจของเขารู้สึกทั้งซับซ้อนและหดหู่
เขายื่นมือข้างหนึ่งออกไปจับมือของเธอ หลินซินเหยียนลืมตาขึ้น จงจิ่งห้าวก็พูดขึ้นว่า “ง่วงก็นอนเลย ถ้าถึงบ้านเดี๋ยวผมปลุก”
หลินซินเหยียนพยักหน้า แล้วหลับตาลงอีกครั้ง
ผ่านไปสักพัก รถก็ถึงวิลล่า ในตอนที่จงจิ่งห้าวกำลังจะเลี้ยวรถเข้าบ้าน ก็เห็นมีคนยืนอยู่หน้าประตู