ส่วนจงเหยียนซีที่ตื่นเต้นนั้นไม่รู้เลย ตัวเองเป็นที่เกลียดชังของคนอื่น
ขณะนี้กำลังจมอยู่ในความสุข
วันนี้นักเรียนต้องอยู่คุ้นเคยสภาพแววล้อมในโรงเรียน ผู้ปกครองส่งเด็กถึงโรงเรียนก็กลับได้แล้ว ผู้ปกครองมากมายไม่กล้ากลับ ลูกที่ถูกโอ๋มาตั้งแต่เด็กเข้าโรงเรียนวันแรก กลัวพวกเขาไม่คุ้นเคย คอยมองอยู่น้องรั้วประตูเหล็ก
หลินซินเหยียนก็ยืนอยู่ในนั้น เวลาดูเหมือนแค่พริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้ว วินาทีก่อนพวกเขายังเป็นทารกน้อยที่ห่อหุ้มอยู่ ตอนนี้ก็เข้าห้องเรียนชั้นประถมแล้ว
จงจิ่งห้าวยืนอยู่ข้างเธอ กอดไหล่เธอไว้ พูดว่า “พวกเราไปเถอะ ยังไงพวกเขาก็ต้องเติบโต”
หลินซินเหยียนเข้าใจ พยักหน้าให้เขา
พวกเขาไม่ได้กลับบ้าน จงจิ่งห้าวบอกว่าตัวเองมีเรื่องงานต้องจัดการหน่อย ให้หลินซินเหยียนรอเขาอยู่ในรถ ความจริงเขาไปพบผู้อำนวยการหวาง เขาไม่อยากให้หลินซินเหยียนอยู่ด้วย ถึงได้พูดโกหก
หลินซินเหยียนเอามือค้ำคางไว้ มองดูผู้คนไปๆมาๆบนถนน อาจจะเป็นเพราะว่านั่งอยู่ในรถนานเกินไป เป่าแอร์นานเกินไปเลยปากแห้ง เธอให้คนขับรถไปช่วยเธอซื้อน้ำหนึ่งขวด
“ไม่เอาแช่เย็นนะคะ”
คนขับรถตอบได้แล้วเปิดประตูลงไป
เธอเอามือค้ำคาง มองคนที่เดินไปเดินมาบนถนนผ่านกระจกรถ ทันใดนั้นเธอเห็นร่างที่คุ้นเคยผ่านกระจกมองหลัง เลิกลดกระจกรถลงมา ยื่นหัวมองไปข้างหลัง ไม่นานเธอก็มองชัดเจนว่าร่างนั้นเป็นใคร
เวลาเดียวกันในใจก็นึกสงสัยขึ้นมา ทำไมกวนจิ้งถึงอยู่ที่นี่? มาทำงานเหมือนกันเหรอ?
เธอกำลังอยากเปิดประตูรถลงไป ก็มองเห็นผู้หญิงที่ไล่ตามเขามา ผู้หญิงคนนี้เธอก็เคยเห็น ผู้หญิงที่พูดตาประหลาดกับเธอที่โรงพยาบาลวันนั้น
รู้มาจากปากของจงจิ่งห้าวว่า เธอเป็นพี่หกของกู้เป่ย
ทำไปเธอกับกวนจิ้งถึงอยู่ด้วยกัน?
เธอรีบปิดประตูรถ มองพวกเขาผ่านกระจกมองหลัง อยากจะรู้ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์อะไรกันแน่
กวนจิ้งขาดความอดทน จะถูกผู้หญิงคนนี้บีบจนบ้าแล้ว กู้หุ้นหยวนคอยดักรอเขาที่บริษัทและที่พักของเขา
ทำจนตอนนี้เขาไม่กล้าเข้าบริษัท และไม่กล้ากลับบ้าน
“ผมว่า คุณหนูกู้ คุณต้องการอะไรกันแน่?” กวนจิ้งจ้องหน้ากู้หุ้ยหยวน มีความรู้สึกเหมือนเรื่องจวนตัวอยู่กลางอก เหลือเพียงความรำคาญและโมโห “เหี้ยเอ๊ยผมลาออกไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว คุณยังจะยุ่งกับผมทำไมอีก?”
ผ่อนคลายลงนิดหนึ่ง กวนจิ้งก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว “ใช่แล้ว ในมือคุณมีจุดอ่อนของผม ผมพูดอย่างชัดเจนแล้ว คุณอยากให้ใครก็ให้เลย ผมไม่ใส่ใจ”
เขาตบหน้าของตัวเอง “ก็แค่หน้าไม่ใช่เหรอ? ให้คุณเลย”
กู้หุ้ยหยวนพบว่าตัวเองคำนวณผิดไปแล้ว คนข้างกายของจงจิ่งห้าวไม่เพียงแค่ซูจ้านและเสิ่นเผยซวนที่จัดการยาก แม้แต่กวนจิ้งก็หัวแข็งอย่างกับก้อนหิน
เธอกัดฟัน “กวนจิ้ง คุณไม่ช่วยฉันจริงเหรอ?”
“คุณเลิกคิดได้แล้วว่าผมจะช่วยคุณ” กวนจิ้งพูดชัดถ้อยชัดคำอย่างหนักแน่น
กู้หุ้ยหยวนกำมือไว้แน่น “ได้ คุณไม่ให้ฉันได้สบาย ฉันก็ไม่ให้คุณสบายแน่”
กวนจิ้งหัวเราะเย็นชา “คุณให้ผมสบายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“กวนจิ้ง” กู้หุ้ยหยวนโมโหจนกระทืบเท้า ผู้ชายคนนี้ทำไมถึงได้ดื้อรั้นขนาดนี้?
ยังโง่ถึงขั้นลาออกจากงาน เขาบ้าไปแล้วใช่ไหม?
เธอดูกวนจิ้งไม่เข้าใจ แต่เข้าใจว่าสิ่งของพวกนั้นในมือเธอ ข่มขู่เขาไม่ได้ ผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่เอาแม้แต่อนาคต เขายังจะไปกลัวอะไร?
เห็นได้ชัดว่าดื้อรั้นขนาดไหน หรืออาจจะลองวิธีอ่อนดูบ้าง? ทันใดนั้นแววตาเธอเปลี่ยน น้ำเสียงสงบลง ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “กวนจิ้ง คุณอายุเท่าไหร่?”
กวนจิ้งมองดูสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเธอ ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ทำไมถึงรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้คิดแผนการอะไรกับเขา ทำร้ายเขา?
“คุณถามอายุผมทำไม?”
กู้หุ้ยหยวนหัวเราะ “คงสามสิบแล้วมั้ง”
“ผมอายุเท่าไหร่เกี่ยวเหี้ยอะไรกับคุณ?” กวนจิ้งพูดคำหยาบออกมา
กู้หุ้ยหยวนไม่ได้โกรธ กลับยิ่งหัวเราะอย่างร่าเริง “คุณอยากเป็นพ่อคนไหม?”
กวนจิ้งสีหน้าชะงัก ถามว่า “คุณ คุณหมายความว่าอะไร?”
คราวนี้ถึงเวลาที่กวนจิ้งเรียบเฉยไม่ได้แล้ว
กู้หุ้ยหยวนก้มหน้าลูบท้องของตัวเอง “หมายความตามที่พูด ทำไมผู้ช่วยกวน แม้แต่คำพูดง่ายๆแค่นี้ก็ฟังไม่เข้าใจ?”
กวนจิ้งทำเสียงเชอะ “คุณคงไม่ได้คิดจะพูดว่า ในท้องของคุณกำลังท้องเชื้อของผมหรอกนะ?”
เขาหยุดชะงักไปทีหนึ่ง “คุณคิดว่าผมจะเชื่อ?”