ลูกสาวของผู้อำนวยการยืนอยู่ระเบียงนอกประตู ไม่ได้สังเกต ได้ยินเสียงประตูมองไป เพิ่งอยากทักทายซ่งหย่าซินก็วิ่งออกไป
เธอจ้องภาพหลังของซ่งหย่าซิน ขมวดคิ้วเล็กน้อย นี่ทะเลาะกันแล้วเหรอ?
เธอมองเข้าไปในห้องอีกครั้ง ไม่ได้เข้าไปก่อน ดูสภาพแล้วคงคุยกันไม่มีความสุข
ผ่านไปประมาณยี่สิบนาที ผู้อำนวยการประชุมเสร็จ เดินมาจากระเบียงอีกด้านหนึ่ง เห็นลูกสาวยืนอยู่หน้าประตู ถามว่า “ลูกยืนอยู่ตรงนี้ทำไม?”
ลูกสาวยิ้ม “มีคนหาพ่อ”
อำนวยการพยักหน้า ดูเหมือนรู้ว่าใครจะมา
ก่อนหน้านี้เสิ่นเผยซวนเคยติดต่อเขา
“พ่อรู้ว่ามีคนมาหาพ่อ?” ลูกสาวถาม
ผู้อำนวยการอืมไปคำเดียว
เดินเข้าออฟฟิศพร้อมพ่อ เธอหยิบกระเป๋าบนโซฟาขึ้นมาแล้วพูดกับพ่อว่า “พ่อยุ่งเถอะ หนูไปก่อนนะ”
ผู้อำนวยการโบกมือ “วันนี้ลูกกับเสิ่นทาวกลับไปกินข้าว”
เสิ่นทาวเป็นลูกเขยของผู้อำนวยการ นี่เพราะคิดถึงลูกสาวแล้ว เรียกลูกสาวกับลูกเขยกลับบ้านกินข้าว
ลูกสาวโบกมือแล้วพูดว่ารู้แล้ว จากนั้นเดินออกจากออฟฟิศแล้วปิดประตู
เสิ่นเผยซวนลุกขึ้น ผู้อำนวยการโบกมือให้เขานั่งลง เขาเดินไปนั่งลงที่หน้าโต๊ะทำงาน หลังจากหยิบแก้วเก็บความร้อนบนโต๊ะขึ้นมาดื่มน้ำไปคำหนึ่ง ถึงเปิดปากพูด “ที่คุณพูดคือนักเรียนคนนั้น?”
เสิ่นเผยซวนเดินเข้ามาพูด “ชื่อซางหยู ท่านน่าจะจำได้”
ผู้อำนวยการจำได้จริง เขาเงยหน้าขึ้นมองเสิ่นเผยซวนรู้สึกเหมือนนึกขึ้นได้ ตอนนั้นก็คือมีข่าวอื้อฉาวกับเขาอยู่พักหนึ่ง
“พวกคุณมีความสัมพันธ์เป็นแฟนกันจริงเหรอ?” ผู้อำนวยการถาม
เสิ่นเผยซวนพูด “ใช่ครับ”
“แต่ว่าเธอลาออกไปแล้ว วันนี้คุณมาเพื่ออะไรล่ะ?” ผู้อำนวยการมือประสานกันวางอยู่บนโต๊ะ
“ไม่ทราบว่าท่านรู้หรือไม่ว่าทำไมเธอถึงลาออก”
“ผมเคยได้ยินจากอาจารย์ที่สอนเธอพูดว่า รู้สึกว่าเป็นเพราะมีเรื่องทางบ้าน”
“แม่ของเธอเสียชีวิต ไม่มีคนทำพิธีฝังศพ เธอกลับไปทำพิธีฝังศพแม่ของเธอ แม่เป็นญาติคนเดียวของเธอ ตอนนั้นเธอเสียใจเกินไป ทันใดนั้นยอมรับความจริงนั้นไม่ได้ ถึงได้ตัดสินใจผิด เพราะฉะนั้น หวังว่าท่านจะให้โอกาสเธออีกครั้ง เธอสามารถสอบเข้ามหาลัยนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ”
ผู้อำนวยการคิดไปครู่หนึ่ง “ผมเคยดูข้อมูลของเธอ นอกจากข่าวอื้อฉาวที่มีกับคุณแล้ว ก็ประพฤติดีมาโดยตลอด แต่ว่า บอกลาออกก็ลาออก ไม่ใช่พฤติกรรมอะไรที่ดีจริงๆ”
เสิ่นเผยซวนพูด “ใช่ พวกเราก็รู้ว่าไม่เหมาะสม ขอให้ท่านให้โอกาสเธออีกครั้ง”
“ก็ได้ เห็นแก่หน้าคุณและผู้บัญชาการซ่ง และเห็นแก่ที่เธอเรียนดี แต่ว่าแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น มิเช่นนั้น ผลการเรียนดีแค่ไหน พฤติกรรมไม่ดี เราก็จะไม่ให้โอกาสอีก” ผู้อำนวยการก็ถือว่าพูดง่าย รู้ว่าเสิ่นเผยซวนกับผู้บัญชาการซ่งความสัมพันธ์ดี เขากับผู้บัญชาการความสัมพันธ์ก็ไม่เลว
เห็นแก่ความสัมพันธ์นี้ จึงตอบตกลงอย่างง่ายดาย
เสิ่นเผยซวนรู้สึกขอบคุณมาก
ผู้อำนวยการให้ซางหยูมาก่อนเวลา ไปรายงานตัวกับอาจารย์ที่ดูแลเธอหน่อย
เสิ่นเผยซวนบอกว่าได้
คุยต่อกับผู้อำนวยการอีกพักหนึ่ง ส่วนมากเกี่ยวกับซางหยู สุดท้ายผู้อำนวยการพูดว่า “ฝากทักทายผู้บังคับบัญชาคุณแทนผมด้วย”
เสิ่นเผยซวนพูดว่าได้ ออกจากโรงเรียนแล้วเขาไปคฤหาสน์โดยตรง เจอกับจงจิ่งห้าวและหลินซินเหยียนออกจากบ้านพอดี กำลังเตรียมจะไปสนามบิน
เสิ่นเผยซวนช่วยคนขับรถยกกระเป๋าเข้ากระโปรงรถพูดว่า “ฉันส่งพวกนายไปสนามบินดีกว่า”
หลินซินเหยียนบอกว่าไม่ต้อง ถามเขา “เรื่องของคุณกับซ่งหย่าซินจัดการเรียบร้อยหรือยัง?”
“อืม เธอตกลงเลิกกันอย่างสันติ” เสิ่นเผยซวนตอบ
หลินซินเหยียนรู้สึกแปลกใจ จัดการอย่างรวดเร็วขนาดนี้ เธอยังนึกว่าซ่งหย่าซินจะตามตื๊อเสิ่นเผยซวนไม่ยอมปล่อยเสียอีก
แต่ว่าอีกที เสิ่นเผยซวนรู้สาเหตุการหย่าที่แท้จริงของเธอแล้ว เธอก็ไม่มีหน้าที่จะตามตื๊อต่อไปแล้ว
“ในบ้านมีเพียงซางหยูอยู่คนเดียว คุณเข้าไปเถอะ” หลินซินเหยียนพูดกับเสิ่นเผยซวน
จงฉีเฟิงกับเฉิงยู่เวินไม่อยู่บ้าน ป้าหยูก็ไปซูเปอร์มาร์เก็ต
“พวกเราได้เวลาแล้ว ต้องไปก่อนแล้ว”
คนขับรถเปิดประตูรถด้านหลัง จงจิ่งห้าวปกป้องเธอไว้ ให้เธอระวังหัว หลินซินเหยียนก้มตัวนั่งเข้าไป จงจิ่งห้าวไม่ได้ขึ้นรถทันที แต่มองไปที่เสิ่นเผยซวนพูดว่า “ติดต่อฉันได้ตลอดเวลา”
“พวกนายไปด้วยความวางใจเลย” เสิ่นเผยซวนพูด
สำหรับเสิ่นเผยซวนแล้วจงจิ่งห้าวเชื่อใจในความสามารถของเขามาก พยักหน้าแล้วก้มตัวเข้าไปในรถ
มองดูรถขับออกไป เสิ่นเผยซวนเดินเข้าไปในบ้าน ซางหยูกำลังเก็บโต๊ะอยู่ ได้ยินเสียงประตูนึกว่าหลินซินเหยียนลืมของอะไร เงยหน้าถาม “ลืมอะไร…..”
คำพูดของเธอยังพูดไม่จบ ก็มองชัดเจนแล้วว่าคนที่เข้ามาไม่ใช่หลินซินเหยียน แต่เป็นเสิ่นเผยซวน เธอวางผ้าในมือแล้วเดินมา “ทำไมคุณถึงกลับมาเวลานี้?”
เสิ่นเผยซวนพูด “เสร็จธุระก็กลับมา”
“พวกเขาเพิ่งไป…….”
“ผมรู้ เมื่อกี้เจอกันที่หน้าประตูแล้ว” เสิ่นเผยซวนจ้องมองเธอ ผู้หญิงคนนี้ถึงแม้จะเกิดในครอบครัวที่ไม่ดี แต่ว่าจิตใจกลับไม่ได้ปนเปื้อน แล้วก็บริสุทธิ์ หายากมาก
เสิ่นเผยซวนยื่นมือดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด พูดว่า “ซางหยู เราแต่งงานกันเถอะ”
ซางหยูอึ้งไปครู่หนึ่ง กอดกลับไปที่เอวของเขา ถามว่า “คุณคิดดีแล้ว?”
เสิ่นเผยซวนบอกใช่ “ผมคิดดีแล้ว ทางด้านโรงเรียนไม่นานคุณก็กลับไปเรียนได้แล้ว ถ้าคุณคิดว่าตอนนี้เช้าไป ผมสามารถรอจนคุณเรียนจบ…….”
“ฉันอยากแต่งงานกับคุณ” ซางหยูกอดคอเขาไว้แน่น “ฉันไม่อยากรอแล้ว ฉันกลัวเกิดการเปลี่ยนแปลง”
เสิ่นเผยซวนก็คำนึงถึงเธอถึงได้เสนอเรื่องแต่งงาน เขากลัวจะเกิดเรื่องเข้าใจผิดอะไรอีก ให้คนอื่นเอาไปพูดต่อทำให้กระทบถึงเธอ
ซางหยูบรรลุนิติภาวะแล้ว แต่งงานแล้ว พวกเขาก็ถูกต้องตามกฎหมาย คนอื่นก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
ซางหยูปล่อยมือออกกะทันหัน ถามเขาว่ารู้ไหมว่าหลินซินเหยียนไปเพราะอะไร
เสิ่นเผยซวนส่ายหน้า พูดว่า “ไม่รู้เหมือนกัน”
“ฉันรู้ รู้สึกเป็นสาเหตุของร่างกาย หมอบอกให้คลอดก่อนกำหนด พวกเขาไม่วางใจ ไปต่างประเทศให้โรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงกว่าทำการตรวจสอบ” หลินซินเหยียนกับจงจิ่งห้าวคุยกัน ไม่ได้ตั้งใจเลี่ยงเธอ เธอได้ยินแล้ว
เสิ่นเผยซวนเข้าใจแล้ว รู้แล้วว่าทำไมจงจิ่งห้าวถึงเลือกไปต่างประเทศเวลานี้ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หวังแค่ว่าพวกเขาจะราบรื่น สิ่งที่เขาช่วยทำได้ก็คือช่วยเขาดูแลบ้านนี้ให้ดี
“ผมไม่ต้องกลับที่กรมแล้ว อีกสักพัก คุณไปรับเด็กสองคนเลิกเรียนพร้อมผม คุณอยู่ที่นี่สองวัน น่าจะรู้จักพวกเขาแล้วมั้ง”
ซางหยูพยักหน้า “อืม แต่ว่างานรับเด็กคุณทำไม่ได้แล้ว ถูกคนเหมาไปเรียบร้อยแล้ว”
จงฉีเฟิงและเฉิงยู่เวินรับผิดชอบเด็กสองคน โดยพื้นฐานแล้วไม่ให้คนอื่นยุ่งเกี่ยว
“ที่กรมไม่ยุ่งเหรอ?” ซางหยูถาม
เสิ่นเผยซวนพูด “ผมเพิ่งกลับมา สองวันนี้ไม่ยุ่ง”
ซางหยูพูด “ถ้าอย่างนั้นคุณเตรียมอาหารเย็นพร้อมฉันละกัน”
เธอดึงเสิ่นเผยซวนเข้าห้องครัว เสิ่นเผยซวนจับจมูก “คุณรู้ ผมทำกับข้าวไม่เป็น”
ซางหยูหันหน้าไปมองเขา เขย่งเท้าขึ้นฉับพลัน จูบที่แก้มของเขา พูดอย่างยิ้มแย้ม “คุณดูฉันทำ”
เสิ่นเผยซวนอึ้งไปทีหนึ่ง ยื่นมาจับแก้ม
ซางหยูชอบดูท่าทางอึ้งทื่อของเขา น่ารักมากเลย เธอพูดอย่างขี้เล่น “ดูคุณ ก็แค่จูบไปทีเดียวเอง ไม่งั้น ฉันก็ให้คุณจูบทีหนึ่ง”
สำหรับซางหยูแล้วเสิ่นเผยซวนมีความรู้สึกผิดบางอย่าง ใกล้ชิดกันเกินไปก็จะรู้สึกว่าตัวเองทำผิด
ซางหยูรู้ว่าเสิ่นเผยซวนเก้อเขินอะไร ไม่ได้หยอกล้อเขาต่อ ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณช่วยฉันปอกเปลือกรากบัว”
เสิ่นเผยซวนพูด “ได้”
ซางหยูยื่นมีดปอกเปลือกให้เขา เสิ่นเผยซวนรับมาแล้วถามว่า “รากบัวจะกินยังไง?”
“ฉันจะทำลูกชิ้นรากบัว ให้เด็กสองคนกิน” ซางหยูก้มหน้าสับเนื้ออยู่
เนื้อหมูที่ใช้ทำลูกชิ้นรากบัว ต้องใช้เนื้อติดมันแบบนี้ สับละเอียด รากบัวก็ต้องขูดเป็นฝอย จากนั้นก็ผสมให้เข้ากันกับเนื้อหมูที่สับละเอียด สุดท้ายก็ปั้นให้เป็นลูก จัดวางใส่จานเอาไปนึ่งจนสุก
ต้มน้ำ ใส่กุ้งแห้งผักและสาหร่าย สุดท้ายก็ใส่ลูกชิ้นที่นึ่งเสร็จแล้ว ก็เป็นอันเสร็จสิ้น เติมน้ำมันงาเล็กน้อย น้ำซุปสาหร่ายลูกชิ้นรากบัวก็ทำเสร็จเรียบร้อย รสชาติสดชื่นกลิ่นกุ้งแห้งและสาหร่ายจางๆ ผักเขียวมีวิตามิน ไม่ต้องใส่เครื่องปรุงรสมากมาย รสจืดบางเบา เหมาะสำหรับหน้าร้อนมาก ที่สำคัญดีต่อสุขภาพและอร่อยด้วย
“คุณทำอาหารแบบนี้เป็นด้วยเหรอ?” เสิ่นเผยซวนนึกว่าเธอทำเป็นแค่อาหารพื้นบ้านง่ายๆเท่านั้น
ซางหยูพูด “ป้าหยูสอนฉัน ป้าบอกว่าเด็กทั้งสองคนชอบกิน”
เสิ่นเผยซวนมองเธอ “คุณชอบพวกเขามาก?”
ซางหยูก้มหน้าใช้ที่ขูดกำลังขูดรากบัวพูดว่า “แน่นอน ฉันรู้ว่าพวกเขาความสัมพันธ์ดีกับคุณ คนข้างกายของคุณทุกคน ฉันต้องทำดีต่อทุกคน แต่ว่าไปแล้ว พวกเขาสองคนน่าสนุกมากเลย”
เล่นกันสนุกสนานอยู่ตลอดเวลา ทำให้คฤหาสน์หลังนี้มีบรรยากาศชีวิตที่ดีมาก
ตอนแรกเธอกลัวว่าตัวเองจะอยู่ที่นี่ไม่คุ้นเคย อยู่ร่วมกันไม่ได้ พวกเขาต่างก็เป็นมิตรเข้าหาง่าย ถึงแม้พวกเขาจะมีทรัพย์สินเงินทองและฐานะทางสังคมที่เหนือคนธรรมดา
เสิ่นเผยซวนพิงอยู่ข้างอ่างมองดูเธอ ใบหน้าที่พูดจาฉะฉานและดูสงบเงียบ อยู่ๆมุมปากก็ยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
โรงพยาบาล
หลังจากท่านย่าหกล้ม ถูกส่งเข้าโรงพยาบาล หมอตรวจแล้วไม่เป็นอะไรมาก ซูจ้านรีบกลับมาจากเมืองC ก็ไปที่โรงพยาบาลทันที
ท่านย่านอนอยู่บนเตียง เห็นหลานชายแล้วดีใจมาก แต่ก็กลัดกลุ้มใจ
กลัดกลุ้มใจเรื่องใหญ่ในชีวิตของหลานชาย จนจะกลายเป็นอาการป่วยทางใจของเธอแล้ว
ท่านย่าดึงมือของซูจ้านไว้ “เราบอกย่ามา ตอนที่ย่ายังมีชีวิตอยู่ ยังสามารถเห็นเราแต่งงานมีเหลนให้ย่าไหม?”