นั่นก็คือ จวงจื่อจิ่นออกจากคุกแล้ว
เสิ่นเผยซวนรับเธอกลับไปที่บ้านพัก
เพื่อไม่ให้จวงจื่อจิ่นเป็นกังวล ก็เลยไม่ได้เล่าเรื่องของหลินซินเหยียนให้เธอฟัง
เขาพูดเพียงแค่ว่า จงจิ่งห้าวพาเธอไปเที่ยวที่ต่างประเทศ
“เหยียนเหยียนท้องโตแบบนั้น ไม่เหมาะที่จะออกไปเที่ยวต่างประเทศเลย ถ้าอยากไปเที่ยว ก็น่าจะไปหลังจากที่คลอดลูกแล้ว ฉันจะได้ช่วยพวกเขาดูลูก ไม่ว่าพวกเขาอยากจะไปเที่ยวที่ไหน ก็ไปเที่ยวที่นั่นได้เลย” จวงจื่อจิ่นผอมลงไปเยอะมาก แต่สภาพจิตใจก็ยังถือว่าดีอยู่
อาจจะเป็นเพราะว่าเห็นลูกสาวมีชีวิตที่มีความสุข เธอก็เลยอารมณ์ดี ก็เลยทำให้มีสภาพจิตใจที่ดีไปด้วย
ถึงแม้ว่าหลินซินเหยียนจะไม่ใช้ลูกแท้ๆ ของเธอ แต่ว่า เธอก็เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ความรู้สึกที่มีให้ มันก็มีมากกว่าแม่จริงๆ เสียอีก
“ไม่เป็นอะไรหรอก คุณไม่ต้องกังวลไป” เสิ่นเผยซวนปลอบเธอ เพื่อไม่ให้เธอคิดมากไป
“คือ เธอมีคนดูแลอยู่ อีกอย่างไปเที่ยวต่างประเทศเพื่อทำให้สบายใจมันก็ดีเหมือนกัน” ฉินยาเห็นด้วย
ตอนที่หลินซินเหยียนคลอดลูกทั้งสองคน จวงจื่อจิ่นรู้ว่า สุขภาพร่างกายของหลินซินเหยียนไม่ค่อยดีนัก ตอนนี้ท้องแก่แล้ว เธอก็ยังหวังว่าเธอจะระวังตัวหน่อย
แต่เธอก็คิดว่าจงจิ่งห้าวรู้จักแยกแยะ และน่าจะดูแลหลินซินเหยียนได้ดี เธอก็เลยไม่ได้ถามเรื่องนี้ต่อ
จากนั้นเธอก็รอให้เด็กน้อยทั้งสองคนเลิกเรียน เพราะเธออยากจะเจอพวกเขาเร็วๆ
เสิ่นเผยซวนบอกให้ป้าหยูเตรียมอาหารเย็นให้ดีๆ หน่อย เพราะยังไงจวงจื่นจิ่นก็เพิ่งได้ออกจากคุกก็ควรจะฉลองกันหน่อย อีกอย่างฉินยาก็มาที่นี่ด้วย
เขาถาม “มาเยี่ยมซูจ้าวเหรอ?”
รอยยิ้มของฉินยาแข็งทื่อไปทันที ก่อนที่เธอจะพูดว่า “ไม่ใช่ อย่าบอกเขานะว่าฉันมาที่นี่”
ถึงแม้ว่าเสิ่นเผยซวนจะไม่ค่อยเก่งเรื่องตัวเอง แต่ว่าสำหรับเรื่องอื่นแล้วเขาก็สามารถรับรู้ได้ทันที ดูท่าทีของฉินยาแล้ว น่าจะมีเรื่องอะไรบางอย่างกับซูจ้าว “ไม่ใช่ว่า พวกเธอดีกันแล้วเหรอ? เขาทำให้เธอโกรธอีกแล้วเหรอ? ไม่หรอกมั้ง ฉันรู้สึกว่าเขาทำเหมือนเธอเป็นราชินีเลยนะ”
ฉินยามองแรกใส่เขา “นี่พี่เสิ่น นี่พี่กำลังเยาะเย้ยฉันเหรอ?”
เสิ่นเผยซวนยิ้ม ก่อนจะถามกลับ “เหรอ?”
ฉินยาพูดคุยต่อ เธอนั่งพูดคุยอยู่บนโซฟากับจวงจื่อจิ่น
ส่วนเสิ่นเผยซวนก็ยังมีธุระ ก็เลยไม่ได้อยู่ที่บ้านพักต่อ
ตอนอยู่ในสถานีก็ได้ยินข่าวว่าผู้บัญชาซ่งถูกหามไปส่งที่โรงพยาบาล นี่ก็ผ่านไปหนึ่งวันแล้วยังไม่ได้ข่าวเรื่องของเขาเลย ก็เลยเตรียมตัวจะไปเยี่ยมเขา
ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบแม่และลูกสาวบ้านตระกูลซ่ง แต่ว่าเขาไปเยี่ยมผู้บัญชาซ่ง
เขาบอกกับซางหยู ก่อนจะเดินออกไป
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลเขาก็ไปถามห้องผู้ป่วยของผู้บัญชาซ่ง เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเคาะประตู ที่เขาลังเลเพราะกลัวว่าคุณนายซ่งและซ่งหย่าซินจะอยู่ในนั้น เขาไม่อยากจะเจอกับพวกเธอจริงๆ
แต่หลังจากที่เปิดประตูเข้าไป ก็ไม่ได้พบกับพวกเธอ เขารู้สึกโล่งอกมาก
ผู้บัญชาซ่งใส่ชุดผู้ป่วยไว้ สีหน้าดูไม่ค่อยดีนัก
“เกิดอะไรขึ้นครับ?” เสิ่นเผยซวนถามด้วยความเป็นห่วง
ผู้บัญชาซ่งหึออกมา “ก็เป็นเพราะนายนั่นแหละ ก็นายบอกว่านายไม่ยอม แล้วตอนนั้นนายจะตอบตกลงทำไม? แกดูสิ เธอโวยวายใหญ่เลย จนฉันไม่มีหน้าจะอยู่ในสถานีต่อแล้ว”
ในตอนนั้นเสิ่นเผยซวนก็ไม่รู้ใจของตัวเอง เขาแค่รู้สึกว่าซ่งหย่าซินอายุรุ่นคราวเดียวกับเขา ถ้าแต่งงานด้วยกันก็น่าจะดูเหมาะสม
ใครจะไปรู้หลังจากที่เขาได้เจอกับซางหยูอีกครั้ง…
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ? คุณหมอว่าไงบ้าง?” เสิ่นเผยซวนรู้ว่าตอนนั้นเขาเองก็รีบตอบตกลงเกินไป ตอบตกลงในขณะที่ยังไม่คิดให้ดี
ในตอนนั้นซ่งหย่าซินไล่ตามมาเรื่อยๆ เขาเองก็ไม่มีวิธี
ผู้บัญชาซ่งอิงตรงหัวเตียง ก่อนจะเงียบไปครู่หนึ่งและพูดว่า “ไม่ตายหรอก”
เป็นเพราะว่าตอนนั้นกดดันเกินไปก็เลยทำให้หมดสติไป ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงอะไร
“ผู้บัญชาซ่ง ขอโทษด้วยนะครับ ผม…”
“ไม่ต้องอธิบายอะไรแล้ว นายคิดว่าฉันยังไม่เข้าใจนายอีกเหรอ?” ผู้บัญชาซ่งถอนหายใจครั้ง “ก็ต้องโทษฉันด้วย รู้อยู่แก่ใจว่านายไม่ได้ชอบเธอ ก็ยังจะจับคู่ให้พวกนายอีก จนทำให้ดูแย่ขนาดนี้”
เสิ่นเผยซวนก้มหน้าลง เขาเหมือนกับเด็กที่ทำผิดไปเวลาอยู่ต่อหน้าผู้บัญชาซ่ง
“ไม่เป็นอะไรหรอก แต่ว่า หลังจากนี้นายคงจะไปที่บ้านฉันไม่ได้แล้ว” เพราะภรรยาของเขาน่าจะไม่มีวันลืมเรื่องนี้แน่นอน
เสิ่นเผยซวนก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
“พอแล้ว รีบกลับไปเถอะ” ผู้บัญชาซ่งปัดมือไปมา ภรรยาของเขาและลูกสาวออกไปซื้อของ และเขาคิดว่าพวกเธอคงใกล้จะกลับมากันแล้ว ถ้าพวกเธอได้เห็นเขา อาจจะโวยวายในโรงพยาบาลอีกครั้ง
พอถึงตอนนั้น เขาก็จะเสียหน้าจริงๆ
เสิ่นเผยซวนบอกว่าขอตัวก่อน
ผู้บัญชาซ่งตอบรับด้วยอืม เสิ่นเผยซวนเปิดประตูออกไป พวกเธอแม่ลูกก็เพิ่งจะกลับมาจากการซื้อของ