เวลาไม่อยากจะเจออะไรก็มักจะได้เจอยังนั้นจริงๆ
เสิ่นเผยซวนกำลังจะออกไป คุณนายซ่งก็ยื่นแขนมาบังไว้ “นายจะมาทำไม? จะมาดูว่าเหล่าซ่งของพวกเราโดนนายทำให้โมโหจนตายไปหรือยังใช่ไหม?”
คุณนายซ่ง คิดว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเสิ่นเผยซวน ก็เลยโทษแค่เขาคนเดียว
เสิ่นเผยซวนไม่อยากจะทะเลาะกับเธอ แต่คุณนายซ่งก็ยังทำท่าทีไม่ยอมซักที
“เข้ามาเดี๋ยวนี้!”
ผู้บัญชาซ่งพูดออกไป
คุณนายซ่งทำเสียงหึใส่เสิ่นเผยซวน ก่อนจะเดินชนเขาเข้าไปข้างใน ผู้บัญชาซ่งจองตาโต ก่อนจะพูดอย่างเข้มงวดว่า “คุณหมอบอกไปแล้ว ว่าฉันจะโมโหไม่ได้ ถ้าเธออยากให้ฉันตาย งั้นเธอก็เสแสร้งแกล้งทำต่อไปเลย”
“ฉันเสแสร้งแกล้งทำตรงไหน? เป็นเขาที่…”
“พอแล้วค่ะแม่” ซ่งหย่าซินพูดตัดบทคุณนายซ่ง เธอกลัวว่าจะไปทำให้เสิ่นเผยซวนโมโห จนเขาเอาประวัติที่ไม่ดีในอดีตของเธอพูดออกมา
เธอเงยหน้าขึ้น ก่อนจะพูดอย่างเยือกเย็น “คุณพ่อต้องโมโหจนเข้าโรงพยาบาล ก็เพราะเรื่องของพวกเรา คุณรู้สึกพอใจกับผลลัพธ์ตอนนี้ไหม?”
แววตาของเสิ่นเผยซวนดูราบเรียบ เขาทำแค่ค่อยๆ มองไปที่เธอ
เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา สำหรับคนแบบนี้แล้ว เขาไม่อยากจะอธิบายอะไรเลย
ทำไมผู้บัญชาซ่งถึงต้องนอนโรงพยาบาล มันไม่เกี่ยวข้องกับ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาโดยตรง
เขาเอียงตัวหลบและเดินออกไป ซ่งหย่าซินดึงแขนเขาไว้ “เสิ่นเผยซวน ถ้าคุณไม่อยากจะคบกับฉัน ทำไมต้องตอบตกลงตั้งแต่แรก แล้วก็แอบสืบเรื่องของฉันลับๆ…”
เธอยังไม่ทันได้พูดจบ โทรศัพท์ในกระเป๋าของเสิ่นเผยซวนก็ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา หน้าจอแสดงชื่อคนที่โทรมา “คนน่ารัก”
ตอนที่เสิ่นเผยซวนซื้อมือถือ เป็นซางหยูที่ไปเป็นเพื่อนเขา ตอนนั้นซางหยูพูดว่า “โทรศัพท์ใหม่ของคุณ เบอร์โทรแรกที่บันทึกต้องเป็นเบอร์ของฉัน”
เธอหยิบโทรศัพท์ของเสิ่นเผยซวนมา และใส่เบอร์โทรของตัวเอง จากนั้นตอนที่ใส่ชื่อเรียก เธอก็หันไปถามเสิ่นเผยซวน “คุณคิดว่าหลังจากนี้จะเรียกฉันว่าอะไร?”
คำถามนี้เสิ่นเผยซวนไม่เคยคิดมาก่อนเลย เธอคิดว่าเรียกชื่อมันเหมาะสมที่สุดแล้ว
ซางหยูก็ซุกซน ก็เลยใส่ตรงชื่อเรียกว่าคนน่ารัก”
รูปร่างของเธอไม่ได้สูงมาก แล้วก็ผอมมากด้วย เวลายืนอยู่ข้างเสิ่นเผยซวนมันก็จะทำให้เธอดูตัวเล็กเป็นพิเศษ แถมเธอยังพูดติดตลกอีกว่า “เวลาฉันออกไปข้างนอกกับคุณ คนอื่นจะคิดว่าฉันเป็นลูกสาวของคุณไหมนะ?”
ในตอนนั้นเสิ่นเผยซวนมีสีหน้าที่ไม่ดีนัก
ซ่งหย่าซินเห็นแจ้งเตือนบนหน้าจอของเขา เธอก็ขมวดคิ้วทันที
คนน่ารัก?
คนที่แข็งทื่อเป็นท่อนไม้แบบเขา มีรสนิยมแบบนี้ด้วยเหรอ อีกอย่าง คนน่ารักคนนี้คือใครกัน?
ซ่งหย่าซินหรี่ตามอง เขามีคนใหม่แล้วจริงๆ เหรอ?
มือทั้งสองข้างที่อยู่ข้างกาย ตอนนี้ได้กำหมัดไว้แน่น เป็นใครกันที่แอบมาขโมยคนของเธอไป?
เสิ่นเผยซวนไม่ได้รับสายทันที แต่เขาจับโทรศัพท์ไว้ก่อนที่จะเดินจากไป เมื่อห่างจากห้องผู้ป่วยในระยะหนึ่งแล้วเขาถึงจะกดรับสาย
ซางหยูโทรมาถามเขาว่าจะกลับไปทานข้าวเย็นไหม
เสิ่นเผยซวนพูด “กลับสิ เดี๋ยวก็กลับแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวพวกเรารอคุณก่อนนะ” ซางหยูพูด
เสิ่นเผยซวนตอบแค่อืม ก่อนจะวางสายไป เค้าไม่ได้กลับไปทันที และเขาก็ไปเยี่ยมท่านย่าด้วย
ตอนนั้นซูจ้านอยู่ที่ประเทศCเลยกลับมาไม่ทัน เขาเป็นคนส่งท่านย่ามาที่โรงพยาบาล เขาเลยรู้ว่าท่านก็อยู่ในโรงพยาบาลนี้
เขาไปที่ทางเดินของวอร์ด และมองผ่านกระจกเขาเห็นซูจ้านกำลังสูบบุหรี่อยู่ในห้องสูบบุหรี่
เขาดันประตูเข้าไป ซูจ้านก้มหน้าอยู่เลยไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีคนมา
เสิ่นเผยซวนตีไปไหล่ของเขาแรงๆ เขาถึงได้เงยหน้าขึ้น ก็จะมองไปทางเสิ่นเผยซวนความสงสัย “ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ได้?”
เสิ่นเผยซวนไม่ได้ตอบแต่ถามกลับไป “นายสูบบุหรี่เป็นตอนไหนกัน?”
ซูจ้านยื่นมือไปดับบุหรี่ในที่เขี่ยบุหรี่ ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ “คุณย่าของฉันบังคับให้ฉันแต่งงาน…”
“คืนดีกับฉินยาแล้วไม่ใช่เหรอ?” เสิ่นเผยซวนเอามือวางไว้ตรงไหล่ของเขา “ถ้าเรื่องแต่งงานมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร มันรู้สึกกังวลจนต้องสูบบุหรี่เลยเหรอ?”
ซูจ้านเงยหน้ามองเขา ก่อนจะหัวเราะอย่างขมขื่น “เรื่องแต่งงานฉันยังขอร้องฉินยาได้ แต่ว่าท่านอยากจะอุ้มหลานชายมากๆ ฉันจะไปคลอดลูกได้ยังไง? นายพูดสิว่าฉันจะคลอดลูกยังไง?”
เสิ่นเผยซวนก็เงียบไปทันที
ขาดสถานการณ์ของฉินยา…เรื่องลูกเป็นปัญหาที่ไม่มีทางแก้ไขได้
“เป็นเพราะเรื่องนี้เหรอก็เลยทะเลาะกับฉินยา?” ตอนที่เขาเห็นฉินยาในบ้านพัก ดูจากสีหน้าเธอแล้วก็ไม่ค่อยจะดีนัก
“ไม่นี่” ซูจ้านรู้สึกคำพูดของเขาแปลกมากๆ
ระหว่างเธอกับฉินยายังดีกันอยู่ แค่ไม่ให้เธอรู้ความต้องการของคุณย่าก็เท่านั้นเอง แค่นี้ก็จะไปทำให้เกิดปัญหาใหญ่ อย่างน้อยเธอก็จะไม่หลบหนีไป
“จะไปทานข้าวที่บ้านพักกับฉันไหม?”
ในเมื่อฉินยาไม่ให้บอกกับซูจ้านว่าเธอมาที่นี่ แต่เธอก็ไม่ได้พูดว่าไม่ให้พาเขากลับไปทานข้าวนี่
ซูจ้านพูด “ฉันอยู่ดูแลท่านย่าที่นี่ดีกว่า”
เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเสิานเผยซวนกำลังช่วยเขาอยู่
“นายมั่นใจนะ?” เสิ่นเผยซวนมองไปที่เขา
เขาจ้องไปที่ดวงตาของเธอ ซูจ้านพูดอย่างไม่มั่นใจ “ในบ้านพักมีใครอยู่เหรอ?”
เสิ่นเผยซวนลุกขึ้น “ไม่รู้ นายแค่บอกมา ว่าจะไปไหม”
ซูจ้านลังเลอยูพักหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นตามเขา “ฉันไป เดี๋ยวฉันไปที่ห้องผู้ป่วยก่อน ไปบอกกับท่านย่า แล้วเดี๋ยวจะไปเรียกพี่เลี้ยงมาดูแลด้วย”
เสิ่นเผยซวนพูด “เดี๋ยวฉันไปเยี่ยมท่านย่าพร้อมกับนายเอง”
ซูจ้านตบไปที่ไหล่ของเขา “ขอบใจมาก”
“ระหว่างพวกเรา ทำไมต้องพูดขอบคุณกันอีก” เสิ่นเผยซวนมองไปทางเขาอย่างไม่พอใจ
ทั้งสองคนเดินออกมาจากห้องสูบบุหรี่ และไปเยี่ยมท่านย่าในห้องผู้ป่วย เมื่อท่านย่าเห็นว่าเสิ่นเผยซวนมาท่านก็ดีใจมาก
จากนั้นท่านก็พูดเร่งให้เขาแต่งงานอีกตามเคย ซึ่งคำพูดพวกนี้ ท่านพูดจนนับครั้งไม่ถ้วน นี่ก็อายุเท่าไหร่แล้ว จะแต่งงานตอนไหนกัน?
ซูจ้านช่วยเข้าแก้ปัญหา “ท่านย่าเอาแต่กังวลเรื่องชีวิตแต่งงานของคนอื่น มีผมคนเดียวยังไม่พอให้ท่านย่าบ่นอีกเหรอ?”
ท่านย่าเบิกตาโต “เขาเป็นคนอื่นเหรอ?”
ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีมาก ท่านย่าก็เลยเห็นว่าเขาเป็นคนในครอบครัวคนหนึ่ง
เสิ่นเผยซวนรู้ เขาก็เลยยิ้ม “ผมไม่รีบครับ”
“แกโตกว่าซูจ้านอีกไม่ใช่เหรอ? ยังไม่รีบอีกเหรอ? ทำไม อยากจะบวชเป็นพระเหรอ?” ท่านย่าทำหน้าไม่พอใจ แต่ละคน พวกเขาอยากจะทำอะไรกันแน่?
ซูจ้านยิ้ม “คนอื่นเขามีแฟนแล้ว ท่านย่าไม่ต้องกังวลไปหรอก”
“มีแฟนแล้ว?” ดวงตาของท่านย่าเปล่งประกาย “เป็นเด็กสาวแบบไหนกัน? ถ้าว่างๆ ก็พามาให้ย่าดูหน่อยนะ”
ซูจ้านกลัวว่าท่านย่าจะพูดไม่จบไม่สิ้น เมื่อพี่เลี้ยงมาเถอะ เขาก็อ้างว่ามีธุระ ก่อนจะดึงเสิ่นเผยซวนออกไปจากห้องผู้ป่วย
เสิ่นเผยซวนเดินตามซูจ้านไป ก่อนจะพูดติดตลกกับเขา “นายทำแบบนี้ ไม่กตัญญูเลยนะ”
ซูจ้านมองไปทางเขาด้วยสายตาที่เยือกเย็น “นายเชื่อไหม ถ้าฉันไม่รักนายออกมา ท่านพูดได้เป็นชั่วโมงเลยนะ
เสิ่นเผยซวนเข้าใจ ก็คนอายุเยอะแล้ว
เมื่อขึ้นไปในรถซูจ้านก็ถามอีกรอบ “ตกลงมีอะไรกันแน่?”
เสิ่นเผยซวนขับรถออกไป “ก็แค่เรียกนายไปทานข้าว ทำไมถึงได้มีคำถามเยอะขนาดนั้น”
หลังจากนั้นสิบกว่านาทีรถก็ขับไปถึงบ้านพัก หลังจากรถจอดลงพวกเขาทั้งสองก็ลงจากรถ