ฉินยามองที่เขาและพูดว่า “ฉันไม่มีรถ”
เสิ่นเผยซวนยื่นกุญแจรถออกมา “ขับรถของฉันสิ”
ฉินยาหันไปมองเขา
เสิ่นเผยซวนยิ้ม “ทำไม แค่ฉันให้เธอขับรถ ยังผิดอีกเหรอ?”
“ผิดอยู่แล้ว ฉันขับรถไม่เป็น ถ้าเกิดฉันขับลงน้ำล่ะ ถือว่าเป็นความผิดใครล่ะ?” ฉินยาจงใจพูดถึงเรื่องครั้งก่อนที่ตกลงไปในแม่น้ำ
เสิ่นเผยซวนทำปากจู่ “ทำไมเธอไม่รู้จักน้ำใจล่ะ”
“ทำไม ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ?” เฉินยู่เวินยิ้มและพูดแทรก
“อืม พวกเขาทะเลาะกันครับ ผมช่วยพวกเขาก็ยังจะผิดอีก” เมื่อหาโอกาสเจอ เสิ่นเผยซวนก็รีบฟ้องทันที
จวงจื่อจิ่นยิ้ม ก่อนจะพูดโน้มน้าว “เสี่ยวยา แค่ทะเลาะกันนิดเดียวก็พอแล้ว”
เฉินยู่เวิน “หนุ่มสาวอย่างพวกเธอ ถ้าไม่มีอะไรก็ออกไปเที่ยวกันบ้าง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถหาทางออกได้ ดีๆ กันอยู่ก็อย่าไปทะเลาะกันเลย รีบแต่งงานมีลูกเถอะ นี่ก็ไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว ยังจะรอไปถึงเมื่อไหร่?”
บรรยากาศเปลี่ยนไปทันที
สายตาของซูจ้านและเสิ่นเผยซวนมองไปทางฉินยาเกือบจะพร้อมกัน
คนที่พูดเห็นได้ชัดว่าไม่รู้เรื่องที่ฉินยาไม่สามารถมีลูกได้
ในมือของฉินยาถือถ้วยจานไว้ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เธอก็กดดัน จนร่างกายหนาวเย็นไปหมด มือเธออ่อนระทวย จนทำถ้วยในมือหล่นดังเพล้ง! ทุกอย่างตกลงไปที่พื้น
ทุกคนต่างพากันชะงักไป
ซูจ้านได้สติทันที เขารีบไปจับมือของเธอไว้ ก่อนจะพูดเสียงเบา “ไม่เป็นอะไร ก็แค่จานแตกเอง ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ”
ฉินยาได้สติกลับมา “ฉันมือลื่นน่ะ”
“ขวัญเอยขวัญมา ขวัญเอยขวัญมา” ป้าหยูยิ้ม ก่อนที่จะไปเก็บกวาดตรงพื้น
ทุกคนพูดว่าไม่เป็นอะไร
“ญาติผู้ใหญ่ทุกท่าน พวกผมของตัวก่อนนะครับ” ซูจ้านจับมือของฉินยาไว้
“ไปเถอะ ระหว่างทางก็ระวังกันหน่อย” จวงจื่อจิ่นพูด
“ครับ” ซูจ้านจับมือฉินยาไว้ ก่อนจะตะโกนบอกกับเสิ่นเผยซวน “นายขับรถล่ะกัน”
“เมื่อกี้นี้นายไม่ได้ดื่มไม่ใช่เหรอ?” ซูจ้านทำท่าแน่นอนอยู่แล้ว
เสิ่นเผยซวนทำท่าว่าฉันไม่ไปอยู่แล้ว “ฉันไม่ดื่มเหล้า ก็เลยต้องเป็นคนขับรถให้นายเหรอ?”
“นายคิดว่าฉันอยากให้นายมาเป็นคนขับรถให้เหรอ? ฉันเบื่อที่นายมาเป็นก้างขวางคอจะตาย เมื่อกี้นี้เสี่ยวยาก็ดื่มมาเหมือนกันก็เลยขับรถไม่ได้ นายเป็นคนพาฉันมาที่นี่ ก็ต้องพาฉันกลับไปเหมือนกัน”
“เฮ้ย ยังจะมาโทษฉันอีก” ถึงแม้เสิ่นเผยซวนจะพูดแบบนั้น แต่เขาก็เดินออกไป
ซูจ้านจับมือของฉินยาไว้ เขาตามไปออกไป เมื่อมาถึงข้างรถเขาก็กดปลดล็อค รถไฟหน้ารถสว่างขึ้น เขาเปิดประตูลงก่อนจะเข้าไปนั่งตำแหน่งคนขับ
เสิ่นเผยซวนจงใจพูดขึ้นมา “พวกนายนั่งด้านหลังนะ”
ซูจ้านคิดที่จะเปิดประตูพอดี เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเสิ่นเผยซวน เขาก็ชะงักไป ก่อนจะพูดอย่างเยือกเย็น “ไม่ต้องให้นายมาบอกหรอก? ยังไงฉันก็ไม่อยากนั่งข้างนายอยู่แล้ว”
เสิ่นเผยซวยบ่นพึมพำ “เป็นบ้าอะไรเนี่ย”
ทั้งสองคนเถียงกันไป เถียงกันมา แต่ก็ไม่ทำให้ฉินยาหลุดออกมาจากเรื่องเมื่อครู่นี้ได้
ตอนที่นั่งอยู่บนรถก็ไม่ได้แสดงสีหน้าออกมา ซูจ้านก็ไม่รู้ว่าจะพูดปลอบโยนอะไรดี เขาทำแค่จับมือเธอไว้แน่ๆ
ในขณะที่เสิ่นเผยซวนขับรถ เขาไม่กล้ามองด้านหลังเลย เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนสองคนที่นั่งอยู่ในโรงเรียน
ฉินยาเข้าใจดี “คุณไม่ต้องปลอบโยนฉันหรอก ฉันไม่เป็นอะไร”
ซูจ้านเม้มปาก
“ผมกลับไปก็จะพูดกับท่านย่าเลย เมื่อแก้ปัญหาได้แล้ว พวกเราก็ไปจดทะเบียนกันเลย ผมพูดจริงๆนะ เราไปใช้ชีวิตกันในเมืองC ที่ตรงนั้นยังมีธุรกิจของคุณอยู่” ซูจ้านนึกถึงฉินยามาโดยตลอด
ฉินยาก็รู้ว่าซูจ้านหวังดีกับเธอ เธอก็หวังว่าท่านย่าจะยอม การที่ซูจ้านทำมาได้ขนาดนี้ ในสายตาเธอแล้ว เธอก็ไม่อยากจะทำให้เขาลำบากนัก
เธอก้มหน้ามองมือของซูจ้าน ส่วนมืออีกข้างของเธอก็วางทับลงบนมือของเขา “ฉันจะรอคุณ ฉันจะอยู่ในเมืองBซักสองสามวัน ถ้าว่างแล้วก็ค่อยมาหาฉันนะ”
เธอรู้สึกใจอ่อนกับซูจ้าน เธอรู้ว่าในใจเขาคงจะทรมานมาก เขาต้องมาอยู่ตรงกลางระหว่างเธอกับท่านย่า นึกไม่ออกเลยว่าเขาจะทุกข์ทรมานมากแค่ไหน
ไม่นานรถก็จอดอยู่ตรงหน้าโรงพยาบาล ซูจ้านพูด “ฉันถึงแล้ว”
ฉินยานั่งนิ่งไม่ขยับ “ฉันไม่ลงไปดีกว่า รอหลังจากนี้ค่อยไปเยี่ยมคุณย่าแล้วกัน”
ซูจ้านพยักหน้า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมจริงๆ
รอให้เขาจัดการปัญหาทุกอย่าง แล้วค่อยให้พวกเธอทั้งสองคนเจอหน้ากันจะดีกว่า
ซูจ้านลงจากรถ ก่อนจะพูดกับเสิ่นเผยซวนว่า “พวกนายก็ขับช้าๆ หน่อย”
เสิ่นเผยซวนพยักหน้า
หลังจากที่ซูจ้านจากไป เสิ่นเผยซวนก็ออกรถ ฉินยามองไปที่แผ่นหลังของซูจ้าน จนกระทั่งเขาหายไป ตอนที่เธอเก็บสายตากลับมา เธอก็เห็นว่าด้านหลังรถของพวกเขายังมีรถตามมาอีกคัน เมื่อมองจากกระจกรถ เธอก็เห็นใบหน้าของคนขับ
เป็นผู้หญิง ที่สำคัญหน้าคุ้นมาก
“พี่เสิ่น พี่ดูด้านหล้งรถสิ”