จงจิ่งห้าวหน้านิ่ง ” ถ้าไม่ได้ร้อนรนอะไร ก็กลับไปเสียดีๆ”
มือที่อยู่ข้างลำตัวทั้งสองข้างของเธอกุมกันอย่างแนบแน่น ในใจเต็มไปด้วยอารมณ์ที่สับสนแปรปรวน ” คุณบอกฉันสิ ว่าคุณทำแบบนี้ทำไม ”
เธอไม่รู้ว่าที่เขาทำแบบนี้ จริงๆแล้วกำลังพูดออกมาเป็นนัยว่า ‘ ผมชอบคุณ ‘
แต่จริงๆในใจของเธอรู้ดี ว่าจงจิ่งห้าวไม่มีทางมาชอบผู้หญิงอย่างเธอ แต่การกระทำของเขา มันทำให้เธอไม่เข้าใจเช่นกัน
เธอหาคำอธิบายอื่นๆสำหรับเรื่องนี้ไม่ได้แล้ว
จงจิ่งห้าวยืนขึ้นมา
ทำไมน่ะเหรอ
เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่รู้แค่ว่า อยากให้ผู้หญิงคนนี้กลับไปอยู่ตำแหน่งเดิม ” คุณเป็นผู้หญิงที่แม่ผมเลือกไว้ให้เป็นภรรยา ผมไม่อาจเนรคุณ ดังนั้นก็ต้องทำตามเจตนารมณ์ของคนที่จากไปแล้วสิ ”
หลินซินเหยียนอยากขำ แต่ก็ขำไม่ออก
ขณะนั้นเธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะแสดงสีหน้าแบบไหนออกมา จะดีใจ หรือเสียใจดี
” แค่เพราะว่า ฉันคือคนที่แม่ของคุณกำหนดเอาไว้ว่าจะหมั้น คุณก็เลยอยากให้ฉันกลับไปเนี่ยนะ ” หลินซินเหยียนสับสนจนไม่รู้จะตอกกลับยังไง
เธอไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงคาดหวังให้เขาพูดคำว่า ไม่ใช่ ออกมา
จงจิ่งห้าวหันหลังให้กับเธอ อารมณ์จากใบหน้านั้นถูกซ่อนไว้กับแสงจากภายนอกที่ตกกระทบเข้ามาจากหน้าต่าง เขาตอบอืมเบาๆ
นี่คือหนึ่งในคำตอบที่คาดว่าจะต้องได้ยิน
แต่เธอกลับรู้สึกผิดหวังแบบแปลกๆ
เธอยิ้มเจื่อนๆ ” คุณคิดว่าถ้าฉันยืนอยู่ในตำแหน่งที่ว่านั่นจริงๆ มันเหมาะสมงั้นเหรอ อีกอย่างคุณไม่ได้ได้หมั้นกับเหอรุ่ยหลินแล้วหรือไง คุณจะมาหลอกฉัน มาเล่นกับฉัน มันสนุกนักรึไง ”
เส้นแสดงอารมณ์บนใบหน้าของเขา ตึงราวกับสายธนู
เขาพยายามที่จะมองข้ามเรื่องบางเรื่องไป นั่นก็คือเรื่องที่หลินซินเหยียนเคยผ่านผู้ชายและเคยมีลูกมาแล้ว
นี่คือสิ่งที่เขาไม่อยากเอ่ยถึง หรือไปคิดอะไรมากมาย แต่เมื่อโดนเธอพูดออกมาแบบนี้ เข้าก็จำเป็นที่จะต้องเผชิญหน้าเช่นกัน
” ผมจะไม่แต่งงานกับเหอรุ่ยหลินแน่นอน แต่คุณก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้เลยหนิ ” ขำตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
หลินซินเหยียนแค่นขำ” ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสมเหรอ คุณพูดจริงดิ ”
จงจิ่งห้าวหันกลับมา ก่อนจะมีแสงอ่อนๆ จากข้างนอกส่องผ่านตัวเขา เขามองผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงข้าม ” คุณไม่ใช่หญิงสาวที่บริสุทธิ์ ผมก็ไม่ใช่ผู้ชายที่ดีเด่นอะไร พวกเราก็เหมือนกัน เราจะรังเกียจกันไปทำไม ”
ที่แท้ก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมได้ยินเขาพูดออกมาเองกับตัว ในใจถึงรู้สึกผิดหวังแบบแปลกๆ
เขาเป็นผู้ชายปกติทั่วไป เหอรุ่ยหลินอยู่ข้างๆเขามานาน ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลย ถือว่าเป็นเรื่องแปลก
เธอรู้
เธอเข้าใจ เข้าใจอย่างดีเลยล่ะ
แต่ไม่รู้ว่าทำไมพอคิดว่าเขาเคยนอนกับผู้หญิงคนอื่นมาก่อน ในอกมันจุกไปหมด รู้สึกได้ถึงความทรมานข้างในใจ
” วันนี้ผมต้องกลับไปแล้ว ” ที่เขามาหาเธอในวันนี้เพราะต้องการบอกเรื่องนี้
” อืม ” หลินซินเหยียนหันหนี ไม่ได้มองไปที่เขา
เธอทำเป็นเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร
ดืด ดืด…
โทรศัพท์ของหลินซินเหยียนที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นขึ้นมา เธอหันไป ก็เห็นว่าเป็นชื่อของลูกชายตัวเอง จึงยื่นมือไปหยิบขึ้นมา
” เสี่ยวเฉิน ”
” หม่ามี๊ วันนี้มารับผมที่โรงเรียนได้ไหมครับ ” หลินซีเฉินถาม
” ได้สิจ๊ะ ” ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าลูกของเธออีกแล้ว เธอมองไปยังนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ ” ให้ไปกี่โมงล่ะ ”
” ตอนนี้ได้ไหมครับ ”
“…ได้จ้ะ ”
” งั้นผมจะรอนะฮะ ”
” โอเค ”
ปลายสายวางโทรศัพท์ไป หลินซินเหยียนจึงวางหูลง เธอเก็บแบบที่อยู่บนโต๊ะ เตรียมตัวที่จะไป เมื่อเห็นจงจิ่งห้าวที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ ก็นึกขึ้นได้ว่า ยังมีคนอยู่ที่นี่
” จะออกไปเหรอ ”
” อืม ”
หลินซินเหยียนเม้มปาก ” ลูกชายของฉันอยากให้ฉันไปรับแกน่ะ ”
จงจิ่งห้าวก็พึ่งได้ยินไป เมื่อนึกถึงลูกชายของเธอที่ทำตัวเป็นปรปักษ์ต่อเขาแล้ว ก็เลยอดไม่ได้ที่จะถาม ” คุณพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับผมให้เขาฟังรึเปล่า ”
หลินซินเหยียนเมื่อได้ยินก็ฉงน ” พูดไม่ดีเกี่ยวกับคุณเนี่ยนะ ”
” ถ้าคุณไม่ได้พูด ทำไมลูกชายคุณถึงทำตัวเป็นศัตรูกับผมขนาดนั้น ”
ครั้งนี้ทำให้หลินซินเหยียนเข้าใจขึ้นมาทันที
แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรไป เลยตั้งใจที่เปลี่ยนหัวข้อสนทนา ” คุณต้องรีบไปให้ทันเที่ยวบินนี่ ฉันต้องไปแล้วล่ะ ”
เธอบอกไม่ได้เหมือนกันว่าหลินซีเฉินคงเห็นเขาจูบเธออย่างดุดัน เลยอาฆาตเขาหรือเปล่า
เธอเดินไปถึงหน้าประตู แล้วหันกลับมามองเขา ” ไม่ไปเหรอ ”
เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังหลบเลี่ยงประเด็นนี้ แต่จงจิ่งห้าวก็ไม่ได้ค้านอะไร เลยตามน้ำเธอไป เขาถามเธอว่า ” ลูกชายคุณเรียนที่ไหนล่ะ ”
” AC ”
ACงั้นเหรอ
เขาชักสายตากลับไปกลับมา รู้ว่าเด็กคนนั้นฉลาด ครั้งก่อนเขาโดนเจ้าเด็กนั่นก็ใส่ร้ายว่าเขาเรียนฆ่าไถ่ ดูก็รู้ว่าสติปัญญาของเด็กนั่นเหลือล้น รู้จักใช้ความเป็นเด็กของตัวเองเป็นจุดแข็ง ทำให้คนอื่นเห็นใจ เพื่อให้ได้อย่างที่ตนหวัง
ความฉลาดเป็นกรดแบบนี้ ไม่ใช่เด็กห้าขวบทั่วไปที่จะทำได้
รู้ว่าเด็กคนนี้ฉลาด แต่ไม่นึกเลยว่า เขาอายุน้อยแบบนี้ก็สามารถเข้าไปเรียนในACได้
เมื่อพูดถึงลูกชาย หลินซินเหยียนก็ดูภูมิใจมาก ” เขาฉลาดมาก บางทีก็มากประสบการณ์เกินผู้ใหญ่ไปแล้ว ทั้งยังดูแลน้องสาวได้ด้วย ”
ขณะที่พูด ใบหน้าของเธอก็เปี่ยมไปด้วยความสุขและความมีชีวิตชีวา
เธอดูภูมิใจในตัวลูกชายของเธอมาก
จงจิ่งห้าวทำเสียงไม่พอใจ แล้วสาวเท้าเดินไปยังรถของตัวเอง
จะให้พูดว่าไม่รู้สึกอะไรเลย ก็คงดูหลอกเกินไปหน่อย
เขาอายุสามสิบกว่า คนมากมายที่อายุประมาณนี้ก็มีลูกเป็นของตัวเองกันแล้วทั้งนั้น
ตอนนี้ เขากลับต้องมานั่งฟังภรรยาของตัวเองกำลังสาธยาย ว่าเธอไปมีลูกกับคนอื่น ลูกฉลาดยังไง รู้เรื่องนู่นนี่ยังไง ถ้ามีความสุขเขาคงเป็นผีบ้าไปแล้ว
หลินซินเหยียนรู้สึกว่าเขาแปลกไป
เหมือนเขาทำเรื่องมากมาย จนทำให้คนไม่เข้าใจว่าจุดประสงค์คืออะไรอย่างไงอย่างงั้น
หลินซินเหยียนไม่อยากคิดมาก เลยเดินไปยังรถของตัวเอง
ไม่นาน เธอก็ขับรถไปถึงโรงเรียนของลูกชาย หลินซีเฉินเดินออกมาจากห้องเรียน ยืนอยู่ในประตูเหล็กของโรงเรียน
หลินซินเหยียนจอดรถ ลงมาแล้วเดินไปหาเด็กน้อย
” หม่ามี๊ ”
เมื่อเห็นว่าหลินซินเหยียนมาถึง หลินซีเฉินก็ตะโกนออกมาอย่างขันแข็ง
ยามที่เห็นว่าหลินซินเหยียนเดินมา จึงเปิดประตูนั้น ให้หลินซีเฉินออกมาข้างนอก
หลินซินเหยียนยื่นมือมาให้หนูน้อย ” มาโรงเรียนได้ยังไงกัน ”
ถึงเขาจะสอบผ่านแล้ว แต่เพราะเขาอายุยังน้อย อาทิตย์หนึ่งมีเรียนแค่สามวัน คือวันจันทร์ พุธ และศุกร์ วันนี้เป็นวันอังคาร
” ผมมีเรื่องขอคำแนะนำจากครูฮะ “หลินซีเฉินพูดอย่างมุ่งมั่น
” ถ้าว่างๆ หม่ามี๊ต้องเชิญครูไปเลี้ยงข้าวแล้วแฮะ เขาดีกับลูกขนาดนี้ ” หลินซินเหยียนกำลังคิดว่า วันนี้จะโทรไปถามเขาว่าว่างไหม จะไปกินข้าวด้วยกันได้รึเปล่า
” ครูลูกยังอยู่ในโรงเรียนหรือเปล่าล่ะ ” หลินซินเหยียนถาม
” ไม่ฮะ เขามีธุระ เลยออกไปแล้ว ”
หลินซินเหยียนล้มเลิกความคิดไป ก่อนจะอุ้มลูกชายสุดที่รักขึ้นรถ แล้วใส่เข็มขัดนิรภัย
หลินซินเหยียนขับรถกลับถึงบ้าน ก็เขอเข้ากลับจวงจื่อจิ่นที่พึ่งพาหลินเสี่ยวซีกลับมาจากซื้อของที่บ้านพอดี
เธอรีบลงจากรถ แล้วไปช่วงถือของในมือของจวงจื่อจิ่น
” หม่ามี๊ หม่ามี๊ ” หลินเสี่ยวซีท่าทีตื่นเต้นสุดๆ เด็กน้อยยื่นมือทั้งสองข้างออกมา อยากให้หลินซินเหยียนอุ้มเขา
” เข้าบ้านก่อน ค่อยอุ้ม ”
” ไม่เอา “หลินเสี่ยวซีเอื้อมมือมากอดขาของหลินซินเหยียนไว้ ไม่ให้เธอเดินไปไหน อยากให้เธออุ้มเสียให้ได้
จวงจื่อจิ่นขำพลางส่ายหัวอย่างเสียไม่ได้ ” ลูกอุ้มเถอะ ”
หล่อนแย่งของในมือเธอกลับไป
” เสี่ยวลุ่ยเรานี่ช่างลืมคุณคนเสียจริง เลี้ยงยังไงก็ไม่รู้จักโต ในสายตามีแต่แม่ ไม่เคยมียายอยู่เลย ”
” แต่คุณยายมีผมนะ ” หลินซีเฉินยื่นมือไปกุม จวงจื่อจิ่นแล้วยิ้ม
” บ้านเรามีเสี่ยวเฉินที่รู้เรื่องที่สุดแล้วล่ะ ” จวงจื่อจิ่นยิ้ม
หลินเสี่ยวซีไม่สนใจอะไร เด็กน้อยนอนเกยลงบนไหล่หลินซินเหยียนอย่างพอใจ
ดื่มด่ำกับความสุขของการได้อยู่ในอ้อมอกของแม่
เมื่อเข้ามาในบ้าน จวงจื่อจิ่นก็เข้าไปจัดเรียงของที่พึ่งซื้อมาวันนี้ในครัว หลินซินเหยียนล้างมือให้กับลูกสาว เผื่อไปสัมผัสเชื้อโรคจากข้างนอกเข้ามา
” หม่ามี๊ หนูอยากกินพุดดิ้ง ” หลินเสี่ยวซีเงยหน้าขึ้น ตาโตใสๆนั่นเปล่งประกาย เด็กน้อยกำลังออดอ้อนอยู่ในอ้อมอกของหลินซินเหยียน
” จ้ะ ” หลินซินเหยียนตอบรับแบบขำๆ
เมื่อล้างมือให้ลูกสาวเสร็จแล้ว หลินซินเหยียนก็อุ้มเธอไปไว้ที่ห้องรับแขก แล้วไปหยิบพุดดิ้งจากตู้เย็น
หลินเสี่ยวซีเป็นเด็กที่ชอบกินจริงๆ แค่มีของกินก็จะอยู่เงียบๆ
หลินซินเหยียนให้หลินซีเฉินดูแลน้องสาว จากนั้นเธอก็เดินเข้าห้องครัวไปช่วยจวงจื่อจิ่นเตรียมมื้อค่ำ
” แม่ ทำไมตอนนั้นทำไมแม่ถึงตกลงเรื่องงานหมั้นกับคุณนายจงล่ะ ”
นี่คือเรื่องที่เธอแปลกใจมาโดยตลอด แต่ไม่มีโอกาสได้เอ่ยถาม
วันนี้พอจงจิ่งห้าวพูดขึ้นมา หลินซินเหยียนเลยอยากรู้ขึ้นมาจริงๆ