หลังจากพูดคุยกันจบแล้วก็กดวางสาย ตอนที่กวนจิ้งกลับมาถึงห้องแล้ว กู้หุ้ยหยวนยังคงนอนหลับอยู่ แถมยังนอนหลับสนิท เขาไม่ได้ปลุกเธอให้ตื่น แต่ค่อยปิดประตูเบาๆ
ตอนที่ปิดประตูไปแล้วนั้น กู้หุ้ยหยวนก็ลืมตาขึ้นมา
ตอนที่กวนจิ้งลุกจากเตียง เธอก็ตื่นแล้ว
กระทั่งรู้ว่ากวนจิ้งไปโทรศัพท์หาใคร ต่อไปเธอต้องเผชิญหน้ากับอะไรบ้าง
เธอกะพริบตาไปมาพลางจ้องมองเพดานห้องที่อยู่ด้านบน จากนั้นก็ยิ้มขมขื่นให้ตัวเอง
ที่แท้ ผู้ชายก็เป็นสัตว์เลือดเย็น ไม่ว่าจะสนิทสนมกันขนาดนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาหวั่นไหวได้
เธอช่างน่าสงสาร? ช่างน่าโศกเศร้าถึงเพียงนี้?
ผ่านไปสิบกว่านาทีเธอถึงปรับอารมณ์ของตนเองได้ จากนั้นก็เลิกผ้าห่มออกและลุกจากเตียง จากนั้นก็คว้าเสื้อเชิ้ตของซูจ้านมาใส่ และเปิดประตูเดินออกมา ในห้องรับแขกก็ไม่มีคนอยู่ แต่ในห้องครัวกลับมีเสียงตะกุกตะกักดังขึ้นมา
เธอเดินเท้าเปล่าเข้าไปหา เมื่อเห็นเงาสูงโปร่งทางด้านหลังกำลังวุ่นวายอยู่ในครัว
เขาใส่ชุดลำลองอยู่บ้าน เอวสอบขาเรียวยาว ดูเหมือนว่าผอมมาก แต่ว่าการใช้เวลายาวนานของเมื่อคืนนี้ก็ไม่เหมือนว่าไม่มีแรงเลย
เมื่อคิดถึงฉากที่เขานัวเนียอยู่นั้น ใบหน้าของเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทุกที เธอพิงกับขอบประตู พลางชื่นชมกับความอ่อนโยนในชั่วขณะนี้อยู่เงียบๆ
ในที่สุดกวนจิ้งก็รู้ตัวว่ามีเธอมา พลันหันกลับไปมองเธอ “ตื่นแล้วเหรอ?”
กู้หุ้ยหยวนเดินเข้ามาหา จากนั้นก็สวมกอดเขาทางด้านหลัง พร้อมกับยิ้มให้ตอนพูดออกมา “นี่คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอ? มองไม่ออกเลยนะ”
กวนจิ้งเอาคำพูดของเธอมายอกย้อนกลับ “ผมทำได้ตั้งเยอะแยะ ก็แค่คุณไม่รู้เอง”
“งั้นคุณบอกฉันมาที” กู้หุ้ยหยวนใช้มือทั้งสองข้างนัวเนียเขาอยู่ ส่วนมือนั้นก็มุดลงไปในกางเกงของเขาอย่างไม่จริงจัง
หลังจากพูดคุยกันจบแล้วก็กดวางสาย ตอนที่กวนจิ้งกลับมาถึงห้องแล้ว กู้หุ้ยหยวนยังคงนอนหลับอยู่ แถมยังนอนหลับสนิท เขาไม่ได้ปลุกเธอให้ตื่น แต่ค่อยปิดประตูเบาๆ
ตอนที่ปิดประตูไปแล้วนั้น กู้หุ้ยหยวนก็ลืมตาขึ้นมา
ตอนที่กวนจิ้งลุกจากเตียง เธอก็ตื่นแล้ว
กระทั่งรู้ว่ากวนจิ้งไปโทรศัพท์หาใคร ต่อไปเธอต้องเผชิญหน้ากับอะไรบ้าง
เธอกะพริบตาไปมาพลางจ้องมองเพดานห้องที่อยู่ด้านบน จากนั้นก็ยิ้มขมขื่นให้ตัวเอง
ที่แท้ ผู้ชายก็เป็นสัตว์เลือดเย็น ไม่ว่าจะสนิทสนมกันขนาดนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาหวั่นไหวได้
เธอช่างน่าสงสาร? ช่างน่าโศกเศร้าถึงเพียงนี้?
ผ่านไปสิบกว่านาทีเธอถึงปรับอารมณ์ของตนเองได้ จากนั้นก็เลิกผ้าห่มออกและลุกจากเตียง จากนั้นก็คว้าเสื้อเชิ้ตของซูจ้านมาใส่ และเปิดประตูเดินออกมา ในห้องรับแขกก็ไม่มีคนอยู่ แต่ในห้องครัวกลับมีเสียงตะกุกตะกักดังขึ้นมา
เธอเดินเท้าเปล่าเข้าไปหา เมื่อเห็นเงาสูงโปร่งทางด้านหลังกำลังวุ่นวายอยู่ในครัว
เขาใส่ชุดลำลองอยู่บ้าน เอวสอบขาเรียวยาว ดูเหมือนว่าผอมมาก แต่ว่าการใช้เวลายาวนานของเมื่อคืนนี้ก็ไม่เหมือนว่าไม่มีแรงเลย
เมื่อคิดถึงฉากที่เขานัวเนียอยู่นั้น ใบหน้าของเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทุกที เธอพิงกับขอบประตู พลางชื่นชมกับความอ่อนโยนในชั่วขณะนี้อยู่เงียบๆ
ในที่สุดกวนจิ้งก็รู้ตัวว่ามีเธอมา พลันหันกลับไปมองเธอ “ตื่นแล้วเหรอ?”
กู้หุ้ยหยวนเดินเข้ามาหา จากนั้นก็สวมกอดเขาทางด้านหลัง พร้อมกับยิ้มให้ตอนพูดออกมา “นี่คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอ? มองไม่ออกเลยนะ”
กวนจิ้งเอาคำพูดของเธอมายอกย้อนกลับ “ผมทำได้ตั้งเยอะแยะ ก็แค่คุณไม่รู้เอง”
“งั้นคุณบอกฉันมาที” กู้หุ้ยหยวนใช้มือทั้งสองข้างนัวเนียเขาอยู่ ส่วนมือนั้นก็มุดลงไปในกางเกงของเขาอย่างไม่จริงจัง
“คำพูดของคุณ ผียังไม่เชื่อเลย!” กวนจิ้งตาแดงฉาน จากนั้นก็เริ่มระบายกับร่างกายเธอทันที
ผ่านไปนานพอควร พวกเขาถึงเสร็จสิ้นภารกิจ แถมยังทำในห้องครัวตั้งแต่ต้นจนจบ
เธอยังคงซักไซ้ต่อ “คุณจะลืมไหม ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่ง ทำเรื่องบ้าคลั่งแบบนี้กับคุณในครัว?”
กวนจิ้งยิ้มให้อย่างเย็นชา “ไม่ลืมหรอก ผมไม่มีวันลืม ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งคอยคิดบัญชีกับผมอยู่ อีกอย่างยังหน้าด้านมาก”
กู้หุ้ยหยวนหัวเราะคิกคัก “นี่คือความทรงจำของฉันที่มีต่อคุณเหรอ?”
“ไม่งั้นล่ะ?” กวนจิ้งถามกลับ
กู้หุ้ยหยวนคิดแล้วคิดอีก “เหมือนว่าใช่อยู่นะ”
ทั้งสองคนไปอาบน้ำจนสะอาดแล้ว กวนจิ้งก็เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาด ส่วนกู้หุ้ยหยวนยังคงใส่ชุดของเมื่อวานนี้ แถมเสื้อผ้าบนตัวมีแต่รอยยับมากมาย
กวนจิ้งทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว ก็เรียกเธอมากินข้าว
เขาทอดไข่เพื่อทำแซนด์วิช กู้หุ้ยหยวนนั่งลงแล้วเขาก็ถามทันที “คุณจะเอาน้ำผลไม้ หรือว่านมดี”
กู้หุ้ยหยวนหยิบแซนด์วิชขึ้นมากัดหนึ่งคำ “ฉันจะดื่มนม”
หลังจากพูดคุยกันจบแล้วก็กดวางสาย ตอนที่กวนจิ้งกลับมาถึงห้องแล้ว กู้หุ้ยหยวนยังคงนอนหลับอยู่ แถมยังนอนหลับสนิท เขาไม่ได้ปลุกเธอให้ตื่น แต่ค่อยปิดประตูเบาๆ
ตอนที่ปิดประตูไปแล้วนั้น กู้หุ้ยหยวนก็ลืมตาขึ้นมา
ตอนที่กวนจิ้งลุกจากเตียง เธอก็ตื่นแล้ว
กระทั่งรู้ว่ากวนจิ้งไปโทรศัพท์หาใคร ต่อไปเธอต้องเผชิญหน้ากับอะไรบ้าง
เธอกะพริบตาไปมาพลางจ้องมองเพดานห้องที่อยู่ด้านบน จากนั้นก็ยิ้มขมขื่นให้ตัวเอง
ที่แท้ ผู้ชายก็เป็นสัตว์เลือดเย็น ไม่ว่าจะสนิทสนมกันขนาดนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาหวั่นไหวได้
เธอช่างน่าสงสาร? ช่างน่าโศกเศร้าถึงเพียงนี้?
ผ่านไปสิบกว่านาทีเธอถึงปรับอารมณ์ของตนเองได้ จากนั้นก็เลิกผ้าห่มออกและลุกจากเตียง จากนั้นก็คว้าเสื้อเชิ้ตของซูจ้านมาใส่ และเปิดประตูเดินออกมา ในห้องรับแขกก็ไม่มีคนอยู่ แต่ในห้องครัวกลับมีเสียงตะกุกตะกักดังขึ้นมา
เธอเดินเท้าเปล่าเข้าไปหา เมื่อเห็นเงาสูงโปร่งทางด้านหลังกำลังวุ่นวายอยู่ในครัว
เขาใส่ชุดลำลองอยู่บ้าน เอวสอบขาเรียวยาว ดูเหมือนว่าผอมมาก แต่ว่าการใช้เวลายาวนานของเมื่อคืนนี้ก็ไม่เหมือนว่าไม่มีแรงเลย
เมื่อคิดถึงฉากที่เขานัวเนียอยู่นั้น ใบหน้าของเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทุกที เธอพิงกับขอบประตู พลางชื่นชมกับความอ่อนโยนในชั่วขณะนี้อยู่เงียบๆ
ในที่สุดกวนจิ้งก็รู้ตัวว่ามีเธอมา พลันหันกลับไปมองเธอ “ตื่นแล้วเหรอ?”
กู้หุ้ยหยวนเดินเข้ามาหา จากนั้นก็สวมกอดเขาทางด้านหลัง พร้อมกับยิ้มให้ตอนพูดออกมา “นี่คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอ? มองไม่ออกเลยนะ”
กวนจิ้งเอาคำพูดของเธอมายอกย้อนกลับ “ผมทำได้ตั้งเยอะแยะ ก็แค่คุณไม่รู้เอง”
“งั้นคุณบอกฉันมาที” กู้หุ้ยหยวนใช้มือทั้งสองข้างนัวเนียเขาอยู่ ส่วนมือนั้นก็มุดลงไปในกางเกงของเขาอย่างไม่จริงจัง