พรุ่งนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เด็กทั้งสองเลิกเรียนแล้วก็งอแงกับจงฉีเฟิงว่าต้องพามาเยี่ยมหลินซินเหยียนที่โรงพยาบาล
” คุณยาย ” จงเหยียนซีวิ่งพุ่งเข้ามา จวงจื่อจิ่นย่อตัวลงที่พื้นแล้วกางแขนทำท่าต้อนรับ แล้วยังบอกให้เด็กน้อยช้าๆ หน่อย แต่เด็กน้อยไม่ได้สงวนท่าที ก็พุ่งตัวเข้าไปในอ้อมกอดของจวงจื่อจิ่น ตัวของจวงจื่อจิ่นจึงเอนไปข้างหลัง อีกนิดหนึ่งก็คงหงายไปแล้ว หล่อนจึงพูดว่า ” เจ้าเด็กคนนี้ ไม่เชื่อฟังกันเลยจริงๆ ”
จงเหยียนซีเอามือโอบรอบคอของหล่อน แล้วพูดว่า” ก็คนมันคิดถึงนี่นา หนูขอกอดหน่อยไม่ได้หรือไง? ”
จวงจื่อจิ่นจะโกรธแต่ก็หลุดขำออกมา จากนั้นก็ตบไปที่หลังฟังเด็กน้อยเบาๆ ” อีกหน่อยยายแก่ไปต้องให้หลานเลี้ยงแล้วนะ ”
” ไม่มีปัญหาเลยค่ะ ” จงเหยียนซีตอบอย่างไม่ลังเลเลย หญิงแก่ที่ได้ยินเด็กน้อยตอบออกมาแบบนั้นก็ผุดรอยยิ้มปลาบปลื้มใจออกมา
” เข้าไปในห้องกันเถอะ ” จวงจื่อจิ่นอุ้มจงเหยียนซี แล้วก็พูดเชิงหนักใจออกมา” ถ้าไม่หนักอย่างนี้เนี่ย จะอุ้มไม่ไหวแล้วนะ ”
เมื่อเข้าไปในห้องแล้ว จงเหยียนเฉินก็ตรงเข้าไปข้างใน แต่ก็ไม่เห็นหลินซินเหยียน จึงถามขึ้นมาว่า ” หม่ามี๊ของผมล่ะ? ”
จวงจื่อจิ่นอึ้งไปสักพัก ก่อนจะรีบตอบว่ากำลังตรวจดูอาการอยู่
” ทำไมต้องตรวจล่ะ หรือว่าคลอดน้องชายหรือน้องสาวให้พวกเราแล้ว? ” จงเหยียนซีพูดแทรกขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
จวงจื่อจิ่นพยักหน้ารับ
” ว้าว หนูก็เป็นพี่สาวแล้วสิ ”
เธอกอดพี่ชายด้วยความตื่นเต้น ” พี่ชายพี่จะได้เป็นพี่ชายคนแล้ว ”
จงเหยียนเฉินตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ” จริงๆ ฉันก็เป็นพี่ชายอยู่แล้วนะ ”
จงเหยียนซี”……. ”
จงฉีเฟิงก็เลยถามขึ้นว่า ” ส่วนผู้ใหญ่ก็ไม่เป็นไรใช่ไหม? ”
จวงจื่อจิ่นมองเด็กทั้งสอง แล้วก็ตอบสั้นๆ ” ตอนแรกก็เหมือนจะมีเรื่องอยู่ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว ”
” หม่ามี๊คลอดเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงล่ะคะ? ” จงเหยียนซีถาม
จวงจื่อจิ่นก็ลืมถามเหมือนกัน
” ยายก็ไม่รู้เหมือนกัน หมอไม่ได้บอก ยายก็ลืมถามเลย ” จวงจื่อจิ่นทำท่าตีหัวตัวเอง ” ลืมได้ยังไงกันนะ? ”
อาจจะเป็นเพราะสถานการณ์ตอนนั้นค่อนข้างอันตรายมาก พอผ่านพ้นไปแล้วถึงแม้ทุกคนจะโล่งใจ อาจเป็นเพราะเอาแต่ห่วงว่าแม่และเด็กปลอดภัยก็เลยลืมเรื่องที่จะถามว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
” พวกเราไปดูน้องได้ไหมครับ? แวะไปถามหมอว่าหม่ามี๊คลอดน้องชายหรือน้องสาวไง ” จงเหยียนเฉินถาม
จวงจื่อจิ่นบอกว่ายังเจอน้องไม่ได้ แต่ก็ควรจะไปทำหมอว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
” ถ้างั้นพวกเราก็ไปหาหมอกันเถอะจ้ะ ” จวงจื่อจิ่นพูด
” ดีเลยค่ะ หนูอยากไปดูน้อง ” จงเหยียนซีตื่นเต้นที่จะอยากไปดูทารกตัวน้อย
จากนั้นจงฉีเฟิงกับจวงจื่อจิ่นก็พาเด็กทั้งสองไปถามหมอ
หมอบอกว่าเป็นเด็กชาย
” เป็นน้องชายไง ” พูด ” ถ้างั้นพวกเราไปดูได้ไหมคะ? ”
คุณหมอพูด ” ไม่ได้ครับ
ตอนนี้ก็ยังดูไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่
จงเหยียนซีเบะปากด้วยท่าทางที่ผิดหวัง
จงเหยียนเฉินจึงถามหมอต่อ ” หม่ามี๊ของผมไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ? ”
มองเห็นว่าเขาอายุยังน้อยแต่ก็รู้จักเป็นห่วงเป็นใยคนอื่น จึงยิ้มแล้วตอบว่า ” ไม่เป็นไรหรอก อีกวันพวกเธอก็จะได้เจอเธอแล้ว ”
” ขอบคุณพวกคุณมากเลยนะครับ ” จงเหยียนเฉินแสดงความขอบคุณต่อคุณหมอ
คุณหมอจึงพูดว่า ” ไม่ต้องขอบคุณหรอก มันเป็นหน้าที่ที่หมออย่างพวกเราต้องทำอยู่แล้ว ”
จงเหยียนเฉินก็บอกว่ายังไงก็ต้องขอบคุณ เป็นเพราะหมอหม่ามี๊ของเขาถึงได้ปลอดภัย น้องชายก็ได้เกิดมาอย่างราบรื่น
เมื่อเดินออกจากห้องทำงานของคุณหมอแล้ว จงเหยียนเฉินก็ถามว่า ” พ่อของผมล่ะ? ”
ช่วงเวลาที่หม่ามี๊คลอดน้องมันสำคัญขนาดนี้ เขายังไม่เห็นพ่อเลย?
จวงจื่อจิ่นบอก” พ่อของหลานมีธุระ เดี๋ยวก็คงกลับมาแล้วล่ะ ”
” ธุระอะไรที่สำคัญกว่าหม่ามี๊คลอดน้องครับ? พ่อไม่อยู่ได้ยังไงกัน? ” จงเหยียนเฉินพูด
จวงจื่อจิ่นอธิบาย” ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกจ้ะ พ่อของหลานอยู่ตลอด เพิ่งไปเมื่อกี้นี่เอง ”
จงเหยียนเฉินตอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่ได้เจอน้องชาย แถมหม่ามี๊ก็ยังไม่ได้เจออีกรู้สึกผิดหวังจริงๆ
หลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์
หลินซินเหยียนก็พ้นขีดอันตรายแล้ว ร่างกายของทารกจากสีเขียวอมม่วงก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ
เนื่องจากอาการดีขึ้นเธอจึงถูกย้ายมาอยู่ห้องคนไข้ทั่วไป นอกห้องนั้นตรงระเบียงทางเดินถูกวางเต็มไปด้วยดอกไม้สด ที่ได้มาจากเพื่อนของจงจิ่งห้าวที่ร่วมธุรกิจกัน พอรู้ว่าเขาได้ลูกชายอีกคน ก็ต่างรีบส่งกระเช้าดอกไม้มาเพื่อแสดงความยินดี
เมื่อช่าวหยุนรู้ว่าหลินซินเหยียนคลอดลูกออกมาได้อย่างราบรื่น
ก็เอาของขวัญมาจาก เมืองCเพื่อมาเยี่ยมด้วยตัวเอง
วันนี้ช่างบังเอิญเสียจริง เสิ่นเผยซวนกับซางหยูก็มา ซูจ้านกับฉินยาก็มาด้วยเช่นกัน ทั้งๆ ที่ไม่ได้นัดกันมาก่อน แต่ก็มาที่นี่ทั้งหมดในวันเดียวกัน
บรรยากาศในห้องที่เต็มไปด้วยผู้คนดูครึกครื้นเป็นพิเศษ
จวงจื่อจิ่นดูเหมือนจะยุ่งมากที่สุด ทั้งรินน้ำ ทั้งล้างผลไม้
ภายในห้อง ช่าวหยุนนำของขวัญที่ตัวเองเตรียมมายื่นให้หลินซินเหยียน
หลินซินเหยียนหลังจากที่ได้ฟื้นฟูร่างกายวันนี้สีหน้าก็ดูมีสีเลือดขึ้นมาบ้าง แล้วก็ลงจากเตียงมาทำกิจวัตรได้เป็นครั้งคราว
เมื่อเธอเห็นของในมือช่าวหยุนแล้ว จึงถามว่า ” นี่คืออะไรคะ? ”
ช่าวหยุนตอบ ” เธอลองแกะดูสิ ”
เห็นแค่เขาถือซองกระดาษ หลินซินเหยียนก็พอจะเดาได้แล้วว่า ” ฉันเคยบอกแล้ว….. ”
” เธอไม่เอา ก็ให้ลูกชายเธอสิ เก็บไว้ในอนาคตให้ลูกคนโตของเธอ จะเล่นพอมีสมบัติให้แย่งกันบ้าง ” ช่าวหยุนพูดขำๆ
หลินซินเหยียนก็หัวเราะออกมา
ช่าวหยุนพูดต่อ ” เก็บไว้เถอะหน่า ”
หลินซินเหยียนทำได้แค่รับมันเอาไว้ ” แต่ยังไงก็ต้องให้อารองเป็นคนจัดการ ”
” นี่มันก็แน่นอนอยู่แล้ว ฉันยังอายุน้อยอยู่หน่า รอให้ถึงวันที่ฉันทำไม่ไหวแล้วค่อยว่ากัน ” ช่าวหยุนรู้ว่าเธอไม่มีเวลา
จงจิ่งห้าวเดินเข้ามา
ช่าวหยุนก็ถามขึ้นมาว่า ” ได้ตั้งชื่อลูกแล้วหรือยัง? ”
หลินซินเหยียนตอบ ” ยังไม่ได้ตั้งเลยค่ะ ถ้าไม่งั้น อารองตั้งสิคะ ”
ช่าวหยุนไม่ได้ตอบรับไปทันที แต่เขาหันไปมองจงจิ่งห้าวก่อน จริงๆ แล้วลูกไม่ได้เป็นของหลินซินเหยียนเพียงคนเดียว เพราะฉะนั้นจะต้องถามความเห็นพ่อของเด็กด้วย
จงจิ่งห้าวพูด” อารองตั้งเถอะครับ ครอบครัวเราผมเห็นด้วยกับเหยียนเหยียนทั้งนั้น ”
ช่าวหยุนรู้สึกอิจฉาแบบแปลกๆ เหมือนตัวเป็นหมากำลังถูกยัดเยียดให้กินอาหารเม็ดอยู่เลย