ฉินหยารู้สึกว่า ชีวิตนี้สามารถมีลูกได้คือบุญที่สั่งสมมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว ทำไมถึงทำร้ายได้ลง
คดีนี้ของซูจ้าน ทำให้ทนายความในสำนักงานพร้อมกันมาหาเขา
“ทนายซู คดีนี้จะรับไม่ได้นะ พวกเราไม่มีทางชนะ”
“ใช่ ผู้หญิงคนนั้นฆ่าตัวตายเอง สู้ต่อไปอย่างมากก็แค่ชดเชยให้นิดหน่อย และคนที่เสียชีวิตก็เป็นลูกชายของเธอเอง คดีนี้เป็นสะเทือนจิตใจ พวกเราจะทำตามอุดมการณ์ไม่ได้ พวกเราต้องเผชิญหน้ากับความจริง”
“อะไรคือความจริง” ซูจ้านกล่าวถาม
ทนายเฉินกล่าว “ความจริงก็คือพวกเราต้องเผชิญหน้ากับปัญหาของความเป็นจริง สิ่งที่เราไม่ชอบไม่คุ้นเคยนั้นมีมากมาย และความอยุติธรรมก็มีมากมาย แต่อย่างไรก็ตามสำหรับกฎหมายเกี่ยวกับการแต่งงานยังขาดขาดตกอยู่มาก เช่นชายหญิงนอกใจถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่
เห็นได้ชัดเจนว่าไม่ผิด แบบนี้เป็นการจำกัดอำนาจของเราที่จะปกป้องคู่กรณี คดีนี้ชนะหรือแพ้แล้วมีความหมายอะไร คนก็เสียชีวิตไปแล้ว คนเสียชีวิตแล้วอะไรก็ไม่เหลือแล้ว อย่างมากก็แค่ช่วยให้ญาติของผู้เสียชีวิตได้รับค่าชดเชยนิดๆหน่อยๆ เงินส่วนนี้เมื่อเทียบกับชีวิตคน จะเทียบกันได้อย่างไร
และพวกเราชนะคดีนี้ ก็แค่สามารถช่วยผู้ว่าจ้างทำคดีได้เงินค่าชดเชยนิดหน่อย พวกเราไม่สามารถทำให้คนที่นอกใจคนนั้นเข้าคุก แทบจะทำอะไรไม่ได้เลย อีกทั้งยังทำให้เขาขุ่นเคืองอีก คุณว่าคดีนี้มีความหมายอะไร”
ความหมายของทนายเฉินก็คือ คดีนี้จะรับทำไม่ได้ เสียทั้งสมาธิทั้งกำลัง อีกทั้งยังไม่ได้ผลลัพธ์อะไรที่ดี
“จะไม่รับจริง ๆ เหรอ” ฉินยาเข้าใจความหมายของทนายเฉิน ต่อให้จะชนะคดีนี้หรือว่าแพ้คดี ก็ไม่มีความหมายแต่อย่างใด
เพราะว่าฝ่ายชายนอกใจ เขามีความผิด แต่ว่าความผิดแบบนี้ ผิดสำหรับการแต่งงานเท่านั้น ในทางกฎหมาย เขาไม่ถือว่าผิด เขาไม่ได้ฆ่าคน เป็นการฆ่าตัวตาย เรื่องนี้จึงไม่สามารถลากเขามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
คดีนี้ไม่น่าจะมีอะไรมากไปกว่าการจ่ายค่าชดเชย
ฉินยารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ยุติธรรม โทษของการนอกใจนั้นเบาเกินไป
ถ้าหากว่าไม่ชอบแล้วทำไมต้องขอแต่งงานตั้งแต่แรก
หรือว่าจะเป็นดั่งคำพูดยอดฮิตตามอินเทอร์เน็ต ต่อให้อาหารที่บ้านจะอร่อยเพียงใด ขี้ที่อยู่นอกบ้านไม่เคยลิ้มลองก็มักจะหอมหวาน
คำพูดนี้ถึงแม้จะหยาบ แต่ว่าความหมายนั้นไม่หยาบ
“ใช่ รับคดีไม่ได้” ทนายเฉินกล่าว ทนายคนอื่น ๆ ก็เห็นด้วย รู้สึกว่าในเมื่อไม่มีผลประโยชน์แล้วยังไปขัดใจให้คนขุ่นเคืองอีก
“ถ้าหากว่าผมดึงดันที่จะรับล่ะครับ” สิ่งเหล่านี้ซูจ้านไม่อยากจะเข้าใจ คนที่เข้าใจก็อยู่ในส่วนเข้าใจ แต่เขาเห็นกับตาว่าอีกฝ่ายไปแย่งอัฐิของผู้ตายที่ห้องเซ่นไหว้ผู้เสียชีวิตถึงที่ อีกทั้งยังผลักอัฐิของผู้ตายตกแตกบนพื้น ช่างรังแกกันมากเกินไปแล้ว!
ต่อให้สามารถทำได้แค่ผู้ชายนอกใจคนนั้นสูญเสียเพียงทรัพย์ นั่นก็เป็นการลงโทษสำหรับเขา และก็เป็นการบอกกับทุกคนว่าเขานั้นมีความผิดจริง!
ทนายเฉินกล่าว “ใช่สิ นี่มันไม่มีความหมายอะไร ในเมื่อไม่มีความหมายแล้วทำไมยังจะดันรุรังทำอีก
เมื่อก่อนคุณเคยบอกกับพวกผมว่า อาชีพของพวกเรามีทั้งดีและไม่ดี ความยุติธรรมไม่สามารถทำให้เราอยู่รอดในอาชีพนี้ได้ ตอนนี้กลับเป็นคุณที่มุทะลุจนลืมคำพูดที่ตัวเองเคยพูดไว้”
ซูจ้านกล่าวเบาๆ “เมื่อก่อนคือเมื่อก่อน”
อารมณ์เมื่อก่อนกับตอนนี้ต่างกัน ตอนนั้นต้องการแค่เพียงชื่อเสียงเงินทอง จึงทำสิ่งต่าง ๆ มากมายที่ขัดต่อความปรารถนาของเขาและศีลธรรม
บางครั้งรู้ทั้งรู้ว่าลูกความของตัวเองเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ต้องใช้วิธีการต่าง ๆ มาเพื่อปกป้องเขา นี่คือสิ่งจำใจของอาชีพของการเป็นทนาย
เมื่อก่อนเขาสามารถไม่สนใจรูปคดี ขอเพียงสามารถทำให้เขาได้รับผลประโยชน์หรือมีชื่อเสียง เขาก็เต็มใจที่จะรับและเต็มใจที่จะทำ
เขาจึงพูดกับเหล่าทนายความในห้องสำนักงานแบบนั้น ตอนนี้เขากลับเปลี่ยนความคิดของก่อนหน้านี้อย่างกะทันหัน
กรรมกำลังตามสนอง
เขารู้สึกว่าตัวเองที่ทำอะไรก็ไม่ราบรื่น บางทีอาจจะเป็นเพราะตัวเองเคยทำเรื่องมากมายที่ขัดต่อสามัญสำนึกของคน ทำให้เขาต้องมามีชีวิตที่ติดขัดไม่ราบรื่นเช่นนี้
“สำนักงานกฎหมายของพวกเรามีวันนี้ได้นั้นไม่ง่ายเลย ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงต้องดื้อดึง” ทนายเฉินมึนงง เมื่อก่อนเขาไม่ใช่เป็นคนแบบนี้ ทำไมจู่ ๆ ถึงได้เปลี่ยนไป
ซูจ้านหรี่ตา “ทำเรื่องไม่ดีไว้เยอะ กรรมจะตามสนอง”
เขาต้องการสร้างความดี เพื่อคนรอบข้าง และก็เพื่อตัวเอง
ทุกคนพูดให้เขาเข้าใจไม่ได้ และก็ไม่อยากจะพูดด้วย จึงทยอยกันออกจากห้องสำนักงานไปทีละคน
ฉินยายืนมองเขาอยู่ที่ริมหน้าต่าง “คุณกำลังคิดอะไร”
ซูจ้านลุกยืนขึ้น แล้วเดินออกมาจากโต๊ะทำกงาน มายืนอยู่ตรงด้านหน้าแล้วเหม่อมองเธอ เขาเอื้อมมือไปคว้าฉินยาเข้ามาในอ้อมกอดแล้วกล่าว “ที่ผมสูญเสียลูกของพวกเราก็เป็นเพราะผม”
เรื่องในอดีตฉินยาไม่อยากที่จะกล่าวถึง เธอจึงกล่าวอย่างจริงจังกับซูจ้านว่า “พวกเราอย่ารื้อฟื้นเรื่องราวในอดีตเลย ตอนนั้นจะผิดหรือถูกได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว ฉันเลือกที่จะให้อภัยคุณ หมายความว่าฉันได้ปล่อยวางอดีตไปแล้ว บาดแผลนั้นสมานดีแล้ว คงเหลือไว้เพียงรอยแผลเป็น หากคุณกล่าวถึงอีก จะเป็นการเปิดรอยแผลนั้น ทำให้ฉันเจ็บปวด”
แววตาของซูจ้านชะงักไปชั่วขณะ ที่หางตามีน้ำตาซึม และดวงตาของเขาก็ดูไม่ประกายเหมือนก่อนหน้านี้
ไม่นานเขาก็ก้มหน้าลง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆ “ต่อไปผมไม่พูดถึงอีก จะไม่พูดถึงอีกต่อไป”
นี่เป็นความเจ็บปวดทั้งชีวิตของฉินยา และก็เขาด้วย
“วันนี้พวกเรากลับบ้านเช้าๆกันเถอะ” ซูจ้านโอบเธอไว้ และฉินยาก็ตอบว่าดี
พวกเขาเดินออกมาจากห้องสำนักงาน โทรศัพท์ในกระเป๋าของซูจ้านดังขึ้น เขาหยิบออกมาดูแล้วเห็นหมายเลขโทรศัพท์ของที่บ้าน รู้ว่าเป็นท่านย่าให้พี่เลี้ยงโทรมา โทรมาทำไมนั้นในใจเขารู้ดี สองสามวันมานี้จิตใจของฉินยาเพิ่งจะผ่อนคลายลง เขาไม่อยากจะให้มีปัญหาเพิ่ม จึงได้กดวางสายทิ้งไป