ฉินยาเห็นแล้วแต่ไม่พูดอะไร เพราะในใจเธอรู้ว่าที่ท่านย่าโทรมาหาซูจ้านนั้นเพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับลูก
ฉับพลันจิตใจของเธอหน่วงขึ้น ลูกช่างเป็นปัญหาที่ยากจะแก้ไข
เดิมทีคิดว่ารับปากอุ้มบุญแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น แต่ผลที่ได้กลับไม่ราบรื่น
ซูจ้านเก็บโทรศัพท์ขึ้นแล้วกล่าว “เป็นสายของพวกที่ชอบเสนอขายสินค้าน่ะ”
ฉินยาแกล้งทำเป็นไม่เห็น ยิ้มแล้วกล่าว “ตอนนี้พวกที่ชอบเสนอสินค้านี้ช่างน่ารำคาญจริง ๆ ขายประกันบ้างล่ะ สินเชื่อจำนองบ้านก็เริ่มมีการโทรมาถึงบ้านเพื่อดึงธุรกิจแล้ว”
ซูจ้านกล่าว “นั่นนะสิ น่ารำคาญจริง ๆ” เขามองเธอ “ยังมีเวลาอีกนิดหน่อย อยากไปที่ไหนเป็นพิเศษไหม”
ฉินยาส่ายหน้า
“พักนี้มีหนังหนึ่งเรื่องกำลังเข้าฉาย ว่ากันว่าค่อนข้างดี พวกเราไปดูกันไหม”
ฉินยากล่าว “เอาสิ”
เธอนั้นไปไหนก็ได้ เพราะว่าไม่มีที่ที่อยากจะไปเป็นพิเศษ
ซูจ้านหยิบโทรศัพท์ออกมา เริ่มเช็คดูเวลาตั๋วหนังที่ใกล้ที่สุด
เวลาที่ใกล้ที่สุดก็อีกสองชั่วโมง เขากล่าว “พวกเราไปหาอะไรทานกันก่อน ทานเสร็จแล้วค่อยไป”
ฉินยากล่าว “ตามใจคุณแล้วกัน”
พวกเขาออกจากสำนักงานกฎหมายและขึ้นรถไป ซูจ้านขับรถ เพิ่งจะสตาร์ทรถและกำลังจะขับออกไป โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้นอีก ยังคงเป็นหมายเลขของที่บ้าน ซูจ้านกดสายทิ้งไปด้วยใบหน้าที่เฉยชา
เขากำลังจะปิดเครื่อง ฉินยากล่าว “ส่งฉันกลับไปที่พักแล้วคุณกลับไปดูคุณย่า”
ซูจ้านอธิบาย “ฉินยา……”
“การหลบไม่ใช่วิธีในการแก้ปัญหา คุณอาจจะไม่ไปเจอเธอได้ชั่วคราว แต่คุณจะไม่ไปเจอเธอตลอดไปไม่ได้ เธออายุมากแล้ว ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้น คุณอาจจะเสียใจไปตลอดชีวิต”
ซูจ้านอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับฉินยา แต่พบว่าตัวเองนั้นไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ จะพูดอะไรนะ ขอโทษ ขออภัยเหรอ คำพูดเหล่านี้เป็นแค่เพียงลมปาก จะช่วยบรรเทาฉินยาอย่างไร
ในที่สุดเขาก็พูดออกมาหนึ่งประโยค “ขอบคุณนะ”
ขอบคุณที่เธอเข้าใจ ขอบคุณความใจดีของเธอ ขอบคุณความใจกว้างของเธอ ขอบคุณการให้อภัยของเธอ
ฉินยาเอนศีรษะพิงหน้าต่างรถ สายตามองจอดจ่อสักที่อย่างเหม่อลอย ราวกับไม่ยินคำพูดของเขา ไม่พูดไม่จา เพียงแค่เอนตัวพิงอย่างเงียบๆ ไม่ส่งเสียงใด ๆ
ซูจ้านนำรถมาจอดในย่านเขตที่พักของพวกเขาพักชั่วคราว ฉินยาที่ใจลอยไปไกล ไม่รู้ตัวว่ารถได้มาจอดที่ที่พวกเขาอาศัยแล้ว เมื่อรถจอดเธอก็ยงไม่เปิดประตูลงจากรถ ซูจ้านจึงเอื้อมมือมาแตะที่ผมข้างใบหูแล้วกล่าวเบาๆ “คิดอะไรอยู่”
“หือ” ฉินยารู้สึกตัว พบว่ารถได้จอดสนิทแล้ว เธอจึงอ้างเหตุผลเรื่อยเปื่อย “เมื่อกี้ฉันง่วงนอน ก็เลยไม่ทันสังเกต”
เธอปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วผลักประตูลงจากรถ
ซูจ้านลดกระจกลงแล้วคุยกับเขา “ผมไปไม่นานก็จะกลับมา”
ฉินยายกริมฝีปากขึ้น แล้วเผยรอยยิ้มจางๆออกมา “ฉันจะรอคุณกลับมา”
ซูจ้านบอกว่าเข้าไปเถอะ มองแผ่นหลังของเธอเดินเข้าไปในตึกและหายลับไปจากสายตา เขาถึงได้ขับรถออกไป
ระหว่างทางเขาได้โทรกลับหมายเลขที่บ้าน
สักพักสายก็ถูกรับขึ้น คนที่รับคือเฉินเสว่
“พี่ชายเหรอ”
ซูจ้านตอบอืม
เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจเมื่อได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยเรียกเขาว่าพี่ชาย อีกทั้งยังเป็นคนรับใช้ที่บ้านอีก ญาติก็ไม่ใช่ เป็นแค่เพียงนายจ้างกับลูกจ้างที่เป็นพี่เลี้ยงเท่านั้น
“……คุณย่า คุณย่าเหมือนจะไม่ไหวแล้ว พี่รีบกลับมาดูคุณย่าเร็วๆ” เฉินเสว่กล่าวอย่างตะกุกตะกัก
ซูจ้านใช้ส้นเท้าคิดก็ยังรู้เลยว่านี่เป็นคำโกหกอย่างแน่นอน จุดประสงค์ก็เพื่ออยากจะให้เขากลับบ้าน
ซูจ้านกล่าว “ให้คุณย่ามารับสาย”
“เอ่อ……ไม่ได้ คุณย่าไม่สามารถรับสายได้ค่ะ” เฉินเสว่ตอบกลับอย่างรวดเร็วและได้แก้คำพูดขึ้น เห็นได้ชัดว่ามีคนชักนำให้เธอพูด หน้ากับหลังถึงได้ไม่สอดคล้องกัน
ซูจ้านนำรถเข้าจอดข้างทาง “ให้คุณย่ามารับ บอกว่าถ้าไม่รับผมก็จะไม่กลับไป”
ดูเหมือนลำโพงจะถูกปิด ซูจ้านได้ยินเพียงเสียงกุกกักสั้นๆ ไม่มีเสียง
เขาก็ไม่พูดอะไร นั่งรออย่างเงียบๆ
ผ่านไปสักพักโทรศัพท์รับสายขึ้น เป็นเสียงของท่านย่า เมื่อเอ่ยพูดก็ถามขึ้น “แกแต่งงานมีเมียแล้วก็จะทิ้งย่าแล้วใช่ไหม”
ซูจ้านเอนพิงอยู่ที่เก้าอี้ สายตามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างแผ่วเบา “น้ำเสียงฟังแล้วยังแข็งแรงชัดเจนดีนะครับ”
ท่านย่ากล่าวขึ้น “นี่แกอยากให้ฉันตายจริง ๆไง”
“ไม่หรอก ผมอยากให้คุณย่าอายุยืนยาว ถ้าต้องตายก็เป็นผมที่ตายก่อน” ซูจ้านไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับท่านย่า จึงได้แต่หลบเธอเท่านั้น
ยังดีที่ขาของเธอเดินเหินไม่สะดวก ต่อให้จะเอะอะโวยวาย ก็ไม่สามารถที่จะซัดให้คลื่นแรงได้
ท่านย่ารู้ว่าซูจ้านนั้นหลบเธอ จึงใช้น้ำเสียงอ่อนโยนลง “แกไม่ต้องการย่าแล้วจริง ๆ เหรอ”
ซูจ้านรำคาญ กล่าวขึ้น “คุณย่าเลี้ยงผมมาโตขนาดนี้ ผมจะไม่ต้องการคุณย่าได้อย่างไร”
“อย่างนั้นแก……”
“คุณย่าพรุ่งนี้ผมค่อยกลับไปเยี่ยมคุณย่า วันนี้ผมยุ่งมาก แค่นี้ก่อนนะครับ”
เขารีบวางสายโทรศัพท์ อีกทั้งทำการปิดเครื่องลง เพื่อกันการโทรกลับมาอีกครั้ง เขาไม่อยากจะเผชิญหน้ากับท่านย่า
รถจึงได้จอดอยู่ข้างทางอยู่อย่างนี้ เขาได้นั่งอยู่ในนั้นสักพัก จากนั้นก็หันรถกลับแล้วขับกลับบ้าน
ในห้อง ฉินยากลับมาถึงที่พัก นั่งอยู่บนเก้าอี้รังนกที่อยู่ที่ระเบียง นั่งมองปลาที่อยู่ในตู้อย่างเบื่อหน่าย
เธอขดขาคู่ขึ้น แล้วล้วงโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความหาช่าวหยุน【ทำอะไรอยู่คะ】
สักพักช่าวหยุนก็ตอบกลับอย่างรวดเร็ว【อ้าว คิดยังไงส่งข้อความหาอาเนี่ย】
【ทำไมคะ ไม่ได้หรือไงคะ】ฉินยาตอบกลับ
【ได้ ได้สิ อาอยู่ที่นี่ตลอดเวลา】
ฉินยาหรี่ตาลง ชะงักไปชั่วครู่ 【อารอง หนูไม่มีความสุข】