ซางหยูมีเงิน ครั้งที่แล้วเสิ่นเผยซวนโอนเงินเข้าไปในบัตรของเธอซึ่งเป็นเงินเก็บสะสมของเสิ่นเผยซวน เธอก็ไม่ได้เอาไปใช้ ถึงแม้ว่าในมือจะมีเงินแต่ว่าเธอเองก็ไม่อยากจะใช้สุรุ่ยสุร่าย เธอเองก็เป็นคนที่แข็งแกร่งพึ่งตัวเอง
ถึงแม้ว่าจะเป็นสามีภรรยากับเสิ่นเผยซวน เธอยังไม่มีงาน สภาพการเงินก็ไม่ได้คล่องตัวขนาดนั้น แต่ไม่สามารถเอาเงินของเสิ่นเผยซวนมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือยได้ ถ้าหากเธออยากจะซื้อข้าวของราคาแพง เธอก็อยากจะใช้ความพยายามของตัวเองเพื่อได้มันมา
ไม่เห็นซางหยูเอ่ยปากพูดอะไร หวางทิงเสว่จ้องมองเบิกตากว้าง “สามีของคุณไม่ให้เงินคุณมาใช้จ่ายจริงๆเหรอ?” เธอพูดต่อกันมาทันที “คุณเด็กกว่าเขาตั้งเยอะ เขาไม่ควรจะใช้เงินเลี้ยงดูคุณเหรอ?”
ซางหยูฟังคำพูดไม่น่าฟังพวกนี้ เธอยังเด็ก แล้วก็เลยต้องถูกคนเลี้ยงดูอย่างนั้นเหรอ?
นี่มันตรรกะอะไรกัน?
คำพูดพวกนี้ทำไมฟังแล้วเป็นความหมายเชิงลบ เหมือนกับว่าเธอแต่งงานกับเสิ่นเผยซวนเป็นการวางแผนเพื่อเงินของเขา ฐานะทางสังคมของเขา
“ฉันชอบเขาถึงแต่งงานกับเขา ไม่ใช่เพราะว่าเงินของเขา”ซางหยูเน้นย้ำ หวางทิงเสว่หัวเราะ เอาใจเธอ “รู้แล้ว ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรนี่ อย่าตื่นเต้นสิ”
ซางหยูจ้องมองเธอ รู้สึกไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเธอ
หวางทิงเสว่อุทานออกมา “โอเค โอเค ฉันพูดผิดไป ไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่นเลย อย่าคิดมาก”
ความจริงแล้วเธอไม่ได้คิดร้ายอะไร และไม่ได้หมายความว่าซางหยูรีบแต่งงานเพื่อเงิน
เพียงแต่เป็นการสนทนาต่อกันไปมาจนถึงตรงนี้ เธอนั้นก็แค่พลั้งปากเผลอพูดประโยคนี้ออกไป ไม่ได้คิดเลยสักนิดว่าซางหยูจะละเอียดอ่อนขนาดนี้
พวกเขามาถึงที่หมาย หวางทิงเสว่ไปซื้อชานม สองคนจูงมือกันเขาไปในห้างสรรพสินค้า เพราะว่าช่วงสุดสัปดาห์ห้างสรรพสินค้ามีคนพลุกพล่านมากมาย
“ด้านนั้นเป็นเสื้อผ้าสตรี พวกเราไปทางนั้นกันเถอะ” หวางทิงเสว่ดึงซางหยู ซางหยูเดินดูเป็นเพื่อนเธอ ตัวเธอเองนั้นไม่มีอะไรที่อยากจะซื้อก็เลยเดินตามเธอไป
หลังจากเสิ่นเผยซวนไปจวงจื่อจิ่นบอกว่าอากาศค่อยๆเริ่มเย็นแล้ว บอกว่าเสื้อโค้ตแขนยาวของจงเหยียนเฉินนั้นเล็กไปหน่อย ปีนี้โตขึ้นมากน่าจะต้องซื้อใหม่ จงเหยียนซีเองก็ต้องซื้อเหมือนกัน ปีที่แล้วก็มีบางส่วนที่ไม่สามารถใส่ได้แล้ว เธอไม่ได้สูงเท่าจงเหยียนเฉิน แต่ว่าปีนี้ก็สูงขึ้นเช่นเดียวกัน
ทารกน้อยมีจวงจื่อจิ่นกับป้าหยู หลินซินเหยียนออกมาซื้อเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงเตรียมให้ลูกสองคน
เธอตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองเหมือนแม่บ้านเข้าไปเรื่อยๆ และยังเป็นแม่บ้านที่สบายอย่างมาก ออกจากบ้านก็มีคนขับรถ รถก็ไม่ต้องขับเอง ในบ้านก็มีจวงจื่อจิ่นและป้าหยูช่วยดูแลลูกของเธอ
จงจิ่งห้าวเป็นคนหาเลี้ยง เหมือนว่าเธอนั้นไม่ได้มีอะไรที่จำเป็นต้องทำ เธอเองก็ไม่ชอบวันเวลาแบบนี้เท่าไหร่นัก เธอหวังว่าจะสามารถทำสิ่งที่ตัวเองชอบได้
แต่ว่าจงจิ่งห้าวไม่อนุญาตให้เธอเมืองC ทำได้เพียงเป็นแม่บ้านอยู่ที่บ้านเท่านั้น
เธอมาได้สักพักหนุ่งแล้ว คนขับรถติดตามเธอมาด้วยถือถุงกระดาษหลายใบเรียบร้อยแล้ว เดิมทีจะมาเสื้อผ้าให้จงเหยียนซีกับจงเหยียนเฉิน แต่สุดท้ายพอเห็นร้านของใช้เด็กทารกก็ตรงเข้าไปเลย เห็นเสื้อผ้าเด็กหลายชุดน่ารักมาก ก็เลยซื้อมาหลายชุด และยังมีของใช้สำหรับทารกอีกบางส่วน
ทางด้านนี้หวางทิงเสว่ดึงซางหยูเข้าไปในร้านจิวเวลรี่ใกล้ๆแห่งหนึ่ง ซางหยูกะพริบตามองเธอ “ทิงเสว่ คุณต้องการจะซื้ออะไรเหรอ?”
หวางทิงเสว่พูดกระซิบข้างหูของเธอ “ไม่ซื้อ”
ซางหยูไม่เข้าใจจริงๆ ในเมื่อจะไม่ซื้อแล้วจะเข้ามาในร้านทำไม? ยิ่งไปกว่านั้นดูภายในร้านไม่น่าจะมีของราคาถูกเลย เป็นหลักหมื่นส่วนใหญ่ น้อยสุดเองก็หลายพัน ของที่ราคาหลักร้อยนั้นไม่มีเลย
“ในเมื่อไม่ซื้อ พวกเราก็ไม่ต้องเข้าไปดูหรอก” ซางหยูรู้สึกว่าไม่จำเป็น ดูไปก็เสียเวลาเปล่า และยังไปดูเฉยๆไม่ซื้อ รู้สึกเกรงใจอยู่ไม่น้อย
“ซางหยู พวกเรามาเดินเล่น ฉันอยากจะดูสักหน่อย อีกอย่างลองใส่ก็ไม่ได้ต้องเสียเงินนี่”
ขณะที่พูดอยู่นั้นหวางทิงเสว่ก็ลากซางหยูเข้าไปในร้าน ที่ประตูร้านก็มีพนักงานมาคอยต้อนรับแล้ว
หวางทิงเสว่ดึงซางหยูเดินมาที่บริเวณสร้อยคอ แสงไฟภายในร้านจิวเวลรี่นั้นสว่างเป็นอย่างมาก ทำให้เครื่องประดับที่ทำจากวัสดุราคาแพงนั้นเปล่งประกายระยิบระยับไม่เหมือนใคร
เด็กผู้หญิงทุกคนล้วนชอบเครื่องประดับเล็กๆที่งดงามละเอียดอ่อนพวกนั้น ซางหยูเองก็ชอบ เพียงแต่ว่าเธอนั้นค่อนข้างสามารถยับยั้งชั่งใจตัวเองได้ และเป็นนกน้อยทำรังแต่พอตัว
ไม่เคยที่จะทำเรื่องอะไรเกินกว่าความสามารถตัวเองจะทำได้
หวางทิงเสว่ตอนนี้ก็ไม่ได้มีกำลังทรัพย์พอที่จะซื้อของพวกนี้ได้ เพียงแต่ว่าชอบก็เท่านั้น ซื้อไม่ไหวแค่ลองใส่ก็พอใจแล้ว
เธอชี้ไปเส้นที่ตัวเองเคยเห็นของเลียนแบบนับครั้งไม่ถ้วนบนอินเทอร์เน็ต สร้อยคอแพลตตินัม ตอนนี้ได้เห็นของจริง เธออยากจะลองใส่เป็นอย่างมาก “เส้นนี้เอาออกมาให้ฉันดูได้ไหม?”
บนมือของพนักงานสวมถุงมือสีขาว บอกว่าได้ เปิดตู้กระจกหยิบสร้อยคอออกมาวางลงบนถาดจิวเวลรี่กำมะหยี่สีแดงให้เธอดู
สร้อยแพลตตินัมเส้นบาง ห้อยด้วยจี้รูปหัวใจที่สวยงามละเอียดอ่อน จี้นั้นถูกย่อเล็กมาก โดยการนำแพลตตินัมมาทำเป็นเป็นรูปหัวใจที่เล็กมากๆ ด้านข้างมีพู่กระเบื้องโมเสคประดับด้วยเพชรเม็ดเล็กหนึ่งเม็ด สวยงามเป็นอย่างมาก เหมาะอย่างมากกับผู้หญิงผิวขาวน่ารัก
หวางทิงเสว่หยิบขึ้นมา นี่สว่างเป็นประกายมากกว่าของเลียนแบบที่เคยเห็นบนอินเทอร์เน็ตเป็นอย่างมาก เธอใจจดใจจ่อ “ฉันได้ลองใส่ได้หรือเปล่า?”
พนักงานขายพูด “ได้ค่ะ”
หวางทิงเสว่นำสร้อยคอให้พนักงานขาย ให้เธอช่วยใส่ให้กับตัวเอง
พนักงานขายนำสร้อยคอสวมให้กับหวางทิงเสว่อย่างรวดเร็ว เธอเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่ง สร้อยคอเส้นนี้ก็เหมาะกับเธอมากเช่นกัน
“สร้อยเส้นนี้เหมาะกับคุณเป็นอย่างมาก”พนักงานขายนำกระจกมาให้เธอดูอย่างกระตือรือร้น
หวางทิงเสว่มองตัวเองที่สวมสร้อยคอที่เป็นประกายระยิบระยับในกระจก ชอบออกมาจากหัวใจ
“ราคาเท่าไหร่?”
“9888ค่ะ”พนักงานขายพูด “ราคาของวัสดุแพลตตินัมนั้นมีราคาแพงอยู่แล้ว ประกอบกับความวิจิตรงดงามเป็นอย่างมากของเพชรคุณภาพสูงด้านบน ราคาจึงสูงเป็นธรรมดา ”
หวางทิงเสว่จ้องมองไปที่กระจก ยื่นมือออกมาลูบเพชรเม็ดเล็กมากๆเม็ดนั้น เพชรเม็ดเล็กมากเหมือนเพชรแตก ดูไม่มีมูลค่าอะไรมากมาย
“มีโปรโมชั่นอะไรที่ลดได้ไหม?”หวางทิงเสว่ให้พนักงานช่วยตัวเองถอดออกไป
พนักงานขายถอดให้เธอและพูด “นี่เป็นสินค้าใหม่ล่าสุด ไม่สามารถลดได้ค่ะ”
“โอ้”
“คุณตาถึงเป็นอย่างมาก สร้อยคอเส้นนี้นั้นเหมาะกับคุณเป็นอย่างมาก พอคุณใส่แล้วดูดีมากคุณนั้นมีความเป็นผู้หญิงเป็นอย่างมาก พอสวมมันก็ให้ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเลย คุณดูมีรสนิยมเป็นอย่างมาก”
หวางทิงเสว่ชอบจากใจจริง แต่ว่าก็รู้ว่าในกระเป๋าของตัวเองนั้นซื้อไม่ไหว
ทำได้เพียงรอมีเงินแล้วค่อยซื้อ
“ที่จริงแล้วฉันเองก็ไม่ได้ชอบขนาดนั้น พวกเราไปดูร้านอื่นกันดีกว่า” หวางทิงเสว่ยิ้มพร้อมกับดึงซางหยูเดินออกไป
พนักงานขายนำสร้อยคอวางกลับเข้าไปในตู้กระจก พูดอย่างหงุดหงิด “ซื้อไม่ไหวก็บอกซื้อไม่ไหว บอกว่าไม่ชอบอะไรกัน ไม่รู้จักประเมินตัวเองเลยแม้แต่น้อย”
หวางทิงเสว่ฟังแล้วรู้สึกไม่พอใจ หันกลับไปจ้องเธอ “เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ?”