” เท่านี้ก็จะมีพี่ชายคอยปกป้องแล้ว “ซางหยุพูดตามมาติดๆ
หลินซินเหยียนเงยหน้าหันไปมองซางหย ” ถ้างั้นเธอก็คลอดลูกสาวแล้วให้แกแต่งงานกับลูกน้อยสิ จะได้ ปกป้องกันไปทั้งชีวิตเลยไง”
ซางหยูหัวเราะ
นี่มันก็น่าคาดหวังอยู่นะ
ถ้ามีวันนั้นจริงๆ มันคงจะเป็นเรื่องที่เรียกได้ว่าพรหมลิขิตมากๆเลยใช่ไหม?
จงจิ่งห้าวขึ้นมาแล้ว ซางหยูก็ออกไป
หลินซินเหยียนเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าของเขาดูอิดโรยอย่างชัดเจนผ่านดวงตานั้น เลยพูดขึ้นมาเบาๆว่า “คุณ นอนสักพักเถอะ ให้ลูกน้อยนอนข้างๆคุณ “
“ผมไม่ง่วง ” เขารับลูกน้อยเอาไว้ลูกน้อยขยับเล็กน้อย แต่ก็นอนแนบลงไปที่อ้อมอกของเขาต่อไป
หลินซินเหยียนหลุบตาลง แล้วเดินออกไปจากห้อง เพื่อจะให้พื้นที่ในการพักผ่อนกับเขา
เมื่อลงมาชั้นล่าง จวงจื่อจิ๋นกับเฉิงยู่เวินทั้งสองดูเหมือนกําลังจะออกไปข้างนอก เพื่อไปรับหลานๆตอนเลิกเรียน
” ใส่เพิ่มอีกสักตัวสิ อากาศเริ่มหนาวแล้วนะ” จวงจื่อจิ้นหยิบเสื้อคลุมตัวนอกตัวหนึ่งให้เฉิงยู่เป็น
เฉิงยู่เวินตอบไปว่า ” นั่งอยู่ในรถก็ไม่หนาวซะหน่อย”
” ใส่ไปเถอะน่า อายุก็ปูนนี้แล้ว ทําอะไรให้มันรอบคอบหน่อย” จวงจื่อจิ้นเอาเสื้อคุมใส่ให้เขา เฉิงยู่เวินก็ใส่มัน เข้าไปโดยที่ไม่ปฏิเสธ ยอมยืนนิ่งๆอยู่กับที่เพื่อให้จวงจื่อจิ้นเอาเสื้อคลุมตัวนอกสวมให้กับตัวเอง หลังจากใส่ไปแล้ว จวงจื่อจีนก็จัดแจงปกคอเสื้อของเขาให้เรียบร้อย พอดูว่าไม่มีอะไรแล้วก็พูดขึ้นมาว่า ” ไปเถอะ”
เฉิงยู่เวินมองไปที่เธอแล้วพยักหน้า จากนั้นก็เปิดประตูให้จวงจื่อจิ๋นเดินออกไปก่อน เมื่อเขาเดินตามออกไปแล้ว ก็ปิดประตู
หลินซินเหยียนยืนมองพวกเขาอยู่ตรงหัวบันไดก็ใจลอยไปช่วงหนึ่ง ตั้งแต่จวงจื่อจิ๋นกับหลินก๋วอันหย่าร้างกันไป ก็ไม่เคยเห็นเธอดูแลใครคนไหนได้อบอุ่นเท่าผู้ชายคนนี้
หลังจากที่พวกเขาออกไปได้ไม่นาน กริ่งของประตูบ้านก็ดังขึ้น เธอจึงเดินลงมาเปิดประตู หน้าประตูมีพนักงาน
ส่งของวัยรุ่นคนหนึ่งยืนอยู่” ขอสอบถามหน่อยครับว่าที่นี่มีคนชื่อหลินซินเหยียนคุณหลินไหมครับ “
หลินซินเหยียนตอบ ” ฉันเองค่ะ”
” นี่คือพัสดุของคนครับ รบกวนเซ็นชื่อหน่อยนะครับ ” พนักงานส่งของยื่นกล่องใบหนึ่งให้เธอ
เมื่อเธอเซ็นชื่อแล้วก็ยื่นมือไปรับไว้ จากนั้นก็เข้าบ้านปิดประตูแล้วเปิดกล่องพัสดุดู ในนั้นมีสร้อยเงินที่ห้อยตัว มรกตชั้นดี ถูกแกะสลักจนกลายเป็นแท่งหยกสวยงาม เธอเลิกคิ้วน้อยๆ ได้แต่คิดในใจว่าใครเป็นคนส่งมากันนะ?
(อันที่จริงอยากจะให้ของขวัญชิ้นนี้กับลูกชายของคุณด้วยตัวเอง แต่เนื่องจากสามีของคุณที่ใจแคบเกินไป หน่อย ผมเลยไม่อยากสร้างปัญหาให้ จึงทําได้แค่ส่งมันผ่านบริษัทส่งของ ผมได้ข่าวเรื่องของจงฉีเฟิงแล้ว ผมได้แต่ เศร้าอยู่ลึกๆ และขอแสดงความเสียใจด้วย ผมคิดว่าเขาอยากให้คนที่มีชีวิตอยู่มีความสุข ไม่ใช่ใช้ชีวิตไปด้วยความ โศกเศร้า คนที่จากไปแล้ว คงกําลังภาวนาให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่มีความสุขในอีกโลกหนึ่ง!–ไปยื่นหนิง)
หลินซินเหยียนปิดการ์ดลงแล้ววางกลับไปในกล่อง จากนั้นเธอก็หยิบแท่งอยู่ข้างในออกมา แล้ววางกล่องไว้ในลิ้นชัก
เขาส่งของขวัญมาด้วยใจจริง เธอก็ยินดีจะรับไว้
เธอขึ้นไปชั้นบนแล้วเปิดประตู ก็เห็นว่าจงจิ่งห้าวเขานั่งกึ่งนอนและเอนตัวอยู่บนเตียง ลูกน้อยซุกตัวอยู่ตรงข้อ พับกลางตัวของเขานอนหลับสนิท
เขาหลับตาและดูเหมือนว่าจะหลับไปแล้ว
เธอจึงหยิบผ้าห่มผืนบางออกมาจากในตู้ คลุมตัวให้พวกเขาเบาๆ และหยิบแห่งยกออกมาจากในกระเป๋าเสื้อ แล้วใส่ไว้ที่คอของลูกน้อย
ทารกน้อยขยับปากอมชมพูนั้นจ๊อบแจ๊บ เหมือนกําลังนอนหลับฝันหวานอยู่
เธอที่นั่งอยู่ข้างเตียงเอื้อมมือไปลูบใบหน้ารูปไข่ของลูกชายเบาๆ ใบหน้าแสดงอารมณ์ปลื้มใจออกมา และ สายตาของเธอก็จดจ้องไปยังใบหน้าของจงจิ่งห้าว ก็ทําให้รู้สึกปวดใจแบบแปลกๆ
ดูมันหลายวันมานี้เขาไม่ค่อยได้นอน เลยทําให้ดูซูบลงไปเยอะ
ถ้าเอามือของเขากับตัวเองมาประกบแล้วเอานิ้วทั้งสิบประสานกัน และจูบลงไปบนหน้าผากของเขาอย่างอ่อน โยน ” ชีวิตนี้คุณคงเสียใจมาเยอะแล้ว ฉันปวดใจมาก แต่หลังจากนี้จนถึงบั้นปลายชีวิต ฉันจะอยู่ข้างคุณเอง”
ชายที่กําลังหลับตาอยู่ เหมือนคิ้วจะกระตุกเล็กน้อย ขนตางอนหนานั้นก็พริ้วไหวไปตามๆกัน แต่ไม่นานก็กลับ
มาเป็นสภาพเดิม ซึ่งแม้แต่หลินซินเหยียนเองก็ไม่ทันได้สังเกตเห็น
เวลามักจะผ่านไปไวเสมอ ฤดูใบไม้ร่วงไปฤดูหนาวก็มาถึง วันเวลาผ่านไปทุกอย่างเปลี่ยน เพื่อนและคนรักที่ จากไปเช่นใด ยังไงทุกคนก็ยังต้องเดินหน้ากันต่อไป เธอแป๊บเดียวก็ถึงช่วงปีใหม่แล้ว
ช่วงเวลาที่ผ่านมาทุกคนต่างใช้ชีวิตกันอย่างเงียบสงบมาก ลูกน้อยจ้อแจ้หัวเราะได้แล้ว ซางหยูท้องโตจนเห็น ได้ชัด เลยต้องพักการเรียนเพื่อเตรียมตัวผดุงครรภ์
ฉินยากับซูจ้านอาศัยอยู่ที่เมืองC เป็นคู่รักที่ใช้ชีวิตด้วยความครื้นเครงและเร่าร้อน ถึงแม้ทั้งสองคนจะไม่มีลูก แต่ต่างคนก็มีงานการที่รุ่งเรือง และใช้ชีวิตในทุกๆวันอย่างคุ้มค่า
และยังมีเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือจวงจื่อจิ๋นกับเฉิงยู่เวินตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน
แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลินซินเหยียนเป็นคนหยิบยกขึ้นมาพูดก่อน เพราะหลายเดือนมานี้เธอดูออกว่าจวงจื่อ นกับเฉิงยู่เป็นสองคนต่างดูแลซึ่งกันและกัน ทั้งคู่ต่างปลอบโยนกัน มาถึงช่วงอายุมีแล้วความรักไม่ใช่เรื่องสําคัญ จะ มีก็แต่ความรู้สึกของการอยู่ด้วยกันที่มั่นคง ทั้งสองต่างเป็นครึ่งหนึ่งของกันและกัน
เธอรู้สึกว่าไม่ควรสิ้นเปลืองวันเวลาผ่านไปวันนึงแล้วก็เสียเวลาไปแล้ววันนึง ไม่จําเป็นที่จะต้องไปสนใจสายตา หรือคําพูดของคนอื่น เพียงแค่ตัวเองมีความสุขก็พอแล้ว
ทั้งสองคนไม่ได้ไปจดทะเบียน และไม่ได้จัดงานแต่งงานแต่อย่างใด เพียงแค่ในคืนวันปีใหม่นั้น ได้เรียกทุกคน มารวมตัวกัน เพื่อกินอาหารได้เฉลิมฉลองในคืนวันปีใหม่
ในขณะที่กินข้าวกันอยู่นั้น ซางหยูก็พูดขึ้นมาว่า ” พี่สะใภ้ ลูกในท้องฉันเป็นลูกสาวนะคะ “
” แล้วเธอจะทําอะไรล่ะ? ” ฉินยาหัวเราะแล้วมองเธอ ” ยังไม่ทันได้คลอดก็จะเลือกลูกเขยให้ลูกสาวตัวเองแล้ว เหรอ ? “
อันที่จริงหลินซินเหยียนมีลูกชายทั้งสองคน
จงเหยียนเฉินโตกว่าหน่อย แต่ลูกน้อยอายุมากกว่าลูกสาวของเธอขวบนึงพอดี
ซางหูคีบเต้าหูกรอบเข้าปาก หัวเราะและพูดว่า ” แล้วจะทําไมล่ะ? ก็พ่อแม่หน้าตาดีขนาดนี้ ลูกชายก็คงไม่ต่าง กันหรอกน่า หอคอยที่ใกล้น้ํามักได้พระจันทร์ก่อน ฉันเป็นคนรวดเร็วทันใจ ใครมือยาวสาวได้ก็สาวเอา เพื่ออีกหน่อย เสียเปรียบคนอื่นขึ้นมาจะทํายังไง”
” โอ้โห โอ้โห “ซูจ้านอิจฉาจนทนไม่ได้ ” นี่ยังไม่คลอดเลย คิดแล้วเรอะ ” เขาเหลือบตาไปมองเสิ่นเผยซวน ” ภรรยานายนี่ดูเค็มกว่านายเยอะเลยนะ”
เสิ่นเผยซวนรินเหล้าให้เขา ” นายรู้ได้ยังไง นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ของการที่เราสองคนคุยกันซะหน่อย”
ซูจ้าน “…..”
เอาเลย!
เขาโดนอาหารหมายัดใส่ปากเฉยเลย ไม่พูดเสียยังดีกว่า
” กินข้าว กินข้าว “ซูจ้านคีบอาหารให้ฉินยา ” เดี๋ยวอีกไม่กี่วันพวกเราจะไปเล่นสกีที่สวิตเซอร์แลนด์ล่ะ”
พวกเขามีความสุขมาก รู้สึกเหมือนได้เดทกันตลอด เดทไปทั้งชีวิต “
ใจร้ายชะมัด ” เสิ่นเผยซวนรู้จักนิสัยซูจ้านดีที่สุด
” ไม่ต้องอิจฉากูก็แล้วกัน “ซูจ้านยิ้ม ” ถึงกับซางหยุว่าการได้สวีทกันมันรสชาติเป็นยังไง? ยังไม่ได้ดื่มด่กับโลก ของคนสองคน ก็มีลูกมาคอยกีดกันแล้ว ไม่เห็นจะสนุกตรงไหนเลย มึงดูกนี้ พวกเราอยากจะไปไหนก็ไป ทั่วทุกมุม โลกไม่ว่าที่ไหนก็รู้สึกอิสระ”
เขาลากเก้าอื้ออกแล้วลุกขึ้น จากนั้นก็หยิบกล่องออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ซึ่งในนั้นมีสร้อยคอเพชรหนึ่งเส้น
” เสี่ยวยา นี่คือของขวัญปีใหม่นะ “จากนั้นเขาก็ใส่สร้อยเพชรลงบนคอของเธอ วันนี้ฉันยาใส่เป็นเสื้อใหม่พรหม
สีดํา ทําให้จีเพชรดูแวววาวจับตามากขึ้น “ขอให้เรา เป็นเกียรติซึ่งกันและกัน มีความสุขจนถึงยามเฒ่า
” ขณะที่พูดเขาก็ทิ้งรอยจูบเบาๆไว้บนแก้มของฉินยา ” พวกคุณอย่าแย่งซีนสิ “ซางหูผายมือ ” วันนี้ตัวเอกคือสองท่านนี้ต่างหาก”
จวงจื่อจิ๋นกับเฉิงยู่เวินยังคงรู้สึกเหนียมอาย เมื่อนั่งอยู่ท่ามกลางหนุ่มสาว เห็นได้ชัดว่ามีท่าทีเคอะเขิน เพราะ พวกเขาทั้งคู่ไม่ใช่หนุ่มสาวอีกแล้ว แต่ก็ยัง……
“เรามาดื่มด้วยกันเถอะค่ะ ” หลินซินเหยียนยกแก้วเหล้าขึ้นมา ส่วนอีกมือหนึ่งของเธอก็จับกับมือของจงจิ่งห้าว อยู่ใต้โต๊ะ เธอฉีกยิ้มขึ้นมาน้อยๆ แล้วมองไปยังจวงจือจุ่นและเฉิงยู่เป็น “หนูหวังว่าแม่กับคุณลุงจะมีสุขภาพแข็งแรง มีอายุที่ยืนยาวนะคะ”
“ชนแก้ว! “
ทั่วบริเวณได้ยินเป็นเสียงชนแก้วที่ไพเราะกังวาลออกมา ทุกคนต่างมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ความเศร้าเริ่มจะ เจือจางไป
ด้านนอกหิมะได้ตกลงมาแล้ว
หน้าหนาวปีนี้ยังไม่เคยหิมะตกเลยสักครั้ง
นี่คงจะเป็นหิมะแรกของปี
“หนูอยากออกไปดูหิมะ “จงเหยียนซีพยายามลากจวงจื่อจิ้นออกไปด้วยความตื่นเต้น เฉิงยู่เป็นก็เข้ามาจูงมือ เธอเช่นกัน ” เดี๋ยวเราพาหนูไปนะ”
ทุกคนต่างลุกฮือฮากัน เพราะตื่นเต้นกับหิมะที่เพิ่งจะตก
เกล็ดหิมะตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย ไม่นานบนยอดของกิ่งไม้ก็ถูกปกคลุมไปด้วยสีขาว
” แล้วก็ออกไปดูด้วยกันสิ ” หลินซินเหยียนเหลือบหางตา แสดงความอบอุ่นทางสายตาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไปที่เขา
จงจิ่งห้าวหยิบเสื้อโค้ดตัวใหญ่บนที่แขวนเสื้อมาใส่ให้เธอ จากนั้นก็ติดกระดุมให้ทีละเม็ดๆ แล้วก็คว้ามืออันนุ่ม นิ่มของเธอให้มาอยู่ในอุ้งมือของเขา
หลินซินเหยียนมองลงไป มือของเขานั้นช่างหนาและอบอุ่น เมื่อถูกของกุมมือแล้ว ก็ทําให้เจ้าตัวรู้สึกอบอุ่นขึ้น มา ทําให้เธอรู้สึกถึงจิตใจที่สงบและมั่นคง
เพราะว่าหิมะตก ทําให้แสงสีในยามราตรีไม่ได้ดูมืดขนาดนั้น
พวกเขาทั้งสองกลุ่มมือแล้วเดินช้าๆอยู่ริมถนน รู้ตัวอีกที่ด้านหลังของพวกเขาทั้งสองก็เป็นรอยเท้าเรียงเป็นทาง ยาวไปเสียแล้ว หิมะสีขาวร่วงลงบนผมของเขา หลินซินเหยียนพูดจาทะเล้นไปว่า ” ผมของคุณขาวน่ะ “
จงจึงห้าวชะงักเท้า ยืนมองเธอท่ามกลางหิมะที่ร่วงหล่นลงมา
หลินซินเหยียนสบตากับเขาด้วยสายตาหยาดเยิ้ม ” ถึงคุณจะมีผมหงอกเต็มหัวจริงๆ ฉันก็ไม่รังเกียจคุณหรอก แต่ก็ยังรักคุณเหมือนเดิมด้วย “
พูดจบก็เขย่งปลายเท้าแล้วประทับรอยจูบลงบนคางเขา เมื่อจุมพิตแล้ว ก็คิดว่าจะผละออก แต่กลับถูกเขาโอบ เอวเอาไว้ ทําให้ร่างกายของทั้งสองแนบชิดกัน
สายตาที่เขาส่งมาดูลึกซึ้ง แสดงถึงความอบอุ่นอย่างไรขีดจํากัด เขาเอาปลายนิ้วเชยใบหน้าที่แดงเรื่องของเธอ ขึ้นมา แล้วประทับริมฝีปากไปที่หน้าผาก ดวงตา ปลายจมูก สุดท้ายก็ประทับลงบนริมฝีปากของเธอ จูบนี้เริ่มหนัก หน่วงขึ้นเรื่อยๆ และมันช่างยาวนานเหลือเกิน
หลินซินเหยียนโอบรอบคอของเขาและจูบตอบอย่างเร่าร้อน ราวกับว่าทั้งสองจะหลอมละลายร่างกายภายใน เข้าด้วยกันอย่างไม่มีทางลดละ!
—–เส้นกั้นเวลา—-
” ผมไม่เคยรักคุณเลยสักครั้ง”
ครบรอบแต่งงานสามปี เมื่อจงเหยียนซีอยากจะบอกกับเจียงโม่หานว่าเธอได้ตั้งท้องลูกของเขา แต่เขากลับซึ่ง ให้ ของขวัญ สุดพิเศษกับเธอเสียก่อน
” ทําไมล่ะ? ” เธอเบิกตา มันหยดน้ําตาได้ก่อตัวรอบดวงตาของเธอในตอนนี้ แต่กลับไม่ไหลออกมา
เพราะเธอไม่อยากจะเชื่อ
ที่เขาเคยบอกว่ารักนั่นคือเรื่องโกหกทั้งหมดใช่ไหม?
ถ้ามันเป็นเรื่องโกหก แล้วเขาทําเพื่ออะไรกันล่ะ?
เจียงโม่หานสาวเท้าเข้ามา เธอถึงกับต้องถอยไปข้างหลัง จนกระทั่งถอยจนสุดทาง เจียงโม่หานก็กุมคางของ เธอเอาไว้” ผมแต่งงานกับคุณ เพราะว่าคุณเป็นคุณหนูในตระกูลที่ร่ํารวยอย่างตระกูลจงยังไงล่ะ ผมแต่งงานกับคุณ ที่ผ่านมาไม่ใช่เพราะความรัก แต่เป็นเพราะความเกลียดต่างหาก!
” เพื่อวันนี้วันเดียว! เขาวางแผนมันมากว่ายี่สิบปีแล้ว!
” เกลียดเหรอ ?” ริมฝีปากของเธอสั่นเครือ เวลาผู้หญิงร้องไห้มักจะร้องออกมาอย่างหมดอาลัยตายอยาก ผู้ หญิงบางคนทําตัวอ่อนหวานนุ่มนวลในคราที่ต้องบอกลากัน แต่ในเวลานี้จงเหยียนซีไม่มีน้ําตาสักหยดให้ฟูมฟาย เมื่อเจอเรื่องเยอะแย่แบบนี้ กลับปกปิดความผิดหวังโดยการไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมา
ได้แต่ยอมรับความเจ็บปวดที่เขามอบให้อย่างเงียบๆ
” ใช่ เกลียด ในสายตาของคุณ ในสายตาของพ่อคุณ ชีวิตคนสามารถใช้เงินซื้อได้ใช่ไหมล่ะ? “ดวงตาของเขา ดูนิ่งสนิท เย็นชาและให้ความรู้สึกที่มแทงใจ
จงเหยียนซีไม่เข้าใจที่เขาพูด ” คุณกําลังจะพูดอะไร?”
คําพูดของเขาหมายความว่ายังไงกันแน่? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพ่อของเธอ?
เจียงโม่หานปล่อยเธอ แล้วยื่นใบยาไว้ตรงหน้า ” เซ็นซะ “
อ่านนิยาย เรื่องนี้ ก่อนใคร ที่ novel00.com