เขาควักแหวนวงนั้นออกมา เพชรยังคงส่องประกายแวววาวอยู่เหมือนเดิม ยังคงมีรูปลักษณ์แบบเดิมอยู่ แต่คนที่เคยครอบครองมันไม่อยู่อีกแล้ว
เขาเงยหน้าขึ้นไปกระดกเหล้าที่อยู่ในแก้วเสร็จ ก็วางแก้วเหล้าลงไปอย่างแรง กันแก้ววางลงไปบนเสียงดังปังออกมา
ปีนั้นเพื่อที่จะขอเธอแต่งงาน เขาตั้งใจสั่งทำมโดยเฉพาะ นี่สำหรับเธอแล้วไม่ได้เป็นแหวนที่ล้ำค่ที่สุด เธอเกิดมาจากตระกูลที่ร่ำรวยมากำเนิดอยู่แล้ว เครื่องประดับล้ำค่ามีไม่น้อยเลย ข้าว
ของที่มีมูลค่าแพงเองก็ไม่น้อยเลยเหมือนกัน
แต่หลังจากที่สวมแหวนวงนี้แล้ว เธอก็ไม่เคยถอดอีกเลย
เธอพูดว่า “โม่หาน ฉันชอบมาก”
ตอนนั้นใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความสุข
“ฉันจะสวมมันไปทั้งชีวิตเลย” เธอโอบลำคอของเขา พลางเอ่ยออกมา “โม่หาน ฉันรักคุณ ฉันเชื่อใจคุณ ยอมทุ่มเททั้งหมดเพื่อคุณ”
เจียงโม่หานมองออกไปยังยิ้มที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาแต่ก็งดงามของเธอ พลางเอ่ยถามออกไป “ทำไม?”
จงเหยียนซีแอบอิงอยู่ในอมกอดของเขา “การรักกันก็จะต้องเชื่อใจซึ่งกันและกัน ทุ่มเทออกไปให้กันและกันไม่ใช่เหรอ?”เพราะว่าพ่อแม่ก็เป็นอย่างนี้
ตอนนั้นเขาดูถูกเธออย่างมาก คิดแค่เพียงว่าเธอเป็นดอกไม่ที่อยู่ในเรือนกระจก ไม่รู้จักความทุกข์ทรมานของมนุษย์ และยิ่งไม่เข้าใจจิตใจคนเลย บนโลกนี้จะไปมีความรักที่มอบให้กับคนอื่น
ไปหมดโดยไม่เหลือไว้รักตัวเองเลยสักนิดได้ยังไง?
พ่อแม่ของเขาก็เคยรักกัน แต่สุดท้ายก็ได้กลายเป็นยังไงล่ะ?
เปลี่ยนใจ ทอดทิ้ง หย่าร้าง…
เขาไม่อยากเชื่อในความรักของเธอ ไม่เชื่อว่าในโลกนี้จะมีความรักแบบที่เธอพูดออกมาเขาไม่เชื่อ!
“แต่หลังจากที่คุณได้จากไป ทำไมผมถึงได้เสียใจขนาดนี้ เห็นของที่คุณเหลือทิ้งเอาไว้ดูต่างหน้า ผมก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจขึ้นมาไม่หยุด?”
เขากำแก้วในมือแน่น แก้วแทบจะถูกบีบจนแตกละเอียด!
หวืดๆ……
โทรศัพท์ในกระเป๋าจู่ๆก็ได้สั่นขึ้นมา เขาไม่ได้ไปดู เพียงแค่ใช้มือข้างหนึ่งเท้าใบหน้าด้านข้างเอาไว้ พอที่จะมองเห็นดวงตาของถูกหมอกเข้าบดบังได้รางๆ
โทรศัพท์ดังแล้วหยุดไปอีกครั้ง หยุดไปแล้วก็ได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง มีท่าทีที่แบบว่าถ้าไม่รับก็จะไม่ยอมรามือ
เขาควักโทรศัพท์ออกมา มองเห็นสายที่โทรเข้ามาปรากฎอยู่ที่หน้าจอ เขาก็ได้กดวางสายไปทันที เพียงไม่นานมันก็ได้สั่นขึ้นมาอีกครั้ง
เขาเก็บระงับอารณ์เอาไว้แล้วกดรับ น้ำเสียงฟังดูเย็นชาเป็นอย่างมาก “มีธุระ?”
“พ่อของแกป่วยหนัก กลับมาเยี่ยมเขาสักหน่อยสิ” เสียงของผู้หญิงที่อยู่ทางนั้นได้พูดออกมาอย่างระมัดระวังมาก ถึงขนาดที่ฟังดูเหมือนขอร้องอยู่บ้าง
เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพียงแต่สีหน้าที่แสดงออกมาบนใบหน้าได้มีดครึ้มและเยือกเย็นมากขึ้น
“ไม่ว่าจะพูดยังไงเขาก็เป็นพ่อของแกนะ กลับมาเยี่ยมกหน่อยเถอะ ถ้าเกิด…แล้วนายจะเสียใจภายหลัง”
เสียใจภายหลัง?
มุมปากของเขาแสยะยิ้มเยาะหยันออกมา แล้ววางสายไป พูดถึงเรื่องเสียใจภายหลังขึ้นมาแล้ว เขาเองก็มีเรื่องที่จะพูดกับพ่อของเขาอยู่เหมือนกัน
เขาต่อสายไปหาคนขับรถ ให้เขาเตรียมรถ เขาต้องการจะออกไปข้างนอก ทางฝั่งคนขับรถก็ได้ตอบรับมา
เขาวางสายไป ลุกยืนขึ้นเดินไปที่หน้าโซฟาแล้วหยิบเสื้อคลุมที่อยู่ข้างบนขึ้นมาสวมไว้บนร่าง แล้วก้าวเดินออกจากบ้านไป
คนขับรถได้รออยู่ที่หน้าประตูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาเดินเข้ามา คนขับรถก็เปิดประตูเบาะหลัง แล้วเขาก็โน้มตัวเข้าไปนั่ง
คนขับรถปิดประตูรถเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบเดินไปยังที่นั่งคนขับข้างหน้า เพียงไม่นานก็ขับออกไป
เขานั่งนวดคลึงตรงระหว่างคิ้วอยู่บนที่นั่งเบาะหลังเพื่อคลายอาการแฮังค์
ผ่านไปได้สักพักนึงรถก็ได้จอด คนขับรถก็เข้ามาเปิดประตูรถให้เขา เขาโน้มตัวลงจากรถไป “เอากุญแจรถมาให้ฉัน เดี๋ยวฉันจะกลับเอง นายเลิกงานไปได้เลย”
คนขับรถยื่นกุญแจรถออกไป เขายื่นมือออกไปรับไว้ ยืนอยู่ที่ชั้นล่างเงยหน้ามองขึ้นไป จากนั้นก็ได้เดินเข้าไปด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์
เดินมาถึงหน้าประตูเขาก็ยกมือขึ้นคาะประตู เพียงไม่นานประตูก็ได้เปิดออกมาจากด้านใน เป็นชิวหมิงเยี่ยนแม่เลี้ยงของเขานั่นเอง
“รีบเข้ามา” เธอรีบเบี่ยงตัวออกไปข้างๆ หลีกทางให้เขา
เจียงโม่หานเดินเข้าไปด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ เอ่ยออกไปด้วยความเยือกเย็นว่า “ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขา ไม่อยากให้มีใครมารบกวน”
บนใบหน้าของชิวหมิงเยี่ยนนั้นมีอาการข่มกสั้นอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่เล็กน้อย แล้วเอ่ยออกไปด้วยท่าทางกระดากอาย “ได้ ไม่มีใครเข้าไปรบกวนพวกเธอสองคนพ่อลูกคุยกันแน่”
เจียงม่หานเดินเข้าไปยังห้อง
เปิดประตูไปก็เห็นพ่อนอนอยู่บนเตียง เขาเดินเข้ามาแล้วก็ปิดประตูลง ลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งข้างเตียง
“แกมาแล้ว” ในฐานะที่เป็นพ่อเจอลูกชายแล้ว ไม่มีความน่าเกรงขามในฐานะคนเป็นพ่อ และก็ไม่มีความเป็นห่วงกันแบบคนในครอบครัวด้วยเช่นกัน สิ่งที่มีกลับเหมือนกับการทักทายกันระหว่างคนที่รู้จักกันเท่านั้น
เมื่อปีที่แล้วเขาเป็นโรคหลอดเลือดในสมองทำให้ร่างกายครึ่งห่อนล่างเป็นอัมพาตไป หลังจากนั้นก็นอนอยู่บนเตียงมาโดยตลอด
เจียงโม่หานมาเยี่ยมเขาน้อยครั้งมาก
“เรียกผมมามีธุระอะไรหรือเปล่า?” สีหน้าที่แสดงออกไปของเขาเรียบนิ่งมาก ไม่มีความรู้สึกใดๆแสดงออกมาเลย
เขาไม่มาก็รู้สถานการณ์ของเขาดี มีชีวิตอยู่อีกไม่กี่ปีมันไม่มีปัญหาหรอก จู่ๆชิวหมิงเยี่ยนก็โทรมาบอกให้เขามา ไม่ฟันมีเรื่องอะไรอยากจะขอเขาอีกแน่
สวนจะเป็นเรื่องอะไรนั้น มันแน่นอนอยู่แล้วว่าจะต้องเป็นเรื่องของลูกชายของสองสามีภรรยาคู่นี้ องชายต่างแม่ของเขา
ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของสองสามีภรรยาคู่นี้ พราะว่าถูกตามใจพะเน้พะนอจนสุดยอดมาก เรียนก็ไม่ได้ดี ไม่เข้าเรียนแล้วก็ได้หยุดเรียนออกมาเข้าแก๊งกับพวกนักเลง
ไม่มีงานเป็นจริงเป็นจัง ตลอดทั้งวันก็ไม่ชอบอยู่บ้านด้วย
“โม่หาน…. เจียงจวิ้นอีกอักอยากจะพูดแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา ไม่ได้มีความน่าเกรงขามของคนเป็นพ่อคนหนึ่งเลย “กมีแค่น้องชายคนเดียว แกทนใจแข็งเห็นเขาไม่มีแม้แต่งานเลยสักงานนึงเลยได้เหรอ?”
เจียงโม่หานแสดงสีหน้าเรียบเฉยออกไป “แม่ของผมคลอดออกมาแค่ผมคนเดียว”
สีหน้าของเจียงจวิ้นดูย่ำาแย่ไปเลิกน้อย แต่เพื่ออนาคตของลูกชายคนเล็ก ก็ได้ยิ้มออกมา “โม่หาน ฉันกับแม่ของแกหย่ากันเป็นเพราะว่าพวกเราไม่ได้รักกันแล้ว…
“ผมรู้ คุณรักภรรยาคนปัจจุบันของคุณ” คำพูดของเขายังไม่ทันได้พูดออกมาจนจบ ก็ได้ถูกเจียงโม่หานเอ่ยขัดออกมา
เขามองเจียงจวิ้น ในดวงตาได้ซ่อนความรู้สึกที่ไม่อาจสังเกตเห็นได้ง่ายๆเอาไว้ “ในเมื่อไม่ใช่เพราะว่ารัก แล้วทำไมตอนแรกถึงต้องแต่งงานด้วยล่ะ?”
ไม่รอให้เจียงจวิ้นให้คำตอบเขา เขาก็ได้เอ่ยออกไปอีกว่า “เมื่อตอนนั้นพวกคุณมีครอบครัวที่เหมือนกัน จนเหมือนกันทั้งคู่ ใช้คำของในตอนนี้พูดก็คือเป็นคู่ที่เหมาะสมกันทุกด้าน คุณก็เลย
แต่งานกับท่าน ถ้าคุณไม่ออกมา บางที่พวกคุณคงจะได้ใช้วิตกันอยู่จนแก่เฒ่า แต่คุณก็ได้ออกมา คุณได้มีความสำเร็จเล็กๆน้อยๆ ก็ไม่มีความเหมาะสมกันอีกแล้ว เพราะว่าคุณรวยกว่าท่านแล้ว
คุณดูถูกว่าท่านเป็นคนบ้านนอก ไม่รู้จักแต่งตัว ไม่มีการศึกษา คุณพามาอยู่ข้างๆแล้วไม่มีหน้ามีตา คุณก็เลยไม่รักท่านแล้ว”
“แล้วคุณเคยคิดบ้างหรือเปล่า? ตอนที่คุณวิ่งวุนทำงานไปทั่วอยู่ที่ข้างนอก เป็นใครที่เลี้ยงดูลูกชายให้คุณ แสดงความกตัญญูกับพ่อแม่ของคุณ? ตอนที่คุณไม่อยู่ ท่านต้องแบกรับภาระหนัก
ทั้งหมดภายในบ้านเอาไว้เพียงคนเดียว แบกความรับผิดชอบที่เดิมที่แล้วพ่อคนหนึ่งควรจะเป็นแบกมันเอาไว้ คุณบอกไปแค่ว่าไม่รักแล้วก็ทอดทิ้งท่านไป”
สีหน้าที่แสดงออกมาและน้ำเสียงของเจียงโม่หานเยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ “คุณไม่รักท่าน เพราะว่าท่านไม่มีผิวที่เรียบเนียนแล้ว ไม่มีร่างกายที่ดูงดงามแล้ว และก็ไม่มีใบหน้าที่เยาวัวัยเหมือนกับ
ตอนที่แต่งงานกับคุณ บนใบหน้าของท่านไม่มีร่องรอยของความเยาวัวัย มิ่อหยาบกระด้าง ใบหน้าก็ดูแก่แล้ว คุณก็เลยไม่รักแล้ว”
“เรื่องที่ผ่านมานานแล้ว ทำไมต้องเก็บเอาไปใส่ใจอีก การคิดมากอยู่ตลอดเวลามันทำให้แกมีความสุขเหรอ?” เจียงจวิ้นขมวดคิ้วออกมา
เจียงโม่หานยิ้มเย็นชาออกไป “ความสุข? คุณพ่อคุณบอกผมมาหน่อยว่าความสุขมันเป็นความรู้สึกยังไง?”
เจียงจวิ้นเงียบไม่พูดอะไร
“ทำไมไม่พูด?”
เจียงโม่หานเยาะหยันออกไป “ไม่มีอะไรจะพูดใช่มั้ยล่ะ?”
“เรื่องในอดีต แกก็อย่าไปจับเอาไว้ไม่ยอมปล่อยสิ มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับแกเลย” เจียงจวิ้นพยายามสั่งสอนออกมา ให้เขาได้ปล่อยวางจากเรื่องในอดีต
“ถ้าท่านไม่ตาย ผมก็จะไม่จงเกลียดจงชังคุณหรอก แต่เพราะว่าคุณ ท่านถึงได้ตาย!” ถ้าเขาไม่หย่ากับท่าน ท่านก็ไม่มีทางไปทำงานเป็นพี่เลี้ยงให้ใคร และก็จะไม่ตาย!
ขอเพียงแค่ให้เวลาเขาอีกสักหน่อย รอเขาโตขึ้น เขาจะต้องดูแลท่านอย่างแน่นอน
แต่ว่าท่านกลับไม่มีโอกาสได้เห็นภาพเขาโตขึ้น!
“หลังจากที่แต่งงานกับคุณไป ท่านก็ได้ทำหน้าที่ทุกอย่างที่ภรรยาคนหนึ่งควรจะทำ สรุปแล้วท่านทำอะไรผิดกันแน่? ถ้าคุณไม่รัก ทำไมตอนแรกถึงได้แต่งงานกับท่าน? ให้ช่วงเวลาสวนใหญ่
ของท่านต้องถูกปล่อยผ่านไปอย่างไร้ค่าไปแค่เพียงคนเดียว?”
กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม – ตอนที่ 886 ความสุขมันเป็นยังไง
Posted by ? Views, Released on August 10, 2021
, กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม
Author: จาวฉายจิ้นเป่า Artist: จาวฉายจิ้นเป่า
เรื่องย่อ กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม
กาลครั้งหนึ่ง หลินซินเหยียนท้องลูกของชายแปลกหน้า เธอตั้งครรภ์ แต่งงานกับชายคู่หมั้นคู่หมายตั้งแต่วัยเด็กเดิมคิดว่านี่เป็นแค่การค้าที่ต่างฝ่ายต่างมีอุบาย แต่กลับพัวพันถึงความรู้สึกที่ลึกซึ้งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในชีวิตสมรสนี้ตอนตั้งครรภ์สิบเดือนใกล้คลอด จงจิ่งห้าวส่งใบหย่ามาใบหนึ่ง เธอถึงได้ตาสว่างขึ้นมาทันใดต่อมาเขาพูดอีกว่า คุณภรรยากลับมาเถอะ คนที่ผมรักมาโดยตลอดคือคุณครับ
นิยายเสพติดรักภรรยาของผม