มองเห็นจงจิ่งห้าว เหอรุ่ยหลินแทบจะวิ่งเข้าไป อ้าแขนจะกอดเขา
จงจิ่งห้าวขยับตัว เธอเร็วมาก พุ่งเข้ากอดอากาศและไม่ได้หยุดฝีเท้า สะดุดสองสามก้าว ข้อเท้าพลิก
“อ๊ะ” เสียงดัง ขาอ่อน ล้มลงไป
กวนจิ้งยืนอยู่ข้างๆ มีโอกาสรับเธอ แต่ไม่ยื่นมือ
เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ได้เป็นคนของตระกูลเหอ เธอยังเอาใจกวนจิ้งบ้าง อย่างไรก็ตามกวนจิ้งเป็นคนที่จงจิ่งห้าวเชื่อใจที่สุด เธอก็ยอมเสียเวลาบนตัวกวนจิ้ง
แต่หลังจากที่เข้าตระกูลเหอ กลายเป็นคุณหนูตระกูลเหอ ทำหน้าทำตาต่อหน้ากวนจิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในใจของกวนจิ้งก็ไม่สบายใจ ไม่ชอบเธอเหมือนเมื่อก่อน
ตอนนี้เธอเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่แล้ว
เขาเป็นผู้ช่วย ไม่ใช่คนในโลกเดียวกัน
เหอรุ่ยหลินล้มลงบนพื้น หัวเข่าถลอก ผมที่ตั้งใจทำก็ยุ่งแล้ว ท่าทางดูแย่
เธอเงยหน้ามองจงจิ่งห้าว “อะห้าว”
เธอรับไม่ได้กับการเย็นชาและมองข้ามของเขา
เขาเคยรักเธอ
ตอนนี้ท่าทางของเขา ทำให้เธอมีความรู้สึกผิดหวังเหมือนตกลงจากเมฆลงสู่นรก
เธอรับไม่ได้
มองผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างสั่นเทา “อะห้าว”
น้ำตาคลอในดวงตาของเธอ น้อยใจ เอาใจ
จงจิ่งห้าวเดินด้านหน้าของเธอ ย่อลงมา ยื่นมือไปปัดเส้นผมยุ่งที่บังใบหน้าของเธอ
มองใบหน้าของเธอดีๆ เหมือนจะทะลุใบหน้าของเธอ เข้าไปดูหัวใจของเธอ
“อะห้าว”
“อย่าเรียกฉัน” เขาขัดจังหวะสิ่งที่เหอรุ่ยหลินเรียกเขา
เหอรุ่ยหลินตะลึง รับความจริงไม่ได้เล็กน้อย
“เธอปิดบังความลับกับฉันกี่เรื่องกันแน่?” เสียงของเขาต่ำมาก เหมือนกำลังระงับอะไร
สมองของเหอรุ่ยหลินกลับไปกลับมา เหมือนหนังกำลังเล่นเฟรมต่อเฟรม กำลังคิดความหมายของจงจิ่งห้าว
ทันใดนั้นรูม่านตาของเธอก็หดลงอย่างรวดเร็ว เขาได้ยินการสนทนาของเธอกับหลินซินเหยียน?
“ฉันเปล่า” เธอรีบปฏิเสธ
“เปล่าอะไร?” จงจิ่งห้าวยิ้มเย็น
เมื่อก่อนเธอเคยช่วยเขา มีความเชื่อใจเธอ พบความคิดเล็กๆ ของเธอก็ไม่ได้ไปสืบหา หลายเรื่องเขาก็ไม่อยากไปสืบหา
มีความรู้สึกเล็กน้อย
แต่เธอมักจะฟื้นฟูความรู้ของเขาที่มีเกี่ยวกับเธอได้เสมอ
กำกับด้วยตัวเองถ่ายทำด้วยตัวเอง แม้แต่อุบัติเหตุของหลินซินเหยียนเมื่อปีนั้น ก็เป็นลายมือของเธอ
เมื่อก่อนเขาดูถูกเธอแล้ว คิดว่าเธอมีเพียงความคิดเล็กๆ คิดไม่ถึงว่าที่แท้จิตใจโหดเหี้ยมขนาดนี้
“ฉันไม่ ฉันไม่เคยทำร้ายหลินซินเหยียน เธอ เธอพูดจาเหลวไหล” น้ำตาของเหอรุ่ยหลินนองหน้า ยื่นมือไปจับแขนของจงจิ่งห้าว “อะห้าว นายต้องเชื่อฉัน”
เขาแค่หยุดสายตาไว้บนใบหน้าของเธอสองสามวินาที ริมฝีปากหนาวเย็นนอนเป็นเส้นตรง ไม่เปิดปากพูด แต่แกะมือของเธอออก
เหอรุ่ยหลินไม่อยากคลายออก แต่ว่าจงจิ่งห้าวแรงเยอะมาก เธอแทบจะไม่มีพื้นที่ให้ดิ้นรน ถูกแกะออกง่ายมาก
“อะห้าว” เหอรุ่ยหลินกอดขาของเขา “ฉันเปล่าจริงๆ เชื่อฉันสิ ถ้าผิด ก็เพราะฉันรักนาย รักนายก็ผิดเหรอ?”
เฮอะๆ
จงจิ่งห้าวหัวเราะเย็นชา เหมือนกำลังหัวเราะเยาะตัวเอง เสียงเบามาก “เธอไม่ผิด ฉันผิดเอง”
ไม่ควรทำหน้าที่เป็นความรัก
“ไม่ใช่ ไม่ใช่” เหอรุ่ยหลินส่ายหัวอย่างเอาเป็นเอาตาย “นายไม่ผิด ฉันก็ไม่ผิด คนที่ผิดคือหล่อน!”
เธอหันหน้าด้วยความโกรธแล้วชี้หลินซินเหยียนที่กำลังเดินลงจากขั้นบันได “หล่อนนั่นแหละ หล่อนเป็นดอกทอง!”
“เธอนั่นแหละ……”
ฉินยาจะเถียงกลับ ถูกหลินซินเหยียนห้ามไว้ ไม่จำเป็นต้องขัดแย้งทางวาจา
ตอนนี้ที่หล่อนกลัวที่สุดก็คือกลัวเสียจงจิ่งห้าวไป
ตีงูต้องตีที่เจ็ดนิ้ว จงจิ่งห้าวเป็นเจ็ดนิ้วของหล่อน
หลินซินเหยียนสวมรองเท้าส้นสูง เดินลงจากขั้นบันได เดินไปทางจงจิ่งห้าวทีละก้าว เธอยื่นมือไปปัดผมข้างหู ขยิบตา ยื่นมือไปวางบนไหล่ของจงจิ่งห้าว เรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “สามี”
หลินซินเหยียนรู้สึกอยากอ้วก ชื่อเรียกนี้ไม่น่าฟังจริงๆ
ยังไงก็ยังไม่ได้ทำเอกสารการหย่า เธอเรียกแบบนี้ก็ไม่ถือว่าเรียกมั่ว
ที่สำคัญคือสามารถทำให้เหอรุ่ยหลินโกรธ
ดูสิ เหอรุ่ยหลินโกรธจนหน้าแดง เหมือนกุ้งที่สุกแล้ว
จงจิ่งห้าวหลุบตาลงเล็กน้อย มองแขนของหลินซินเหยียนที่วางอยู่บนไหล่ของตัวเอง แขนของเธอเรียวยาว ผิวขาว ใกล้เกินไปเขาเห็นขนอ่อนๆ บนแขนเธอ
เป็นครั้งแรก ที่หลินซินเหยียนเป็นคนที่เข้าใกล้เขาก่อน
และยังเรียกอย่างใกล้ชิดขนาดนี้
ในใจของเขาก็มีความสุขไม่น้อย
ไม่ปฏิเสธที่หลินซินเหยียนเรียกเขาแบบนี้
เขารู้ ว่าเธอตั้งใจ แต่ก็ไม่ได้ผลักออก
ให้เธอพึ่งพิงตัวเอง
“แกปิดทองลงหน้าตัวเองให้น้อยๆ หน่อย!” เหอรุ่ยหลินโกรธกับคำว่าสามีของหลินซินเหยียน
ลุกขึ้นจะไปตบหลินซินเหยียน “แกมันผู้หญิงดอกทอง ห้ามแตะตัวอะห้าว”
มือของเธอกำลังจะลง ก็ถูกจงจิ่งห้าวบีบข้อมือไว้
สบตากัน เหอรุ่ยหลินชะงักกับสายตาเย็นชาของเขา
เธอไม่เคยเห็นอารมณ์ที่เย็นชาเช่นนี้ในสายตาของจงจิ่งห้าวมาก่อน
“ฉัน……”
“กวนจิ้ง” จงจิ่งห้าวสะบัดมือของเธอออก
กวนจิ้งเข้าใจ เข้าไปดึงเธอไว้
เหอรุ่ยหลินยอมได้อย่างไรเมื่อถูกกวนจิ้งดึงไว้ มองหลินซินเหยียนและจงจิ่งห้าวใกล้ชิดกันขนาดนี้
“กวนจิ้ง นายปล่อยฉันนะ!” เหอรุ่ยหลินไม่สนอะไรแล้ว คิดแต่จะแกะมือของกวนจิ้ง ไปดึงหลินซินเหยียนออก
หล่อนห้ามแตะตัวเขา!
จงจิ่งห้าวเป็นของเธอ
ใครก็แตะต้องไม่ได้!
“คุณเหอ ไม่เอาหน้าแล้วเหรอครับ?” กวนจิ้งขมวดคิ้ว
“กวนจิ้ง นายเป็นใคร? ทำอะไรฉันได้?” เธอตะคอก
จงจิ่งห้าวไม่อยากไปยุ่งเกี่ยว สั่งนิ่งๆ “นายจัดการ” แล้วดึงหลินซินเหยียนเดินไป
“อะห้าว” จงจิ่งห้าวยะไป เหอรุ่ยหลินกระวนกระวายแล้ว
ต่อยตีกวนจิ้ง “ปล่อยฉัน รีบปล่อยฉัน”
แรงในมือของกวนจิ้งไม่อ่อนลงแม้แต่นิด ไม่แม้แต่ขยับ “คุณเหอใจเย็นๆ ครับ คุณกับประธานจงถอนหมั้นกัน”
“ความสัมพันธ์ของฉันกับจงจิ่งห้าว นายรู้อะไร ต่อให้ถอนหมั้น เขาก็รักฉัน”
กวนจิ้งรู้ว่าเธอน่าขำ
รักเธอ?
เขาเป็นคนนอก ยังดูออกว่าหลายปีนี้จงจิ่งห้าวไม่เคยรักเธอ
กับเธอก็แค่ความรับผิดชอบในคืนนั้น และความรู้สึกที่สมัยเด็กเธอเคยช่วยเขา
รัก?
อย่าพูดไร้สาระแล้ว
“บ้า”
“นายนั่นแหละบ้า นายเป็นหมา หมาเฝ้าประตูที่ร้องเป็นที่อะห้าวเลี้ยงไว้ข้างตัว!”
สีหน้าของกวนจิ้งหมองลง หัวเราะเสียงเย็น “ใช่ จะสูงส่งเท่าเธอได้ยังไง คุณหนูตระกูลเหอ!”
กวนจิ้งเน้นคำว่าคุณหนูหนักๆ
คนคนหนึ่ง เพราะสถานะเปลี่ยนไป แม้แต่นิสัยยังเปลี่ยนได้อย่างไร?
ไม่ใช่ เธอเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว เพียงแค่เมื่อก่อนปิดบังตัวตนที่แท้จริงของตัวเองเท่านั้น
ตอนนี้ก็แค่เผยสันดาน
ดังสุภาษิตที่กล่าวไว้ สันดอนขุดง่าย สันดานแก้ยาก
เห็นจงจิ่งห้าวดึงหลินซินเหยียนขึ้นรถ กวนจิ้งปล่อยเหอรุ่ยหลิน
เหลือบมองเธออย่างเยือกเย็น
“ประธานจงไม่มีทางชอบผู้หญิงแบบเธอ”
เหอรุ่ยหลินโกรธจนตัวสั่น เห็นว่ากวนจิ้งจะไป พุ่งเข้าไปกัดลงบนมือของกวนจิ้ง
กวนจิ้งทำเสียงเบื่อหน่าย
เจ็บ
ยกขาเตะผู้หญิงบ้าคนนี้ “เธอนั่นแหละหมาที่กัดคนเป็น”
กวนจิ้งมองหลังมือที่ถูกกัดจนเลือดออก ถุยน้ำลาย ผู้หญิงที่ถูกเขาเตะลงบนพื้น
หมุนตัวเดินจากไป
เหอรุ่ยหลินคลานอยู่บนพื้น กำหมัดแน่น คำดูถูกวันนี้ เธอต้องได้มันกลับมา
“ปล่อยฉันนะ” หลินซินเหยียนที่ถูกลากมากระวนกระวายแล้ว เมื่อกี้เธอแค่จงใจกระตุ้นเหอรุ่ยหลิน
จงจิ่งห้าวไม่ตอบ แค่พยายามยัดเธอเข้ารถ
หลินซินเหยียนไม่สงบ
จงจิ่งห้าวจับมือที่ดิ้นไม่มาของเธอ “เงียบหน่อย”
หลินซินเหยียนขยับตัว อยากดิ้นออกจากการจับกุมของเขา “นายจะพาฉันไปไหน?”