หนานเฉิงก็ถูกคำพูดของหลี่เฉิงเจี๋ยสร้างแรงกดดันให้ จงเหยียนซีไม่ได้ฆ่าตัวตายหรือ
“ประธานเจียง…”
“ตามผมมา”
หนานเฉิงกำลังจะเอ่ยว่าคนคนนี้อาจจะพูดจาไร้สาระ สุดท้ายกลับถูกเจียงโม่หานตัดบท เขาก้าวเท้าเดินกลับไปในลิฟต์โดยสารอย่าง
รวดเร็ว หลี่เฉิงเจี๋ยเหลือบมองหนานเฉิงครู่หนึ่งแล้วรีบเดินตามเจียงโม่หานเข้าไปในลิฟต์โดยสาร
หนานเฉิงรู้สึกตัวขึ้นมาก็เดินตามเข้าไป เขาก็อยากรู้เช่นกันว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น
เมื่อประตูลิฟต์โดยสารปิดลง หนานเฉิงก็ถามประโยคหนึ่งว่า “คุณเป็นใครกัน”
รู้เรื่องของจงเหยี่ยนซี้ได้อย่างไร? อีกทั้งเขารู้ได้อย่างไรว่าจงเหยียนซีไม่ได้ฆ่าตัวตาย?
เขาเป็นใคร มีวัตถุประสงค์อะไร
ทำไมจู่ๆถึงได้มาหาถึงที่?
หลี่เฉิงเจี๋ยมองเขา “ผมเป็นเพื่อนของคุณหลิง ไม่สิ กล่าวให้ถูกต้องก็คือพวกเราเป็นพันธมิตรกัน หลิงเวยทำงานในบริษัทเดียวกันกับคุณ
คุณน่าจะรู้จักนะครับ?”
หนานเฉิงหรี่ตาลง “คุณรู้จักหลิงเวย?”
เขามีลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา จู่ๆหลิงเวยก็เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม ทั้งยังถูกควบคุมตัวเอาไว้แล้ว เขากับเจียงโม่หานเพิ่งจะรู้ จึงยัง
ไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไรกันแน่ และกำลังวางแผ่นจะไปสถานีตำรวจเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์
สุดท้ายผู้ชายคนนี้กลับมาหาถึง ม่เพียงรู้จักหลิงเวย แต่ยังมีความเกี่ยวข้องกับจงเหยียนซีด้วย
ด้านใน…
เสียงติ้งดังขึ้นเมื่อลิฟต์โดยสารหยุดลง เจียงโม่หานก้าวออกไป
ในใจของเขาก็เหมือนกับหนานเฉิง
ผู้ชายคนนี้รู้เบื้องหลังอะไร?
ในเรื่องนี้เขามีบทบาทอะไรกัน เรื่องหนึ่งปีก่อนหน้านี้มีความเกี่ยวข้องกับหลิงเวยหรือไม่
สีหน้าของเขาตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ผลักประตูห้องทำงานให้เปีดออก “หนานเฉิง คุณไปทำงานก่อนเถอะ”
หนานเฉิงยืนนิ่ง หยุดเท้าอยู่ที่หน้าประตู เขาก็อยากรู้เช่นกันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นท่าทีของเจียงโม่หานก็รู้ว่าตอนนี้เขาอาจจะ
ไม่อยากเผชิญหน้ากับผู้คนมากเกินไป จึงปิดประตูลง
“พูดมาสิ” เจียงโม่หานหมุนตัวหันมามองหลี่เฉิงเจี๋ย
หลี่เฉิงเจี๋ยหยิบแฟลชไดร์ฟออกมาจากในกระเป๋า “ก่อนที่จะพูด ผมอยากให้ประธานเจียงดูสิ่งนี้ก่อน”
เขาส่งแฟลชไดร์ฟให้ นี่ไม่ใช่เขตอิทธิพลของเขา เขาจะไม่ไปแตะต้องอุปกรณ์ทั้งหมดที่นี่ตามใจชอบ
เจียงโม่หานไม่ได้รับเอาไว้ ในใจก็คาดเดาว่านี่อาจจะเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เขาพูด
เพียงแต่ว่า…
เขาอยากรู้ แต่ก็กลัว
“นี่คืออะไร”
“คุณดูก็รู้แล้ว” หลี่เฉิงเจี่ยเอ่ย
หลี่เฉิงเจี๋ยผ่อนคลายตัวเองเล็กน้อยแล้วยื่นมือไปรับเอาว้ ก่อนจะเดินไปที่หน้าโต๊ะทำงาน เสียบแฟลชไตร์ฟเข้ากับช่องเสียบ หลังจาก
นั้นก็กดเม้าส์เปิด
ในไม่ช้า หน้าจอก็แสดงภาพเหตุการณ์ขึ้นมา
เมื่อเห็นภาพที่แสดงบนหน้าจอ คิ้วของเจียงม่หานก็กระตุกเล็กน้อย เขานึกว่าจะเป็นสิ่งของเกี่ยวกับจงเหยียนซี สุดท้ายข้างในภาพนั้น
กลับเป็นหลิงเวยกับหลินลุ่ยซี
เขาเหลือบตาขึ้นมอง
“ประธานเจียงอย่าเพิ่งรีบร้อน ดูให้จบเสียก่อน มีอะไรที่ไม่เข้าใจ ผมจะตอบคำถามคุณ” หลี่เฉิงเจี๋ยชี้ไปที่เก้าอี้ที่อยู่หน้าโต๊ะ “ผม
สามารถนั่งได้ไหม”
เจียงโม่หานตอบอืมเรียบๆครั้งหนึ่ง สายตากลับไปอยู่ที่หน้าจอแสดงผลอีกครั้ง
ภาพเหตุการณ์นี้คือจงเหยียนซีถูกโยนลงไป หลี่เฉิงเจี๋ยไม่ได้ถ่ายคนที่อยู่ในรถ เพราะว่าคนที่อยู่ในรถเป็นคนของเขา เขาจงใจที่จะไม่
ถ่ายให้เห็นด้านใน นี่ก็คือสิ่งที่ตกลงกับจงเหยียนซีก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว
เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดี
ในไม่ช้าเจียงโม่หานก็เห็นภาพซากปรักหักพัง นี่คือสถานที่ที่จงเหยียนซีฆ่าตัวตาย
เขาก็เคยไปยังสถานที่เกิดเหตุหลังจากที่เรื่องเกิดขึ้น
ตอนนี้เองที่มีเสียงของหลิงเวยดังออกมา “รู้ไหมว่าเหตุใดสถานที่แห่งนี้จึงถูกเผาจนกลายเป็นแบบนี้”
เจียงโม่หานหรี่ตาลง
เขาจ้องมองภาพบนหน้าจอ
“เป็นเพราะมีผู้หญิงคนหนึ่งแย่งผู้ชายของฉันไป ฉันจึงเผาเธอที่นี่”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ เขาก็ล้มลงบนเก้าอี้
มือที่วางอยู่บนที่วางแขนกำแน่น สีหน้าซีดเผือด
เธอ เธอไม่ได้ฆ่าตัวตาย?
เป็นหลิงเวย
ตอนนี้เองที่หลี่เฉิงเจี๋ยเอ่ยขึ้น “หนึ่งปีก่อนหน้านี้คนที่ชื่อหลิงเวยคนนี้มอบเงินให้กับผมห้าแสนห้าหมื่น เพื่อที่จะให้เธอยืมคนจากผมสอง
คน ผมก็เพิ่งรู้หลังจากเรื่องเกิดขึ้นไปแล้วว่าเธอคิดจะฆ่าคน ส่วนคนที่ต้องการฆ่าก็คือกรรยาเก่าคุณ ครั้งนี้เธอมอบเงินให้ผมหนึ่งล้าน เป้าหมาย
ก็ยังคงเป็นการฆ่าคน เป็นคนที่คุณเห็นในคลิปวิดีโอคนนี้ เธอรักคุณจนเป็นทุกข์? หรือว่ามีอาการป่วย? ขอเพียงแค่เป็นผู้หญิงที่คบหาสมาคมกับ
คุณ เธอล้วนคิดหาวิธีมาทรมานหรือทำให้ตาย ไม่รู้ว่าประธานเจียงทราบหรือไม่
เจียงโม่หานเงยหน้าขึ้นกะทันหัน นัยน์ตาแดงก่ำ “คุณให้เธอยืมคน?”
หลี่เฉิงเจี๋ยยิ้ม “ใช่ ทว่าถูกเธอฆ่าปิดปากไปแล้ว”
เขาจงใจกล่าวว่าการตายของสองคนนั้นเป็นเพราะหลิงเวยทำ
ความจริงแล้วจงเหยียนซีคิดว่าเขาจะไม่หักหลังตัวเอง เพราะว่ากลัวเบื้องหลังของเธอ และอิทธิพลเบื้องหลังเธอ ความจริงแล้วตอนนี้หลี่
เฉิงเจี๋ยช่วยเธอด้วยความจริงใจ ติดต่อกันได้ไม่นาน เขารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นรักคนผิดถึงได้มีจุดจบแบบนั้น ประสบพบเจอกับอุบัติเหตุครั้งใหญ่ เธอ
ก็ยังคงมีน้ำใจ
นี่คือจุดที่เขาชื่นชม
ผ่านไปครู่หนึ่งภาพเหตุการณ์ในคลิปวิดีโอก็ฉายจบ
เจียงโม่หานรู้สาเหตุความเป็นมาของเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว
หลิงเวยคิดจะใช้วิธีการที่ทำร้ายจงเหยียนซีจนถึงแก่ความตายมาทำร้ายหลินลุ่ยซีจนถึงแก่ความตายในตอนนี้
เดี๋ยวก่อน…
เขาจำได้ว่ามารดาของจงเหยียนซี แซ่หลิน?
นี่เกี่ยวข้องกันหรือไม่
เรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป
มักจะทำให้เขารู้สึกว่าเรื่องข้างในนั้นไม่ธรรมดา
หลินลุ่ยซี?
จงเหยียนซี?
เขารับสายโทรศัพท์ภายในจากเลขา “เรียกหนานเฉิงเข้ามา”
หลี่เฉิงเจี๋ยมองเขา “ประธานเจียงสิ่งที่ผมสมควรทำก็เรียบร้อยหมดแล้ว คุณยังมีอะไรที่อยากถามหรือไม่”
เจียงโม่หานวางโทรศัพท์ลง “ใครใช้ให้คุณมา?”
“มันสร้างความลำบากใจให้กับมโนธรรมของผม ไม่อยากเห็นเธอทำร้ายคนอีก ดั่งนั้นจึงแจ้งความไป” หลี่เฉิงเจี๋ยตอบคำถามด้วยท่าที
สงบเยือกเย็น
แม้ว่าเขาจะทำเรื่องไม่ถูกทำนองคลองธรรมในสังคม ทว่าก็มีความกล้าและความรู้อยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นลูกน้องพวกนั้นของเขาก็คงไม่ยอม
ติดตามเขาอย่างสุดจิตสุดใจเช่นนี้
เมื่อเผชิญหน้ากับแววตาบีบคั้นของเจียงโม่หาน ก็ไม่ได้มีอาการตื่นตระหนกสับสนใดๆ
“อย่างนั้นหรือ?” เจียงม่หานไม่เชื่อว่าเขาจะเกิดมีมโนธรรมขึ้นมากะท้นหัน
สุดท้ายหากถูกประณามเรื่องมโนธรรมจริงๆแล้วทำไมถึงได้ตัดสินใจทำเอาตอนนี้
หลินลุ่ยซีเพิ่งจะกลับมา ก็เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เขาไม่เชื่อว่านี่คือเรื่องบังเอิญ
ทว่าตอนนี้เองที่หนานเฉิงเคาะประตู
เขาเอ่ยคำหนึ่งแล้วก็เข้ามา