กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม 920 จงเหยียนซียังไม่ตาย
ขณะที่เขากลับมาได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง
เพราะเกี่ยวข้องกับหลิงเวย เขาจึงไม่รู้ว่าต้องบอกเจียงโม่หานหรือไม่
เจียงโม่หานขมวดคิ้วเล็กน้อย “มีเรื่องอะไรก็พูดมา”
ในที่สุดหนานเฉิงก็พูดตามความจริง “หลิงเวยบอกว่ามีเรื่องจะบอกคุณครับ” เมื่อสิ้นเสียง เขาก็เพิ่มอีกสองสามประโยค “ผมรับโทรศัพท์
สายหนึ่ง หลิงเวยคงจะตกลงให้ผลประโยชน์ คนคนนี้ถึงได้ยินยอมโทรหาผมครับ”
“จะบอกอะไรกับฉัน” เจียงโม่หานน้ำเสียงเย็นชา
“บอกว่าต้องการบอกคุณเองครับ” หนานเฉิงพูดตามความจริง
เขาคิดว่าหลิงเวยให้คนโทรหาเขา แทนที่จะโทรหาเจียงโม่หานโดยตรง แน่นอนว่ากลัวเจียงโม่หานไม่ให้โอกาสพูด แล้วตัดสายทิ้งเลย
ดังนั้นถึงได้บอกเบอร์ของตน
“ฉันจะไม่ไป” เจียงโม่หานไม่อยากเห็นเธอแม้แต่นิดเดียว ผู้หญิงโหดเหี้ยมใจทมิพัคนนั้น
เขาเสียใจที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้เลย จนเป็นโอกาสให้เธอกระทำการชั่วช้า
เจียงโม่หานเข้าใจดี เธอพยายามทุกวิถีทางติดต่อเขา ไม่กลัวตายงั้นเหรอ หรือว่าอยากมีชีวิตอยู่
หนานเฉิงพูดตะกุกตะกัก “เอ่อ…คนที่ส่งข่าวมา บอกว่าเกี่ยวข้องกับนายหญิงครับ”
นับว่าหลิงเวยรู้จักเจียงโม่หานดีอย่างแท้จริง รู้ว่าเขาจะไม่พบตัวเองง่ายๆ ดังนั้นจึงทิ้งเรื่องที่เขาสนใจที่สุดให้ เพื่อนำเขาไปพบตัวเอง
เจียงโม่หานหรี่ตา
หนานเฉิงพยายามเกลี้ยกล่อม ไม่ใช่เพื่อหลิงเวย เพียงแต่อยู่ด้วยกันมาหลายปี เลี้ยงสุนัขหลายปียังมีความรู้สึกบ้าง นับประสาอะไรกับ
คน “ไม่ใช่ว่ามีคำกล่าวที่ว่า คนใกล้ตายมักพูดความจริงหรอกเหรอครับ”
“หึหึ” เจียงโม่หานหัวเราะน้ำเสียงเย็นชา “เธอน่ะต่อให้ตาย ก็จะไม่มีจิตสำนึกหรอก”
คนที่สามารถฆ่าคนได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่หลงเหลือความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไปนานแล้ว ถ้ายังมีความเป็นมนุษย์อยู่ ก็คงไม่มีครั้งที่สอง
และหลังจากฆ่าจงเหยียนซีแล้ว ไร้ซึ่งความสำนึกผิด ยังทำราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
ผู้หญิงแบบนี้ ยังจะมีสิ่งที่เรียกว่าความเมตตาอีกเหรอ
“งั้นก็ไม่ไปนะครับ” หนานเฉิงเปลี่ยนการพูดอย่างรวดเร็ว
เจียงโม่หานบอกว่าไม่ “ฉันอยากดูว่าเธอจะสร้างเรื่องอะไรได้อีก”
หนานเฉิงกะพริบตาปริบๆ แล้วพูดว่า “งั้นผมจะไปจัดการครับ”
เจียงโม่หานเหลือบมองเขา รู้สึกว่าเขาอยากไปหาหลิงเวยด้วยตัวเอง “หนานเฉิง คนที่นายชอบ คงจะไม่ใช่หลิงเวยหรอกนะ”
หนานเฉิง “???”
หัวข้อเรื่องเปลี่ยนไปค่อนข้างรวดเร็ว
รวดเร็วจนเขาดึงสติไม่ทัน
“ผม…ผมจะชอบเธอได้ยังไงครับ” หนานเฉิงปฏิเสธอย่างหนัก “ผมแค่รู้สึกว่าเราทำงานด้วยกันมานาน สุดท้ายแล้วก็ให้โอกาสเธอได้พูด
สักคำ เพื่อความรักที่ไม่มีอยู่จริง”
เจียงโม่หานเอามือล้วงกระเป๋าข้างหนึ่ง มองเขาแบบไม่จริงจัง “จริงเหรอ”
“แน่นอนครับ” หนานเฉิงอธิบาย “ผมคิดว่าเธอเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน ไม่มีความรู้สึกเป็นอื่นครับ”
“ดูนายลนลานนะ ฉันแค่ถามไปอย่างนั้นเอง” เจียงโม่หานนั่งลงบนเก้าอี้ “นายออกไปได้แล้ว”
หนานเฉิงเลื่อนสายตาขึ้นเหลือบมองเขา แล้วก็ลดการแสดงออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดว่า “งั้นผมไปจัดการเรื่องที่พวกคุณจะพบกันนะ
ครับ”
เจียงโม่หานส่งเสียงอืมบางเบา
ช่วงบ่ายเจียงโม่หานปรากฏตัวอีกครั้งที่สถานีตำรวจ
ยังเป็นห้องเดิมเช่นครั้งก่อน หลิงเวยใส่กุญเจมือ ค่อนข้างผ่ายผอมซูบซีดไปมาก เมื่อเห็นเจียงโม่หานดวงตาที่แต่เดิมตายไปแล้วก็พลัน
เกิดประกาย พยายามลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่ถูกตำรวจจับไว้ ไม่ให้เธอขยับ
เธอเหมือนจะลืมความเด็ดขาดของเจียงโม่หานเมื่อครั้งก่อนไปแล้ว จึงร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น “โม่หาน”
เจียงม่หานสีหน้าขุ่นมัว เหมือนจะไม่พอใจที่ถูกเธอเรียกชื่อ
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณยังแคร์ฉัน” หลิงเวยขอบตาแดง “คุณช่วยฉันออกไป ได้ไหม”
เธอไม่สามารถอยู่ได้อีกต่อไปแล้วจริงๆ ห้องที่เธออยู่ คนที่อยู่ข้างในร้งแกเธอ เธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวไม่ใช่คู่ต่อสู้
อีก
“นี่เหรอที่เธออยากเจอฉัน อยากคุยกับฉันเรื่องนี้น่ะเหรอ” เจียงโม่หานพูดอย่างเย็นชา
หลิงเวยกำชายเสื้อ น้ำตาคลอจ้องมองเขา “คุณไม่นึกถึงความสัมพันธ์ครั้งเก่าบ้างเลยเหรอ”
“ความสัมพันธ์ครั้งเก่างั้นเหรอ ฉันนึกถึงความส้มพันธ์ครั้งเก่าของฉันกับเธอไม่ได้เลยว่ามีอะไรบ้าง ถ้าเธอจะพูดแค่นี้ งั้นฉันก็ไม่สนใจฟัง
แล้ว” เขาทำท่าจะลุกขึ้น
หลิงเวยตื่นตระหนก จนโพล่งออกมาว่า “จงเหยียนซียังไม่ตาย!”
เธอไม่มีหลักฐาน แต่เธอสามารถมั่นใจได้ว่าหลินลุ่ยซีก็คือจงเหยียนซี ไม่อย่างนั้นเธอก็คิดไม่ออกจริงๆ ว่ายังมีใครจะวางแผนใส่เธอได้
สิ่งที่หลินลุ่ยซีพูดกับเธอในวันนั้น ชัดเจนว่ารู้ในเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นอย่างดี
แต่คนที่รู้เรื่องนั้นมีไม่มากนัก นอกจากนี้หลินลุ่ยซีก็เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศด้วย
คำอธิบายสุดท้าย ก็คือเธอยังไม่ตาย และกลับมาเพื่อแก้แค้น
เจียงโม่หานใจกระตุก แต่สีหน้ายังคงเยือกเย็น “อ้อ งั้นเป็นใครล่ะ”
“คุณช่วยฉันออกไป แล้วฉันจะบอกคุณ” หลิงเวยพูดจุดประสงค์ของตัวเองในที่สุด
นี่ก็คือสิ่งที่เจียงโม่หานหวังไว้
เขามองหลิงเวยด้วยสีหน้าเรียบเฉย พลางยกยิ้มมุมปาก “อยากบอกว่าหลินลุ่ยซีก็คือเธองั้นเหรอ”
หลิงเวยเบิกตากว้าง “คุณ รู้แล้วเหรอ”
เจียงโม่หานหัวเราะเสียงเย็นชา “เธอยังสงสัยได้ หรือว่าฉันจะสังเกตเห็นไม่ได้”
หลิงเวยส่ายหน้าอย่างรับไม่ได้ “ไม่ใช่…”
เธออยากปฏิเสธ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอพูดอะไรไปเจียงโม่หานก็คงไม่เชื่อ และเขาก็รู้หมดแล้ว
ตนไม่มีชิปที่สามารถเอาไปแลกกับเขาเพื่อให้เขาช่วยตนอีกแล้ว
“โม่หาน…”
“หุบปาก!”
เจียงโม่หานรำคาญเธอ “อย่ามาเรียกชื่อฉันอีก ฉันขยะแขยง!”
เขาลุกขึ้น จัดระเบียบปลายแขนเสื้อ “ฉันมาเจอเธอ แค่อยากเห็นว่าเธอเอาชิปที่ตัวเองมีทั้งหมดออกมาแล้ว แต่ก็ยังคงออกจากที่นี่ไม่ได้”