เจียงโม่หานเท้าชะงัก แต่ก็ไม่ได้หยุดก้าวเดิน
เจียงโย่เชียนตอแยไม่เลิก วิ่งเข้ามาขวางทางของเขาไว้ “นายไม่ตอบ คือกำลังหนีอยู่ใช่ไหม”
“อย่ามายั่วโมโหผม!” สีหน้าของเจียงโม่หานเยือกเย็นสุดขีด แววตาผุดความเกลียดช้งอย่างแรงกล้า “ไม่ใช่เพราะว่าแม่ของนายที่เข้ามา
แทรกการแต่งงานของคนอื่น มาทำลายครอบครัวของคนอื่น ผมจะมีวันนี้รึ”
เจียงโย่เชียนถึงกับชะงักพูดไม่ออก
ใช่ ตอนที่แม่ของเขาคบกับเจียงจวิ้นนั้น เจียงจวิ้นยังไม่ได้หย่า ดังนั้นจึงถือว่าเป็นมือที่สามที่แทรกเข้ามาในครอบครัวของคนอื่น
“แต่ว่าผ่านไปตั้งนานแล้ว…..”
“เรื่องที่ทำผิด เมื่อเวลาผ่านไปก็ไม่ถือว่าเป็นความผิดอย่างนั้นเหรอ” เจียงม่หานหรี่ตา แววตาเย็นยะเยือก
“ต่อให้พวกท่านผิดจริง แต่พวกท่านก็เลี้ยงนายจนมาเติบใหญ่ไม่ใช่เหรอ” เจียงโย่เซียนพยายามที่จะโน้มน้าวเขา “นายเอาแต่จงเกลียด
จงชัง ไม่มีทางมีความสุขอย่างหรอก เพื่อการแก้แค้นของนาย จึงหลอกใช้เมียของนาย เมียของนายฆ่าตัวตายเพราะก็การขอหย่าของนาย ตอน
นี้นายมีความสุขเหรอ”
ฉับพลั่นใบหน้าของเจี้ยงโม่หานเย็นเยียบถึงสุดขีด เขาถูกเจียงโเชียนจี้โดนจุดที่อ่อนแอที่สุด จุดที่ไม่อยากจะให้มีการเอ่ยถึง จุดที่เขา
เสียใจมากที่สุดในหัวใจ
“ผมแค่ไม่อยากให้นายทำเรื่องที่เสียใจซ้ำซ้อน……”
“ไสหัวไป!” เจียงโม่หานผลักเขาออกไป แล้วก้าวเท้ายาวเดินเข้าตึกใหญ่ไป
เจียงโเชียนยังอยากจะตามเข้าไป แต่ถูกหนานเฉิงดิ้งไว้ “คุณก่อกวนพอหรือยัง!”
เจียงย่เชียนสะบัดหนานเฉิงทิ้ง “เพื่อการแก้แค้นของเขา ดูสิข้างกายเขาตอนนี้เหลืออะไรอีก ผมไม่เชื่อว่าเขาจะไม่เสียใจในกวัน
หนึ่ง!”
พูดจบก็สาวเห้าก้าวยาวเดินออกไป นักข่าวที่เขาเชิญมายังคงกรูกันอยู่ที่หน้าประตู เหตุการณ์เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น พวกเขาได้ทำ
ถ่ายบันทึกไว้หมดแล้ว เมื่อข่าวถูกเผยแพร่ เพื่อดึงดูดสายตาจากผู้คน ไม่รู้ว่าจะเขียนข่าวออกมาอย่างไร
เขาคิดไม่ถึงว่าเจียงโม่หานจะไม่สนใจแม้แต่ชื่อเสียงของตัวเอง!
“พวกเราสามารถสัมภาษณ์คุณพ่อคุณแม่ของคุณได้ไหมครับ” มีนักข่าวถาม
เจียงโย่เชียนใบหน้าเย็นชา เดินเบียดผ่านผู้คนอย่างไม่สใจ ในเวลานี้ข้งถนนมีรถสีขาวคันหนึ่งได้จอดเทียบสนิทลง หลังคารถมีการ
กะพริบของไฟไซเรนสีแดง ตัวรถมีตัวอักษรแปะติดไว้ว่าศูนย์บำบัดสุขภาพจิตเมืองB
เจียงโย่เซียน “……
เจียงโม่หานเรียกหมอจิตเวชมาจริง ๆด้วย
นี่จะให้เขาบ้าจริงๆใช่ไหม
หนานเฉิงนั้นเชื่อฟังคำพูดของเจียงโม่หานมาก อะไรที่เขาสั่ง เขาทำตามเสมอ
คนในชุดขาวสองคนลงมาจากรถแล้วถามว่า “ใครเป็นโรคสุขภาพจิตเหรอครับ”
นักข่าวที่อยู่ด้านหลังต่างตะลึงงัน
หนานเฉิงเดินมาแล้วชี้ไปทางเจียงโย่เชียน “เขาครับ เขามาที่หิงคั่งกรุ๊ปมาพูดจาไร้สาระใส่ร้ายชื่อเสียงของประธานเจียงของพวกเรา
ครับ”
เขาพยายามจะรักษาซื่อเสียงของเจียงโม่หาน
เจี่ยงโย่เชียนจ้องเขม็งหนานเฉิง “นายต่างหากโรคจิต!”
“อย่ามโหร้าย มีโรคก็รักษาไป เพื่อหลีกเลี่ยงการก่อเรื่องไม่ดีในครั้งต่อไป จงให้ความร่วมมือกับคุณหมอในการรักษาซะ สำหรับค่า
รักษานั้น คุณไม่ต้องเป็นห่วง ประธานเจียงของพวกเราจะเป็นคนออกเอง เห็นแกที่นายเป็นน้องชายของท่าน ไม่ยอมให้คุณอนาถจนไม่สามารถ
นอนรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชได้หรอก”
เจียงโยเชียนโกรธจนแทบจะกระอักเลือด “หุบปากแม่งเตี๋ยวนี้!”
“ดูท่าทางคุณที่ดุร้ายใจร้อนสิ ไม่ใช่อาการป่วยทางจิตหรอกรี” หนานเฉิงแอบยั่วโมโหเขาอย่างใจเย็น
เจียงโย่เซียน “…..”
“เจียงโม่หานถูกความแค้นครอบงำสมอง หรือว่านายเองก็เลอะเลื่อนเช่นกัน”
“ใครบอกว่าผมเลอะเลือน ผมมีสติดี คุณเห็นว่าผมเลอะเลือนตรงไหนมิทราบ”
หนานเฉิงแสดงออกอย่างเรียบนิ่ง
เจียงโเชียนกัดฟัน “ถ้าหากว่าคุณซื่อสัตย์จริง หวังดีกับเจียงโม่หานจริง ก็ควรจะเตือนเขาให้ปล่อยวางความเกลียดแค้นในอดีต แล้วใช้
ชีวิตเฉกเช่นคนปกติทั่วไป…..·
“คุณรู้ได้อย่างไรว่าการที่เขาแก้แค้นคนที่เคยทำร้ายเขาแล้วไม่มีความสุข” หนานเฉิงขัดจังหวะคำพูดของเขา
เจียงโย่เชียน
หนานเฉิงมองไปยังหมอสองคนในชุดคลุมสีขาว “เชิญพาเขาไปได้เลยครับ เขาอยู่ที่นี่ได้นำพาความเดือดร้อนมากมายแก่พวกเรา หวั่งว่า
พวกคุณจะสามารถรักษาเขาให้หายได้นะครับ”
“นายบ้าไปแล้ว!” เจียงโม่เชียนจ้องหนานเฉิง เขม็งแล้วสับเท้าวิ่งหนีไป
“รีบไปจับตัวเขาเร็ว” คุณหมอสองคนในชุดคลุมได้วิ่งตามไป
เจียงโยเชียนพลางวิ่งพลางมอง พลางสบถคำด่า “บัดซบแม่ง!”
คนเหล่านี้ยังวิ่งตามเขามา
เขาไม่ได้เป็นโรคจิตจริง ๆ สักหน่อย!
ตอนที่หนานเฉิงหันหลังกลับไปที่บริษัทนั้น ได้หั้นไปมองนักข่าวครู่หนึ่ง แล้วกล่าว “เมื่อสักครู่ที่คนที่มีปัญหาทางจิตได้พูดหลายอย่างที่
ทำให้ประธานเจียงเสียหาย ถ้าหากว่าพวกท่านจะเชื่อคำพูดของเขา ผมก็จะไม่ขออธิบาย แต่ทว่าข่าวที่พวกท่านจะเขียน หากไม่เป็นตามความ
จริง อย่างนั้นก็ให้รอรับจดหมายจากทนายได้เลย”
เมื่อพูดจบเขาก็ก้าวเท้าวยาวเดินเข้าไป
เหล่านักข่าว “…..”
หรือว่าสิ่งที่พวกเขาเขียนในสิ่งที่ได้ยินได้เห็นนั้น เป็นการเชื่อคำพูดของคนบ้าคนนั้น
แต่ว่าคนบ้าคนนั้นดูแล้วไม่เหมือนคนบ้านนิหน่า
นี่เขากำลังข่มขู่ ข่มขู่อย่างโจ่งครึ่ม!
หนานเฉิงเดินเข้าไปในตึกใหญ่ แล้วตำหนิเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
“ต่อไปหากเจอเรื่องแบบนี้อีก สิ่งแรกที่ต้องทำคือไล่ออกไป หรือโทรศัพท์หาผม อย่าปล่อยให้พวกเขามาก่อกวนอยู่ที่นี่ได้ตามอำเภอใจ
ที่นี่ไม่ใช่ตลาดสด”
“พวกเราไล่ไปหลายครั้งแล้วครับ แต่ก็ไม่เป็นผล คนนั้นบอกว่าตัวเองเป็นน้องชายของประธานเจียง พวกเราก็เลยไม่กล้าใช้ความ
รุนแรง……”
“ไม่ต้องไปสนใจว่เป็นใคร สร้างปัญหานี่ไม่ได้ พวกนายต้องจำว้ คนที่จ่ยเงินเดือให้พวกนาย เชิญพวกนายมาปกป้องดูแลตึก
อาคารคือเหิงค้งกรุ๊ปและเหิงคังกรุ๊ปนั้นเป็นของประธานเจียง”
“ครับ พวกเราจะจำไว้”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนเรียงกันเป็นสองแถวอย่างเป็นระเบียบต่างขานรับพร้อมกัน
หนานเฉิงโบกมือปัดขึ้น “ไปทำงานกันเถอะ ต่อไปอย่าให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก”
“ครับ”
ทุกคนจึงแยกย้าย
หนานเฉิงขึ้นลิฟต์ไปที่ห้องทำงาน