“ความรักกับอายุมันเกี่ยวข้องกันด้วยเหรอ” จงเหยียนซีย้อนถาม อีกทั้งท่าทางยังแข็งกร้าว “ประธานเจียง หากคุณยังไม่ปล่อยฉัน ฉันจะ
ฟ้องคุณในข้อหาคุกคาม”
เจียงโม่หานหัวเราะขึ้น น้ำเสียงทุ้มต่ำนุ่มนวลลง “ท่ทางการกัดฟันของคุณช่างเหมือนกับเธอจริง ๆ”
จงเหยี่ยนซีลนลานหลบสายตา “ประธานเจียงที่ดูดีที่แท้ก็ไม่ใช่ลูกผู้ชาย ชอบรักแกผู้หญิง”
เจียงโม่หานแนบริมฝีปากไปที่ใบหูของเธอ วินาทีที่ผิวส้มผัสกันนั้น จงเหยียนซีดวงตาเบิกกว้าง ขนตามร่างกายลุกซู่ขึ้น
เขายกริมฝีปากเบา น้ำเสียงนุ่มนวลเต็มไปด้วยความเย้ายวน “คุณหลิน หากอยากจะบรรลุถึงเป้าหมายก็ต้องมีการเสียสละบ้าง หากว่า
คุณเต็มใจที่จะเป็นแฟนกับผม คุณอยากได้อะไร ผมก็จะประเคนให้คุณด้วยสองมือเลย”
จงเหยียนซีปฏิเสธอย่างเด็ดเดี่ยว “ฉันไม่มีทางทรยศแฟนของฉัน!”
“ผมไม่เชื่อ”
เมื่อพูดจบเขาก็ปล่อยตัวจงเหยียนซี
เขามั่นใจว่าเธอจะต้องมาหาเขาอย่างแน่นอน
จงเหยี่ยนซีจ้องเขม็งเขาครู่หนึ่ง “ไร้ยางอาย!”
“คุณคิดแบบนี้ ผมก็ไม่คัดค้าน” เจียงม่หานนั่งลงบนโซฟาและรินไวน์ให้ตัวเอง
เขาเงยหน้าขึ้นกระดกจดหมด วางแก้วไวน์ลงแล้วกล่าวขึ้น “อย่างนั้นผมก็จะรอโปรเจกต์งานใหม่ของ
คุณหลินแล้วกัน”
จงเหยี่ยนซีกำมือแน่นด้วยความโกรธ และกล่าวอย่างเย็นชา “ฉันจะทำให้สุดความสามารถจนกว่าประธานเจียงจะพอใจ!”
มื่อกล่าวจบเธอก็สาวเท้าก้วยาวเดินเข้าไปในห้องโดยสาร แล้วเหยียบขันไดเรือเดินออกมา เธอมองเห็นเถียนฉีเฟิงยืนอยู่ใต้แสงไฟข้าง
ถนน พิงอยู่กับเสาไฟและดูเหมือนกำลังรอเธออยู่
“ฉันบอกให้นายกลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังอยู่นี่” จงเหยียนซีขมวดคิ้ว
“ผมมีหน้าที่ปกป้องคุณ คุณให้ผมกลับ ผมก็ไม่สามารถที่จะกลับได้จริง ๆ ขึ้นรถเถอะ ผมจะพาคุณกลับโรงแรม” เถียนฉีเฟิงกดกุญแจ
ปลดล็อกรถ แล้วเดินไปทางรถ จากนั้นเปิดประตูออก
จงเหยียนซีเดินเข้าไปขึ้นรถ ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ต้องจัดการให้กวนจิ้งเจอกับกู้เสียน “กี่โมงแล้ว”
“สามทุ่มครับ” เถียนฉีเฟิงสตาร์ทรถแล้วตอบ
เมื่อสักครู่เขาเพิ่งดูนาฬิกาไป หากจงเหยียนซียังไม่ออกมา เขาก็จะเข้าไปหาเธอทันที
“สามทุ่มแล้วเหรอ!” จงเหยียนซีรีบล้วงโทรศัพท์ออกมา วันนี้นัดกับกวนจิ้งว่าจะทานข้าวด้วยกัน กู้เสียนเองก็คงจะลนลานแล้ว
“คุณจะโทรศัพท์หาประธานกวงเหรอครับ” เถียนฉีเฟิงมองเธอจากกระจกมองหลัง “ถ้าหากว่าใช่ อย่างนั้นผมจะบอกกับคุณว่า ประธานก
วงจากไปแล้วครับ เขาโทรหาคุณไม่ติด ก็เลยฝากผมให้บอกกับคุณ”
“อะไรนะ จกไปแล้วเหรอ” ยามนี้เธอล้วงโทรศัพท์ออกมา กดอย่างไรหน้าจอก็ไม่ติด เป็นเพราะไม่มีแบตเตอรี่เครื่องจึงดับลงอย่าง
อัตโนมัติ ถึงว่าทำไมเธอไม่ได้รับสายจากกู้เสียน
บอกว่าจะให้เขาได้เจอกับกวนจิ้ง แต่ตัวเองนั้นกลับไม่รักษาคำพูด เขาติดต่อตัวเองไม่ได้คงต้องกระวนกระวายอย่างมากแน่ ๆ
เธอบอกที่อยู่ของกู้เสียนให้กับเถียนฉีเฟิง เธอจะต้องไปหากู้เสียนก่อน
แต่แล้วเมื่อเธอที่ถึงที่อยู่ของกู้เสียน เขานั้นไม่อยู่ บริษัทก็เลิกงนแล้ว หน้าตึกอาคารนอกจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแล้ว ก็ไม่มี
พนักงานคนอื่น
“หรือค่อยอธิบายให้เขาฟังพรุ่งนี้” เถียนฉีเฟิงกล่าว
หาคนไม่เจอ จงเหยียนซีเองก็จนปัญญา ตอนนี้กลับไปที่โรงแรมก่อน เมื่อชาร์จแบตโทรศัพท์แล้ว ค่อยโทรหาเขาแล้วกัน
รถได้ขับมาถึงหน้าประตูโรงแรม เธอผลักประตูแล้วลงจากรถ เห็นกู้เสียนนั่งอยู่ข้างๆบ่อน้ำพุหน้าประตูโรงแรมอย่างผิดหวังห่อเหี่ยว
เธอรีบเดินเข้าไปหา
“กู้เสียน”
กู้เสียนเงยหน้าขึ้นมองเธอ แล้วยืนขึ้นอย่างดีใจ ส้กพักสีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นโกรธขึ้น “จงเหยียนซี คุณหมายความว่าอยางไร ตกลงกัน
อย่างดิบดีว่าจะวางแผ่นให้ผมได้เจอกับเขา ผมอุตส่าห์เตรียมตัวตั้งแต่เมื่อตอนบ่าย เพื่อจะมาดูว่าเขาใส่เสื้อผ้าแบบไหน จะพูดอย่างไรดี ผมตื่น
เต้น ลั่งเล แต่ก็อยากจะมาเจอเขา พูดคุยกับเขา แต่พอถึงเวลาผมกลับติดต่อคุณไม่ได้ หากว่าคุณไม่อยากให้ผมได้เจอกับเขา คุณก็บอกตรง ๆ
ก็ได้ ทำไมต้องหลอกผมครั้งแล้วครั้งเล่า”
เขาหาเธอ ติดต่อเธอ จนตอนที่ไม่สามารถติดต่อเธอได้นั้น เขาเป็นห่วงว่าเธอจะได้รับอันตราย เป็นห่วงเธอจนแทบจะบ้าตาย
เมื่อเห็นเธอปลอดภัยดี ก็นึกเรื่องที่เธอไม่เห็นความสำคัญของตัวเองขึ้นได้
ตั้งแต่ที่เธอปิดบังไม่บอกเรื่องคนคนนั้นทั้ง ๆ ที่รู้จัก เมื่อเธอมาอธิบายภายหลัง เขาก็ให้ความเข้าใจ
อย่างนั้นครั้งนี้ล่ะ
เธอให้ความสำคัญเรื่องของเขาบ้างไหม
“ฉันเห็นว่าคุณเป็นเพื่อนจริง ๆ แต่คุณกลับหลอกผมครั้งแล้วครั้งเล่า!”
“ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ มีเรื่องด่วนกะทันหันจริง ๆ” เรื่องทั้งหมดพังไม่เป็นท่าเพราะเธอ “กู้เสียน ฉันขอโทษจริง ๆ”
เธอขอโทษแล้ว กู้เสียนจะตำหนิเธอได้อย่างไรอีก แต่ในใจก็ยังคงรู้สึกเคือง
รู้สึกว่าเธอมักจะไม่เห็นความสำคัญของเขา
“ผมจะให้โอกาสคุณแก้ตัวอีกครั้ง พรุ่งนี้ตอนเที่ยงผมต้องการเจอเขา”
“กู้เสียน……” จงเหยียนซีรู้สึกผิดต่อเขาจริง ๆ “เขาจากไปแล้ว พรุ่งนี้ไม่สามารถเจอ……
“จงเหยียนซี!” ครั้งนี้กูเสียนนั้นโกรธขึ้นจริง ๆ “นี่คุณกำลังปั่นหัวผมเล่นอยู่เหรอ”
“เปล่านะเปล่า” จงเหยี่ยนซีก้าวเข้ามาดึงมือของเขาว้ แล้วกล่าวอธิบาย “ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ฉันถูกเจียงโม่หานหาเรื่อง ถึงได้ล่าช้าเช่น
กู้เสียนจ้องมองเธอ “เจียงโม่หานหาเรื่องคุณอย่างไร”
“ก็เรื่องโปรเจกต์งานนั่นแหละ”
กู้เสียนขมวดคิ้ว “เรื่องโปรเจกตังานนั้นได้ทำออกอย่างสมบูรณ์แบบแล้วไม่ใช่เหรอ”
เขารู้ว่าโปรจกต์งานนั้นมีความหมายอย่างไร
และก็รู้แผนการที่จงเหยียนชีวางไว้ให้กับเจียงโม่หาน
“เขาเกิดความสงสั่ยเหรอ” กู้เสียนกล่าวถาม
จงเหยี่ยนซีเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ว่าเรื่องราวในคืนนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ปกติ เหมือนว่าเขาจะรู้ และก็เหมือนว่าจะไม่รู้
เธอส่ายหน้า “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคิดจะทำอะไร”
“เขาไม่ใช่คนที่จะต่อกรได้ง่ายๆ ไม่แน่อาจมีกรวางแผนตลบรออยู่ด้นหลัง” กู้เสียนค่อนข้างรู้จักเขาดี ในวงการมีการลือกันว่าวิธีการ
ของเขานั้นเหี้ยมโหด อาศัยเพียงตัวเองลำพัง ก็สามารถมาถึงตำแหน่งปัจจุบัน ความสามารถส่วนตัวนั้นสบประมาทไม่ได้จริ ๆ
“พวกเราขึ้นไปกันเถอะ” จงเหยียนซีเริ่มรู้สึกไม่สบายกับเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้
กู้เสียนได้ตามขึ้นมา
มื่อเข้าไปในห้องแล้วจงเหยนซีได้นั่งลงบนโซฟา รู้สึกเซ็งมาก เธอหงุดหงิด ถ้าหากเจียงม่หานตระหนักได้ว่านี่เป็นหลุมพรางเขาจะไม่
กระโดดลงไปอย่างแน่นอน
เมื่อถึงเวลานั้น แผนการของเธอก็จะสูญเปล่า
เธอบอกว่าเธอไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพ่อแม่ของเธอ แต่เธอกลับไม่สามารถทำอะไรได้สำเร็จ
กู้เสียนเดิมที่ตัวเองกำลังโกรธ แต่เห็นเธอเป็นแบบนี้ กลับกลายเป็นเขาที่ปลอบใจเธอ “ถ้าหากว่าเขาไปรู้อะไรบางอย่างมาจริง เขาจะต้อง
ยุติการร่วมมือกับคุณอย่างแน่นอน คงไม่หยิบยกข้อบกพร่องขึ้นมาหรอก บางที่อาจมีรายละเอียดที่เราคิดไม่ถึงจริง ๆ ก็ได้ พวกเราลองทำใหม่
อีกครั้งนะ”
จงเหยียนซีอิงศีรษะไปพิงที่ไหล่ของกู้เสียน “กู้เสียนคุณรู้อะไรไหม ฉันเกลียดเขามากจริง ๆ”
ร่างของกู้เสียนชะงักค้าง แล้วค่อย ๆ หันหน้าไปมองเธอ ระยะที่ใกล้กันขนาดนี้ เขาสามารถส้มผัสได้ถึงลมหายใจของเธอได้อย่างซัดเจน
เขายกมือขึ้นอยากวางลงที่หล่ของเธอ แต่ก็หยุดชะงักกลางอากาศ ลั่งเลอยู่านสองนาน สุดท้ายเขาก็ไม่กล้าแล้วก็วางลง จากนั้นแอบ
ค่อยๆดึงกลับมา
“ผมจะช่วยคุณ ถ้าคุณต้องการผม ขอแค่ให้บอกกับผม”
“ทำไมคุณดีกับฉันอย่างนี้ แต่ฉันกลับไม่สามารถช่วยอะไรคุณได้เลย” จงเหยนชีเงยหน้าขึ้นมองเขา “กู้เสียนฉันจะต้องวางแผนให้พวก
คุณได้พบเจอกันอย่างแน่นอน”
“เฮ้อ” กู้เสียนทอดถอนหายใจ “ช่างเถอะ บางที่อาจยังไม่ถึงเวลา ดังนั้นถึงได้ไม่ราบรื่น ผมไม่โทษคุณ อีกอย่าง……
เขาหรี่ตาลงเพื่อซ่อนอารมณ์อื่นไว้ แล้วกล่าว “พวกเราเป็นเพื่อนกัน แน่นอนอยู่แล้วที่ต้องดีกับคุณ”