ท่านย่าชะงักไปเล็กน้อย “นี่เรื่องในครอบครัวของเรา เธอเป็นคนนอก มันไร้มารยาทมากถ้าจะเข้ามายุ่งเรื่องในครอบครัวของคนอื่นแบบนี้”
หลินซินเหยียนตอบกลับเสียงเรียบ “ฉันเป็นคนในครอบครัวของเสี่ยวยาเสมอค่ะ”
หลังจากพูดจบ เธอก็จัดเสื้อผ้าของฉินยา “ไม่ต้องเอาอะไรไป เดี๋ยวกลับไปฉันจะซื้อให้ใหม่”
หลินซินเหยียนเหลือบมองไปที่ซูจ้าน “ซูจ้าน คุณทำให้ฉันผิดหวังมาก เสี่ยวยายอมอ่อนให้ถึงขนาดนี้แล้ว แต่คุณกลับได้คืบจะเอาศอก”
ในเวลานี้ ฉินยาเองก็สงบมากแล้ว สีหน้าของเธอไม่มีความโกรธหรือความตื่นกลัวอีก เธอพูดกับซูจ้าน หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว “ตัดสินใจได้แล้ว เตรียมใบหย่าแล้วมาหาฉัน”
เธอจับมือหลินซินเหยียนไว้ “ไปกันเถอะ”
เธอไม่ต้องการอยู่ที่นี่อีกแม้แต่วินาทีเดียว หลินซินเหยียนพยักหน้าแล้วช่วยพยุงเธอเดินออกไป
หลินซินเหยียนโทรหาคนขับรถในช่วงที่ลงจากลิฟต์ แล้วขอให้เขาจอดรอที่หน้าประตูเธอใกล้จะออกมาแล้ว พวกเธอเดินออกไปจึงเห็นว่าคนขับรถจอดรถรออยู่ที่หน้าประตูแล้ว พอเห็นหลินซินเหยียนเดินมา จึงรีบเปิดประตูด้านหลังไว้รอ หลินซินเหยียนพยุงฉินยาขึ้นไปนั่งก่อน แล้วค่อยขึ้นไปนั่งข้างๆ เธอ
“กลับกันเถอะ” หลินซินเหยียนพูดกับคนขับรถ
คนขับตอบรับ ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไป
ภายในห้อง ท่านย่าคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะดำเนินมาถึงขั้นนี้
ซูจ้านนั่งยอง ๆ อยู่หน้าโซฟา ตั้งแต่ฉินยาเดินออกไป เขาก็ไม่ลุกขึ้นยืน และตอนนี้เขาก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น
“ซูจ้าน ย่าจะไม่ยุ่งเรื่องความรักของหลาน ขอแค่หลานมีลูกสืบสกุลก็พอ” ท่านย่าลุ่มหลงเกินไป ยังไงก็ไม่ยอมแพ้ แม้ว่าฉินยาจะขอหย่า เธอก็ไม่ยอมคิดถึงความรู้สึกของซูจ้านแม้แต่นิดเดียว
ดวงตาของซูจ้านแดงก่ำ รวมตัวกันอยู่ตรงกลาง “มีลูกอย่างนั้นเหรอครับ?”
ท่านย่าพูด “เสี่ยวเสว่ ยังเป็นสาวบริสุทธิ์ และเธอยินดีจะมีลูกให้ด้วยค่าตอบแทนหนึ่งล้าน”
เฉินเสว่ก้มหน้านิ่ง
ดูเหมือนว่าซูจ้านจะไม่พอใจกับการกระทําที่ไร้สาระของท่านย่าเป็นอย่างมาก
เขายิ้มเยาะ ก่อนจะมองไปที่เฉินเสว่ช้าๆ “เธอยินยอมอย่างนั้นเหรอ?”
เฉินเสว่ก้มหน้าลงไม่พูดอะไร
“เธอยังเด็ก ไม่ต้องทำให้เธอตกใจ” ท่านย่าเองก็ตกใจเหมือนกัน ใบหน้าที่ยิ้มเหี้ยมของซูจ้านดูน่ากลัวมาก
“นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมคุณย่าถึงเลือกเด็กสาวคนนี้เป็นผู้ดูแลใช่ไหม?” ซูจ้านลุกขึ้นยืนช้าๆ ร่างกายซวนเซเล็กน้อย
“ถ้าผมไม่ต้องการล่ะ?”
“ทำไมหลานถึงได้คิดไม่ตกแบบนี้ ที่จริงแล้วมันไม่มีอะไรมากเลย หลานแค่ทำให้เสี่ยวเสว่ท้อง หลังจากนั้นหลานก็ใช้ชีวิตอยู่กับฉินยาได้ต่อไป ไม่ต้องแยกจากเสี่ยวยาแล้วมีลูกด้วย แบบนี้ไม่ดีหรือไง?” ท่านย่าคิดว่าการจัดแบบนี้ดีที่สุดแล้ว มันดีสำหรับทุกคน
ซูจ้านยกยิ้มเยาะเย้ย “มีลูกอย่างนั้นเหรอ? ดี ดีมาก แผนการนี้ดีมากจริงๆ!”
เพล้ง!
ในขณะที่เขาพูดจบ เขาปัดแก้วกาแฟตรงโต๊ะหน้าโซฟาจนตกพื้น แก้วก็ตกแตกจนเกลื่อนพื้น สภาพเลอะเทอะเกลื่อนกลาด
ท่านย่าเองก็หน้าซีดเซียวด้วยความตกใจ ส่วนเฉินเสว่ที่อยู่ข้างหลังเธอก็เซถอยหลังไป
เธอเองก็ตกใจมากเช่นกัน
นานมากกว่าจะได้สติกลับมา
“ซูจ้าน” ท่านย่าตกใจจนทำอะไรไม่ถูก “ใจเย็นๆ ก่อนสิหลาน”
“ทำไมผมต้องโกรธด้วย? คุณย่าจัดเตรียมทุกอย่างให้ผมดีขนาดนี้ อีกทั้งยังหาผู้หญิงมาให้ผม เป็นห่วงเรื่องทายาทของผม ผมต้องขอบคุณคุณย่าถึงจะถูก ทำไมผมต้องโกรธด้วย?”
ซูจ้านก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว สองมือจับไปที่ที่วางแขนของรกเข็นแล้วมองไปที่ท่านย่า
ท่านย่าแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง
“ครอบครัวของฉันยากจน ฉันอยากอุ้มท้องแทนจริงๆ ค่ะ ขอแค่ให้เงินฉัน ฉันจะไม่มารบกวนเลย” เฉินเสว่กลับมายืนที่ตำแหน่งเดิม
ซูจ้านเงยหน้าขึ้นมอง
เฉินเสว่ กำมือแน่นไม่ยอมถอย ก่อนจะสบตากับซูจ้าน
“แค่ให้เงิน ก็จะไม่มารบกวนอย่างนั้นเหรอ” ริมฝีปากของซูจ้านยิ้มเยาะ
“ใช่ค่ะ ที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมด” เฉินเสว่ดูจริงใจมาก
ซูจ้านยกยิ้ม แต่รอยยิ้มกลับดูเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง “หืม เธอเป็นคนเสนอตัวกับคุณย่าอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่ ไม่ใช่นะคะ……”
“ย่าเป็นคนพูดเสนอเธอก่อน” ท่านย่ารีบแก้ตัวแทนเฉินเสว่แต่เป็นเธอจริงๆ ที่เสนอขึ้นมาก่อน เฉินเสว่ยังสาวและหน้าตาพอใช้ได้ ดังนั้นเธอจึงถามลองเชิงเฉินเสว่ดู เธอคิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะเต็มใจ
ซูจ้านแผ่รังสีรุนแรงจนหายใจแทบไม่ออก แล้วนั่งบนโซฟา มองไปที่โต๊ะกาแฟที่แตกเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น แล้วมองไปที่เฉินเสว่ด้วยท่าทางพิจารณา “เรียนจบจากโรงเรียนไหน?”
เฉินเสว่หลับตาลง “ฉันไม่ได้เข้าเรียนค่ะ”
“เธอมีความสามารถพิเศษอะไร?”
“ฉันดูแลคนเก่งค่ะ” เฉินเสว่นึกว่าซูจ้านจะเห็นด้วย ดังนั้นเขาถึงได้ถามคำถามพวกนี้ แล้วคิดในใจถ้าเธอสามารถหาเงินล้านจากการอุ้มท้องแทนได้จริง ๆ เธอจะไม่ทำงานนี้อีก เธอจะเปิดร้านเสื้อผ้าเอง
ส่วนเรื่องที่จะเกาะตระกูลซูไม่ปล่อย เธอไม่เคยคิดจะทำแบบนี้เลย เธอรู้ว่าเธอทำแบบนั้นไม่ส่งผลดีกับเธอเลย เพราะเธอเข้ามาในบ้านตระกูลซูในฐานะผู้ดูแล และฐานะพี่เลี้ยงที่เธอทำ แปลว่าตำแหน่งของเธอในตระกูลนี้จะต่ำต้อยมากแค่ไหน
เธอคิดว่าซูจ้านหน้าตาหล่อเหลาอีกทั้งยังร่ำรวย เธอไม่ขาดทุน เธอได้เงินหนึ่งล้านภายในเวลาสิบเดือนมันคุ้มค่ามาก
“เธอปรนนิบัติผู้ชายเป็นไหม” ท่าทางของซูจ้านเนือย ๆ แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นบาดใจมาก
“ซูจ้าน…”
“คุณย่าครับ ผมกำลังถามเธออยู่อย่าเพิ่งพูดได้ไหมครับ” ซูจ้านไม่มองไปทางด้านนั้นเลย เขาคว้าผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดมือ หลังจากเช็ดไปสองสามครั้ง จนดูสะอาด ก็โยนผ้าเช็ดหน้าทิ้งไปทันที
“ฉันจะพยายามเรียนรู้ค่ะ” เฉินเสว่ก้มหน้าลง
“เหอะๆ เรียนเหรอ อะไรก็ทำไม่เป็น แล้วอยากได้เงินล้านโดยอาศัยแค่มดลูกอย่างนั้นเหรอ?” ซูจ้านเหลือบมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างดูถูก ผิวก็ไม่ขาว หุ่นก็ไม่ดี เป็นเนื้อราคาถูก ไม่คุ้มราคาหนึ่งล้านหรอก ถ้าจะขายจริงๆ คิดราคาเท่ากับเนื้อหมูสามสิบห้าหยวนต่อหนึ่งกิโล ผมจะคิดราคาสามสิบหกหยวนต่อหนึ่งกิโล?”
เฉินเสว่กัดริมฝีปาก “อย่าพูดจาไม่น่าฟังแบบนี้นะคะ คุณย่าเป็นคนเสนอฉันก่อน ฉันแค่อยากช่วยพวกคุณเพราะพวกคุณมีลูกไม่ได้เท่านั้นเอง”
“หืม งั้นผมต้องการขอบคุณคุณใช่ไหม” ซูจ้านระเบิดอารมณ์ในวินาทีต่อมา เขาเตะโต๊ะกาแฟด้วยเท้าของเขาอย่างแรง “ตอนนี้คุณไสหัวไปได้แล้ว นอกจากนี้ คุณจะได้รับจดหมายร้องเรียนด้วย”
“ฉัน ฉันทำอะไรผิดคะ?” เฉินเสว่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าซูจ้านจะไล่เธอออก
“ซูจ้าน หลานอย่าทำอะไรหุนหันพลันแล่นนะ” ท่านย่าคิดไม่ถึงเลยว่าซูจ้านจะไล่เฉินเสว่ออก จึงคิดจะพูดเกลี้ยกล่อม “หลานแค่เติมเต็มความฝันของย่า มีลูกสักคนก็พอแล้ว”
ซูจ้านหยิบเสื้อสูทบนพื้นขึ้นมา แล้ววางไว้บนแขน ก่อนจะเดินไปจ้องหน้าเฉินเสว่อย่างเย็นชา “ยังไม่ออกไปอีก หรืออยากกินอาหารในคุก ถ้าสนใจ ผมจะตอบสนองให้ แล้วส่งคุณเข้าไปในคุก”
เฉินเสว่มาทำงานที่บ้านตระกูลซูจนถึงวันนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นใบหน้าที่เหี้ยมโหดของซูจ้าน เธอรู้สึกกลัวมาก จึงรีบเงยหน้าขึ้น “ฉันไม่ได้ทำผิดกฎหมาย คุณบอกจะส่งฉันเข้าไปก็ส่งเข้าไปเหรอคะ แบบนั้นก็ไม่มีขื่อไม่มีแปเกินไปแล้ว?