ภายใต้แสงทิตย์ลับขอบฟ้า แสงพลบค่ำสาดส่องอยู่บนผืนแผ่นดินใหญ่ ฉู่เจียเสวียนก็ยังไม่เห็นเงาของถังถัง คิ้วขมวดกัน หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูก็ไม่เห็นถังถังโทรกลับมาหาเธอ คิ้วที่สวยงามของเธอผูกเข้าด้วยกัน
ถังถังเป็นอะไรไป ทำไมไม่โทรกลับมาหาเธอ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกอีกรอบ ก็ยังคงไม่มีคนรับสาย คราวนี้ฉู่เจียเสวียนร้อนใจจริงๆ แล้ว เธอคงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรหรอกนะ
ระหว่างที่คิด ฉู่เจียเสวียนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว หยิบกุญแจรถกับกระเป๋าออกไปจากออฟฟิศแล้ว
ในลานจอดรถ เสียงรองเท้าส้นสูงที่กระทบอยู่บนพื้นได้ยินอย่างชัดเจน เสียงนั้นเจือปนความร้อนรน
ฉู่เจียเสวียนเดินมาถึงรถ ยื่นมือต้องการจะเปิดประตูรถ
แสงรอบตัวฉันมืดลงทันที หนุ่มนักเลงสี่ห้าคนปรากฏตัวขึ้นข้างกายฉู่เจียเสวียน
เงยหน้าขึ้น ฉู่เจียเสวียนเห็นผู้ชายพวกนั้นมีรอยยิ้มบนใบหน้า แววตาที่มองเธอมีความคลุมเครือ
พวกเขาต้องการจะทำอะไร ดูท่าทางของพวกเขาแล้วเหมือนรอเธอมานานแล้วสินะ
ริมฝีปากแดงยกยิ้ม สายตาเย็นชาของฉู่เจียเสวียนมองผู้ชายสี่ห้าคนรอบกาย ย้อมผมหลากสี บนใบหน้ามีรอยยิ้มประสงค์ร้าย
เธอกล้าฟันธงว่านักเลงกลุ่มนี้กำลังรอเธออย่างแน่นอน แต่ว่าทำไมล่ะ
“พวกคุณคิดจะทำอะไร”
“ทำอะไร แน่นอนว่าทำคุณไง”
หลังจากผู้ชายพูดจบ ผู้ชายคนอื่นหัวเราะตาม บนใบหน้าของฉู่เจียเสวียนโกรธเคืองยืดเหยียดเท้าออกไปหาผู้ชายคนนั้น
ในเมื่อพวกเขาต้องการหาเรื่อง เช่นนั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ เธอไม่ทำผิดต่อคนอื่น ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำผิดต่อเธอได้ ไว้ค่อยถามพวกเขาอย่างละเอียดตอนที่พวกเขาคลำพื้นหาฟันตัวเองก็แล้วกัน
เมื่อก่อนตอนที่อยู่ต่างประเทศ เพราะว่าฉู่เจียเสวียนมักจะถูกคนรังแก โดยเฉพาะครั้งนั้นหลังจากที่
กงจวิ้นฉือบาดเจ็บเพราะเธอแล้ว เธอก็ไปเรียนศิลปะป้องกันตัว อีกทั้งยังฝึกได้ไม่เลวทีเดียว แม้แต่อาจารย์ที่ฝึกสอนยังกล่าวว่าความสามารถการป้องกันตัวเองของฉู่เจียเสวียนนั้นไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน
ฉะนั้นเมื่อครู่ตอนที่เธอรู้สึกถึงอันตราย เธอก็ตั้งสตินานแล้ว สำรวจผู้ชายสี่ห้าคนนั้น ฉู่เจียเสวียนมีความมั่นใจว่าคนพวกนั้นไม่สามารถเอาเปรียบเธอได้อย่างแน่นอน
ผู้ชายพวกนั้นดูเหมือนคิดไม่ถึงว่าฉู่เจียเสวียนจะจู่ๆ ลงมือทำร้ายคน หลังจากอึ้งไปครู่หนึ่ง ก็ดึงสติกลับมา
“แกนังผู้หญิงตัวดี ดูแล้วคงจะไม่สั่งสอนแกแค่นิดเดียว แกคงไม่รู้ว่าคำว่าตายสะกดยังไงสินะ เดี๋ยวฉันจะจับแกให้พี่น้องของพวกเราจะได้สบายตัวกันสักหน่อย!” เสียงกร่นด่าที่เกรี้ยดกราดดังขึ้น ผู้ชายไม่กี่คนพุ่งปรี่ไปที่ฉู่เจียเสวียน
พวกเขาไม่มีใครเห็นฉู่เจียเสวียนในสายตาทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเห็นลักษณะที่อ่อนแอของเธอเช่นนี้ อย่างไรแล้วพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าฉู่เจียเสวียนจะมีวิชาอยู่ในตัว
ผู้ชายพวกนั้นพุ่งเข้าไปพร้อมกัน เห็นเพียงแค่ขาของฉู่เจียเสวียนที่ขยับไม่หยุด เหยียดขาเตะและมือยกต่อยเพียงไม่กี่ครั้ง ผู้ชายที่ยังก้าวร้าวอวดดีเมื่อสักครู่ ในขณะนี้ต่างกำลังร้องครางด้วยความความเจ็บปวดอยู่บนพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า
“พูด ใครเป็นคนส่งพวกแกมา” มองคนที่นอนอยู่ด้วยความดูถูก บุคลิกดังเจ้าจอมฉู่เจียเสวียนยิ่งใหญ่อย่างเห็นได้ชัด เท้าที่สวมใส่รองเท้าส้นสูงเจ็ดนิ้วอยู่นั้นกำลังเหยียบหนึ่งในบรรดาผู้ชาย
ผู้ชายพวกนั้นต่อให้เป็นในฝันก็นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงที่อ่อนแอเช่นนี้จะเก่งกาจถึงเพียงนี้ หนึ่งต่อห้า พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ พวกเขาประมาทเกินไปแล้ว
“จะพูดไม่พูด” รอสักพักหนึ่งแต่ไม่มีคำตอบ ฉู่เจียเสวียนโมโหแล้ว
ที่จริงตอนนี้ในใจของเธอก็พอจะเดาออกว่าเป็นใคร เพียงแค่เธออยากยืนยันด้วยตัวเองว่าเธอทายถูกก็เท่านั้น
ออกแรงเหยียบลงไปอีก ผู้ชายคนนั้นเจ็บปวด สีหน้าทรมาน คิ้วขมวดเข้าด้วยกัน “อย่าทำแล้ว ฉันพูด ฉันพูด”