ตอนที่ 502 ประสบการณ์ของเผยหนานเจวี๋ย
“ตอนเด็กๆ พ่อผมเข้มงวดกับผมมาก” เผยหนานเจวี๋ยหลับตาลงสบายๆ เพลิดเพลินกับเวลาที่หาไม่ได้ง่ายนัก
“พ่อผมจากไปเร็ว ผมก็แบกรับบริษัทเผยไว้ตั้งแต่เด็กแล้ว” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยรำลึกความหลัง
ฉู่เจียเสวียนฟังเขาอยู่เงียบๆ เขาไม่เคยเล่าเรื่องพวกนี้ให้เธอฟังเลย แม้ว่าเธอจะใช้ชีวิตแต่งงานกับเขาเป็นเวลาสามปี แต่ว่าเธอก็ไม่เคยได้ยินเขาบอกเรื่องนี้กับเธอ
ตั้งแต่ที่แต่งเข้าบ้านเผย ก็เหมือนกับว่าไม่เคยได้ยินคนอื่นพูดถึงเรื่องพ่อของเขาเลย และเธอก็ไม่กล้าถาม ข้อหนึ่งเพราะตอนนั้นเผยหนานเจวี๋ยไม่ชอบ ข้อสอง เธอก็ไม่ใช่คนอยากรู้อยากเห็นเท่าไรนัก
“หลายปีมานี้ คุณเหนื่อยหรือเปล่า” ฉู่เจียเสวียนพูดขึ้น เธอรอให้เผยหนานเจวี๋ยพูดจบแล้วจึงเอ่ยถาม
ในความรู้สึกของเธอ เผยหนานเจวี๋ยก็เป็นเหมือนภูเขาลูกใหญ่ ราวกับว่ามีพลังที่ใช้ไม่มีวันหมด เป็นภูเขาที่ไม่มีวันล้ม
ในใจเธอนั้นไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้
เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่เจียเสวียน เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกอบอุ่นในใจ เขามองฉู่เจียเสวียนอย่างลึกซึ้ง “ไม่เคยมีใครถามผมมาก่อนว่าเหนื่อยหรือเปล่า” เนื่องจากเขาเป็นผู้สืบทอดและเป็นเสาหลักของบริษัทเผย เขาจะล้มไม่ได้ การทำงานล่วงเวลาในตอนกลางคืนนับครังไม่ถ้วน เขาก็รู้สึกเหนื่อยและร่างกายของเขาก็อ่อนล้ามากเช่นกัน แต่ว่ากลับไม่เคยมีใครถามเขาแบบนี้เลย
“นี่คือชีวิตที่คุณอยากได้เหรอ” มองดูเผยหนานเจวี๋ยในตอนนี้ ทำให้เธออยากจะเข้าใจเขาให้มากกว่านี้อย่างอดไม่ได้
เมื่อเห็นเผยหนานเจวี๋ยที่เป็นแบบนี้ ฉู่เจียเสวียนรู้สึกปวดใจอย่างประหลาด เมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นสามีภรรยากัน เขาไม่เคยเล่าความในใจให้เธอฟังเลยสักครั้ง
“ผมไม่เคยเสียใจ” เผยหนานเจวี๋ยยกมุมปากยิ้ม ทุกคนล้วนมีชะตาชีวิตเป็นของตัวเอง เขาเกิดมาเป็นทายาทของตระกูลเผย หากต้องการให้บริษัทเผยมีความรุ่งเรือง เขาก็ต้องเป็นคนไปทำ อีกทั้งต้องพยายามทำให้ดีที่สุด
เผยหนานเจวี๋ยกับฉู่เจียเสวียนเงยหน้ามองดูท้องฟ้าที่แจ่มใส ทะเลกว้างสีคราม เสียงหัวเราะดังอยู่ทุกหนแห่ง ทุกอย่างสวยงามราวกับภาพวาด
ทันใดนั้น เผยหนานเจวี๋ยก็เหมือนกับได้ยินเสียงกดชัทเตอร์ เขารีบมองไปรอบกายอย่างตื่นตัว แต่กลับไม่เห็นคนที่น่าสงสัย หรือว่าเขาจะคิดมากไป?
“เป็นอะไรไป” ฉู่เจียเสวียนมองดูท่าทางของเผยหนานเจวี๋ยที่แปลกไปฉับพลัน เอ่ยถาม
“ไม่มีอะไร” เผยหนานเจวี๋ยเป็นคนระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา หากเขาไม่ระวังแล้ว เขาจะใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยในแวงวงธุรกิจมานานขนาดนี้ได้อย่างไรกัน
“บางทีพวกเราอาจจะเป็นเพื่อนกันก็ได้” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากทันใด เผยหนานเจวี๋ยในตอนนี้ก็เหมือนกับผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง เขาที่เป็นแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกอยากใกล้ชิดเขาอย่างประหลาด
“แต่ว่าผมไม่อยากเป็นแค่เพื่อนกับคุณ” เผยหนานเจวี๋ยมองท้องฟ้าสีครามพร้อมพูดขึ้นอย่างเชื่องช้า
เขาไม่ต้องการเป็นเพียงเพื่อนธรรมดาของเธอ สิ่งที่เขาต้องการก็คือการเป็นมากกว่าเพื่อน
ได้ยินเผยหนานเจวี๋ยพูดเช่นนี้ ฉู่เจียเสวียนเงียบไป เขาหันมองฉู่เจียเสวียน แล้วพูดต่อ “ผมโลภมากใช่ไหม”
ฉู่เจียเสวียนส่ายหน้า ทุกคนต่างมีความโลภทั้งนั้น เธอจะมีสิทธิ์อะไรไปว่าเผยหนานเจวี๋ย เธอเองก็โลภเหมือนกัน ดังนั้นสวรรค์จึงทำให้เธอทุกข์ทรมานเพียงนี้
“คืนนี้ผมจะพาคุณไปเที่ยวที่บาร์ ตอนกลางคืนบาร์ที่นี่จะครึกครื้นเป็นพิเศษ” เผยหนานเจวี๋ยอยากให้ฉู่เจียเสวียนมาร่วมสนุกด้วย ฉู่เจียเสวียนเธอเงียบเกินไปแล้ว เขาอยากให้เธอผ่อนคลายอย่างเต็มที่
“คุณเคยมาที่นี่เหรอ” ฉู่เจียเสวียนถามด้วยความประหลาดใจ
“เปล่า นี่เป็นครั้งแรก ผมทำการสำรวจแล้ว” เผยหนานเจวี๋ยตอบตามความจริง
กลางคืนย่างกรายเข้ามาช้าๆ เผยหนานเจวี๋ยพาฉู่เจียเสวียนเข้าไปในบาร์ นี่เป็นการแสดงสินะ ตอนที่เผยหนานเจวี๋ยมา ก็จงใจวางแผนไว้แล้ว
“ขอน้ำส้มให้เธอแก้วนึง ผมขอแชมเปญ” เผยหนานเจวี๋ยพูดกับบาร์เทนเดอร์
เห็นได้ชัดว่าฉู่เจียเสวียนไม่ชอบการกำกับของเผยหนานเจวี๋ย เธอพูดอย่างไม่พอใจ “ฉันก็อยากดื่มเหมือนกัน” ทำไมเขาดื่มเหล้าแต่เธอกลับดื่มน้ำส้มล่ะ?
บรรยากาศที่นี่ครื้นเครงเพียงนี้ เธอก็ต้องการดื่มเหล้า
“งั้นผมขอเปลี่ยนเป็นมาการิต้า” เผยหนานเจวี๋ยเห็นว่าฉู่เจียเสวียนอยากดื่ม จึงสั่งคอกเทลที่มีปริมาณแอลกอฮล์ต่ำให้เธอ
ตอนที่ 503 ฉันอยากขึ้นไปข้างบน
“หึ…” ฉู่เจียเสวียนหัวเราะเบาๆ โผเข้าสู่อ้อมแขนของเผยหนานเจวี๋ย และหนีออกจากริมฝีปากของเขา
ริมฝีปากของเผยหนานเจวี๋ยคลาดกับริมฝีปากของฉู่เจียเสวียน ไม่ได้จูบเธอ ทำให้เขารู้สึกผิดหวัง เขามองผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดอย่างจนปัญญาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเธอตั้งใจหรือว่าไม่ได้ตั้งใจ
ฉู่เจียเสวียนซบๆ อยู่ในอ้อมกอดของเผยหนานเจวี๋ย บนใบหน้ามีรอยยิ้มชวนหลงไหล สูดความอบอุ่นของอ้อมกอดเขาอย่างตะกละตะกลาม
หลายคืนที่ผ่านมา ขณะที่เธอตกใจตื่นจากความฝัน เธอหวังเหลือเกินว่าจะมีเขาอยู่ข้างกาย แต่ความเป็นจริงกลับบอกเธอว่า ทุกอย่างที่เธอได้รับในตอนนี้ล้วนมาจากเผยหนานเจวี๋ย
ตอนนี้ ดูเหมือนเป็นเพราะดื่มเหล้า จึงเริ่มมีความกล้าขึ้นมาเล็กน้อย บางทีเมื่อมีสติก็ไม่กล้าเข้าใกล้ ได้แต่อาศัยความเมาเพื่อเข้าใกล้เท่านั้น
ฉู่เจียเสวียนไม่รู้ว่าตัวเองเมาหรือเปล่า ทั้งๆ ที่ในใจรู้ว่าเธอไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้ แต่เธอต้องการความอบอุ่นจากอ้อมแขนเขามากจริงๆ
อ้อมกอดเช่นนี้ เคยเป็นสิ่งที่ฉู่เจียเสวียนคิดอยากครอบครองมากที่สุด ตอนนี้ก็ปล่อยให้เธอได้ปล่อยตัวปล่อยใจสักหน่อยเถอะ
เรื่องของความรักที่มีผลร้ายแรงกับชีวิตเช่นนี้ เพียงคุณบอกว่าไม่คิดก็ไม่คิด บอกว่าตัดใจก็ตัดใจงั้นหรือ นั่นเป็นเพียงการปกปิดต่อหน้าผู้คนเท่านั้น ความจริงมันเป็นอย่างไร มีเพียงตัวเองที่รู้ดีที่สุด
ความรักของเธอที่มีต่อเผยหนานเจวี๋ยคือความบริสุทธิ์ใจที่มีต่อเขาในวัยเยาว์ เธอไม่ทันระวังก็เกือบยกชีวิตให้เขาแล้ว และในความเป็นจริงเธอก็ได้ทุ่มครึ่งชีวิตของเธอเข้าไปแล้วเช่นกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะฉู่อีอีกลับมา เชื่อว่าเธอจะยังคงอยู่ข้างกายเขา และปล่อยให้เขาทรมานอย่างขมขื่นอย่างแน่นอน ถ้าหากไม่มีฉู่อีอี ตอนนี้เธอยังจะอยู่ข้างกายเขาหรือเปล่า
แต่แม้ว่าจะไม่มีฉู่อีอี มันก็มีปัญหาและความขัดแย้งมากมายระหว่างพวกเขา ก็ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้สินะ?
สมองของฉู่เจียเสวียนเริ่มเลือนลาง คิ้วก็เริ่มผูกกันเล็กน้อย “หนวกหูจังเลย”
“ผมจะพาคุณกลับ” ได้ยินฉู่เจียเสวียนพูดแบบนี้ เผยหนานเจวี๋ยก็พูดขึ้น
“ฉันไม่อยากกลับ!” ฉู่เจียเสวียนเอาแต่ใจเล็กน้อย ใบหน้าน้อยๆ ที่งดงามเปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจ
“ฉันไม่อยากไปไหนทั้งนั้น!” ดูเหมือนว่าต้องการจะพิสูจน์ความแน่วแน่ของตัวเอง เธอพูดขึ้นอีกครั้ง
“ฉันอยากขึ้นไปข้างบน!” ฉู่เจียเสวียนเงยหน้า เห็นผู้คนที่เต้นรำอย่างไม่หยุดหย่อนบนเวที เธอยกมือขึ้นชี้
เผยหนานเจวี๋ยหันมอง สีหน้าเปลี่ยนเป็นมืดมนทันที “ไม่ได้!”
บนเวที กลุ่มคนเหล่านั้นเต้นกันอย่างเมามัน เขาไม่อนุญาตให้เธอขึ้นไปถูกคนเอารัดเอาเปรียบหรอก
“แต่ว่าฉันอยากเต้น” เธอยิ้มให้เขา รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์
“งั้นก็กลับไปเต้นให้ผมดูคนเดียว” ริมฝีปากของเผยหนานเจวี๋ยเอื้ือนเอ่ยกับเธอ ฉู่เจียเสวียนที่ดื่มเหล้าทำให้เขาไม่สามารถต้านทานได้จริงๆ
“ฉันไปเองก็ได้ หึ!” ฉู่เจียเสวียนเห็นว่าเขาไม่ยอม ก็พูดด้วยความเอาแต่ใจ เธอต้องการจะออกจากอ้อมแขนของเขาและเดินขึ้นไปบนเวที
ชายสองคนที่บาร์ เห็นว่าฉู่เจียเสวียนกับเผยหนานเจวี๋ยเหมือนมีเรื่องขัดแย้งกัน สบตากันและกัน แล้วเดินมายังพวกเขา ชายทั้งสองสังเกตฉู่เจียเสวียนอยู่นานแล้ว
ตอนนี้โอกาสมาถึงอย่างยากลำบาก แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถปล่อยไปได้
เงาของคนสองคนปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน เผยหนานเจวี๋ยเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นผู้ชายสองคนยืนข้างพวกเขาด้วยใบหน้าดุจสุภาพบุรุษ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป้าหมายของพวกเขาต้องเป็นฉู่เจียเสวียนแน่นอน ทันใดนั้นแววตาก็เยือกเย็นลง
“คุณหนูท่านนี้ พวกเราก็อยากขึ้นไป ไปด้วยกันไหมครับ” หนึ่งในผู้ชายที่หน้าตาพอใช้ได้พูดขึ้น พวกเขาได้ยินบทสนทนาระหว่างเผยหนานเจวี๋ยกับฉู่เจียเสวียนอย่างชัดเจน