ตอนที่ 530 อึดอัด
“ผมว่าส่งคุณไปตรวจที่โรงพยาบาลดีกว่า” เผยหนานเจวี๋ยพูดเองเออเอง เขาไม่สามารถทนดูเธอที่อ่อนแอแบบนี้แต่ก็ยังฝืน หากป่วยก็ต้องรักษา
“ไม่ ฉันไม่ไปโรงพยาบาล ฉันอยากกลับบ้าน” ฉู่เจียเสวียนไม่ต้องการถูกเขากอดอีกต่อไป แบบนี้มันน่าอึดอัดเกินไปแล้ว
“บ้านคุณก็อยู่นี่ไม่ใช่เหรอ” เผยหนานเจวี๋ยมองวิลล่าด้วยความสงสัย สงสัยว่าไข้ของเธอยังไม่ลดหรือเปล่า
เมื่อคิดเช่นนี้ เผยหนานเจวี๋ยก็ยื่นมือออกมาสัมผัสหน้าผากของฉู่เจียเสวียน
ฉู่เจียเสวียนตกใจ สายตามองการกระทำของเผยหนานเจวี๋ยแปลกๆ คนที่มีไข้คือเขาล่ะมั้ง?
“ก็ไม่มีไข้นี่นา แล้วทำไมพูดเริ่มพูดเหลวไหลล่ะ” เผยหนานเจวี๋ยมีสีหน้างุนงง ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดพึมพำอยู่ตรงนั้นคนเดียว
“ปล่อยฉันนะ” ในที่สุดฉู่เจียเสวียนก็ทนไม่ไหว เธอไม่ต้องการมีท่าทีที่ไม่ชัดเจนกับเผยหนานเจวี๋ยอยู่ตรงนี้ ที่ตรงนี้จะมีคนผ่านมาเมื่อไรก็ได้ อีกทั้งซูซานก็ยังอยู่ที่นี่ ถ้าเธอไม่ไปที่บริษัท อีกสักครู่กงจวิ้นฉือก็จะต้องมาหาเธอ ถ้าเขาเห็นเธอกับเผยหนานเจวี๋ยอยู่ในสภาพคลุมเครือเช่นนี้ เธอสามารถจินตนาการสีหน้าของเขาได้เลย
เผยหนานเจวี๋ยเห็นสีหน้าที่เย็นชาและท่าทีที่น่ากลัวของฉู่เจียเสวียนแล้ว ก็ไม่กล้ายั่วให้เธอโมโหอีก เขาจับเธอเข้าไปที่นั่งข้างคนขับทันที จากนั้นเขาก็ขึ้นไปนั่งบนที่นั่งคนขับอย่างใจเย็น ราวกับว่านี่คือรถของเขา
“ผมจะยอมเป็นคนขับรถของคุณสักครั้ง รัดเข็มขัดให้ดี พวกเราจะไปกันแล้ว” แม้จะอยากกอดเธอไม่ปล่อยมากเหลือเกิน แต่การส่งเธอไปที่โรงพยาบาลนั้นสำคัญกว่า ฉะนั้นก็ทำมันเลยก็แล้วกัน ถึงจะพูดอย่างไรเธอก็ไม่ฟังอยู่แล้ว
“ฉันขอปฏิเสธ” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากปฏิเสธ แต่ว่าคำปฏิเสธของเธอนี้อ่อนแรงเกินไปแล้ว เพราะว่าใครบางคนไม่ฟังเธอเลย และตอนนี้รถก็ออกไปไกลแล้ว
เผยหนานเจวี๋ยพาฉู่เจียเสวียนมาโรงพยาบาลที่ดีที่สุดของเมือง A ฉู่เจียเสวียนเกือบจะถูกเผยหนานเจวี๋ยส่งตัวไปยังห้องทำงานของผู้อำนวยการแล้ว เผยหนานเจวี๋ยมีสีหน้าบึ้งตึงตลอดเวลา ฉู่เจียเสวียนไม่ให้ความร่วมมือเลย เขาให้ไปซ้าย เธอก็จะไปขวา เขาบอกให้ไปขวา เธอก็จะไปซ้าย
“ไม่กล้าเปิดเผยอาการป่วยออกมาเพราะกลัวการรักษา มันไม่ดีนะ” เผยหนานเจวี๋ยต้องการจะพาฉู่เจียเสวียนไปที่เครื่องมือโดยตรง แต่ว่าฉู่เจียเสวียนไม่ยอม นี่ทำให้เขาปวดหัวเป็นอย่างมาก เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอารมณ์ของผู้หญิงคนนี้จะเลวร้ายขนาดนี้
หลังจากตรวจร่างกายเสร็จด้วยความยากลำบาก ฉู่เจียเสวียนต้องการจะอยู่ต่อเพื่อฟังคำแนะนำจากหมอ ทั้งๆ ที่หมอท่านนี้เป็นคนที่ตรวจอาการของเธอเมื่อสองวันก่อน เมื่อคุณหมอเห็นเธอก็เอ่ยถามอย่างเสียไม่ได้ “คุณมาอีกแล้วเหรอ”
เธออับอายมาก อับอายไปจนถึงครอบครัวบรรพบุรุษเลยทีเดียว ดูสิ ดูสิว่าคนอื่นก็จำเธอได้แล้ว
“คุณฉู่ คุณต้องดูแลตัวเองดีๆ เมื่อก่อนร่างกายคุณก็ป่วยบ่อยใช่ไหมครับ อุตส่าห์ฟื้นความแข็งแรงมาได้ทั้งที ทำไมถึงเริ่มอ่อนแออีกแล้ว ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปอันตรายมากนะครับ อย่าใช้ร่างกายคุณหนักเกินไป” คุณหมอเป็นชายแก่คนหนึ่ง รู้สึกเสียดายผู้หญิงที่ภายนอกงดงามแต่ขาดสารอาหารภายในอย่างฉู่เจียเสวียนเป็นอย่างมาก
ทั้งๆ ที่คราวที่แล้วก็บอกให้เธอพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าให้ร่างกายหักโหมจนเกินไป เพิ่งออกไปยังไม่ถึงสองวันก็กลับมาอีกแล้ว
เมื่อเผชิญกับความคับข้องใจของคุณหมอแบบนี้ ฉู่เจียเสวียนไม่สามารถมองเขาได้ เธอรู้สึกขายหน้ามากจริงๆ
“คุณจะต้องพักผ่อนมากๆ ต้องเพิ่มสารอาหาร ห้ามอดมื้อกินมื้ออีก เดี๋ยวผมจะให้รายการอาหารกับคุณ คุณก็กินตามอาหารที่อยู่ด้านบน ถ้าผู้หญิงไม่ดูแลร่างกายตัวเองตอนอายุยี่สิบสามสิบ ต่อไปอายุสี่ห้าสิบก็จะป่วยไข้ทั้งตัว” สุดท้ายคุณหมอเน้นเป็นพิเศษ
เผยหนานเจวี๋ยฟังคำพูดของคุณหมอ สีหน้ามืดมนลงทีละน้อยๆ
ตอนที่ 531 ตอนนี้ไม่ทันแล้ว
ฉู่เจียเสวียนผู้หญิงคนนี้สนใจร่างกายของตัวเองบ้างหรือเปล่า มีซูซานคอยดูแลแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมร่างกายของเธอถึงได้อ่อนแอขนาดนี้
มีโรคเล็กๆ น้อยๆ มากมาย แต่โชคดีที่ไม่มีปัญหาอะไรใหญ่ ไม่อย่างนั้นโรงพยาบาลแห่งนี้คาดว่าจะต้องถูกเผยหนานเจวี๋ยทำลายแน่ๆ
ฉู่เจียเสวียนคิดมาตลอดว่าตัวเองร่างกายแข็งแรงมาก คราวก่อนที่มีไข้ก็ไม่ได้ตรวจร่างกาย หลังจากไข้ลดเธอก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว คิดไม่ถึงว่าตอนนี้พอตรวจร่างกายแล้วทำให้เธอตกใจมาก คุณหมอกำลังบอกว่าร่างกายของเธอกำลังแก่ตัวลง
ฉู่เจียเสวียนได้ยินเพียงคำว่าแก่ตัวสองคำนี้จากคำพูดทั้งหมด เธอเหมือนกับโดนฟ้าผ่าจนกรอบนอกนุ่มใน เธอยังไม่ทันจะสามสิบดี กำลังอยู่ในวัยที่เบ่งบานสูงสุด แก่ตัวอะไรกัน!
เธอนำความรุ่งโรจน์กลับมาจากต่างประเทศด้วยความยากลำบาก กว่าจะมีวันนี้ได้นั้นไม่ง่ายเลย เธอยังไม่ทันเพลิดเพลินกับแสงสว่าง ยังไม่ทันจัดการเรื่องทุกอย่างให้เสร็จสิ้น ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกว่าแก่ตัวลงไปไม่น้อย
ครั้งนี้ฉู่เจียเสวียนรู้สึกไม่ดีเลย เธอดูเหมือนสับสนอยู่ในสายลม
เผยหนานเจวี๋ยพาฉู่เจียเสวียนที่ร้องไห้โดยไม่มีน้ำตาออกจากโรงพยาบาล เขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติของฉู่เจียเสวียน เธอดูเหมือนว่าได้รับการจู่โจมไม่น้อย
ฉู่เจียเสวียนมองเผยหนานเจวี๋ยด้วยความไม่พอใจ จากนั้นก็นั่งบนรถโดยไร้คำพูดใดๆ อารมณ์ของเธอในตอนนี้เกินคำบรรยายจริงๆ
ทันทีที่นึกถึงคำว่าแก่ตัวสองคำนี้ เธอยิ่งหมดแรง
ผู้หญิงนั้นรักสวยรักงาม นี่คือกฎที่ไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่คุณยังอ่อนเยาว์แต่จู่ๆ ก็ถูกทักว่าคุณดูแก่มาก จะให้รู้สึกอย่างไร?
“คิดอะไรอยู่น่ะ ไม่ดูแลร่างกายตัวเองให้ดีแน่นอนว่าก็ต้องแก่ก่อนวัยอยู่แล้ว” เผยหนานเจวี๋ยเห็น
ฉู่เจียเสวียนไม่พูดไม่จา ก็จงใจเอ่ยปากเย้าแหย่ฉู่เจียเสวียน
เขาไม่น่าเปิดประเด็นเลยจริงๆ ฉู่เจียเสวียนรู้สึกโมโหทันทีเพราะคำพูดของเผยหนานเจวี๋ย มองเผยหนานเจวี๋ยด้วยสายตาเกลียดชัง
เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกได้เพียงแรงอาฆาตที่พุ่งเข้ามา เขาเลิกคิ้วเบาๆ พร้อมมองฉู่เจียเสวียน คิดไม่ถึงว่าความโกรธในตัวเธอจะแรงถึงเพียงนี้
“รายการอาหารที่คุณหมอให้มา คุณกลับไปบ้านก็กินให้ดี ขอเพียงกินตามที่บอก ร่างกายของคุณก็จะไม่มีปัญหาแล้ว” เผยหนานเจวี๋ยต้องการจะพาฉู่เจียเสวียนกลับวิลล่าไปหาซูหราน ซูหรานเชี่ยวชาญเรื่องนี้เป็นอย่างดี
“ไม่” ฉู่เจียเสวียนไม่มองก็เบือนหน้าหนีทันที เธอไม่เชื่อในการกินอาหารอะไรทั้งนั้น โภชนาการจะทำให้เธอกลับไปเป็นสาวได้จริงหรือ
ฉู่เจียเสวียนมองนอกหน้าต่าง สีหน้าไม่มีความสุข
ขณะที่รถขับไปได้ครึ่งทาง ฉู่เจียเสวียนจึงพบว่าเธอห่างวิลล่าไกลออกไปทุกที มองดูแวดล้อมรอบกายที่เงียบสงบ แล้วหันมองเผยหนานเจวี๋ย รู้สึกว่าเขามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเล็กน้อย
“คุณจะพาฉันไปไหน” ฉู่เจียเสวียนกล่าว สายตาที่มองเขามีความโมโห
ทำไมตอนนี้เธอถึงถูกเขาจูงจมูกไปซะแล้ว ทั้งๆ ที่ตอนที่เธอกลับมาก็ไม่ได้เป็นแบบนี้!
ตั้งแต่เมื่อไรกันนะที่เธอพัวพันกับเผยหนานเจวี๋ยจนล้ำลึกขนาดนี้ อีกทั้งเธอดูเหมือนว่าจะชอบซะด้วย?
“วิลล่าของผม” เผยหนานเจวี๋ยต้องการพาฉู่เจียเสวียนไปหาซูหราน เชื่อว่าเขาจะสามารถให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพได้อย่างแน่นอน
“ฉันไม่อยากไป ฉันจะกลับบ้าน!” ฉู่เจียเสวียนไม่ต้องการไปที่วิลล่าของเขา ที่นี่ไม่ได้มีความทรงจำที่ดีอะไร มีเพียงกองเลือดกับน้ำตาเท่านั้น
“เหมือนว่าตอนนี้ไม่ทันแล้วล่ะ” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ แววตาอมยิ้ม ตอนนี้ก็มาครึ่งทางแล้ว เธอเพิ่งจะรู้ว่ามันผิดปกติงั้นเหรอ ความตื่นตัวของเธอต่ำไปหน่อยหรือเปล่า
“จอดรถ ฉันจะลงรถ!” ฉู่เจียเสวียนกล่าวเย็นชา เธอไม่คววรมีการประนีประนอมใดๆ กับเขาเลย