หลังจากหวังอวิ๋นไฉ่ได้ยินว่าเผยหนานเจวี๋ยมาถึงแล้ว น้ำตาในดวงตาเปล่งประกาย มองดูฉู่อีอีที่โผเข้าสู่อ้อมกอดของเผยหนานเจวี๋ย ในใจยิ่งรู้สึกพึงพอใจต่อเผยหนานเจวี๋ย
ลูกสาวช่างตาถึงจริงๆ ผู้ชายดีๆ คนนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่ห้ามปล่อยให้ฉู่เจียเสวียนหญิงเลวคนนั้นคว้าตัวไปได้ หวังอวิ๋นไฉ่คิดในใจ
“คุณเป็นอะไรไป” เผยหนานเจวี๋ยมองฉู่อีอีที่ร้องไห้จนใบหน้างดงามเปื้อนน้ำตา ความว้าวุ่นใจก่อตัวขึ้นในดวงตา ยื่นมือลูบผมที่นุ่มสลวยของฉู่อีอี เผยหนานเจวี๋ยผละฉู่อีอีออกจากอ้อมกอดของตัวเอง พาเธอเดินไปยังโซฟา
ฉู่อีอีตามหลังของเขาไป ในใจกำลังคิดว่าต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถทำให้เผยหนานเจวี๋ยเกลียดฉู่เจียเสวียนมากกว่าเดิม
พอนั่งลง เผยหนานเจวี๋ยเอื้อมมือเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของฉู่อีอี มองดูดวงตาทั้งคู่ของเธอที่สวยงามสดใส ความอ่อนโยนก่อตัวขึ้นในดวงตา ไม่ว่าเวลาไหนเขาก็ทนเธอร้องไห้ไม่ได้
“หนานเจวี๋ย คุณแม่เชิญพี่สาวกลับมากินข้าวด้วยความหวังดี บอกว่าพวกเราสองพี่น้องไม่ได้เจอกันนานแล้ว ให้พวกเราได้คุยกัน แต่ว่า…” ยิ่งฉู่อีอีพูดมาถึงตอนสุดท้าย เสียงก็ยิ่งเบาลง เสียงสะอื้นยิ่งดังขึ้น สุดท้ายก็ร้องไห้จนพูดไม่เป็นศัพท์แล้ว
สายตาหลุบลงต่ำ ส่งสายตาให้หวังอวิ๋นไฉ่ในมุมที่เผยหนานเจวี๋ยมองไม่เห็น เมื่อหวังอวิ๋นไฉ่เห็นก็เงยหน้ามองเผยหนานเจวี๋ย จู่ๆ ก็ร้องไห้ขึ้นมาเสียงดัง
เสียงร้องไห้ที่เหมือนหมูถูกเชือดของหวังอวิ๋นไฉ่ทำเอาเผยหนานเจวี๋ยปวดหัว เงยหน้าขึ้นมองหวังหวิ๋นไฉ่เย็นชา ไม่รู้ว่าจู่ๆ เกิดคลั่งอะไรขึ้นมา คิดอยากจะร้องไห้ก็ร้อง
“นั่นสิ ฉันเลี้ยงเขามาจนโตอย่างยากลำบาก คิดว่าง่ายเหรอ คิดไม่ถึงว่าเขาจะว่าอีอีว่าหน้าไม่อาย ยั่วยวนพี่เขย เขาไม่เห็นความดีของอีอีก็ช่างประไร แต่ตอนนี้ยังรังแกฉันอีก ฮือๆ ทำไมเขาถึงได้ใจร้ายแบบนี้”
หวังอวิ๋นไฉ่คล้อยตามคำพูดของฉู่อีอี ร้องห่มร้องไห้อย่างหนัก
มองดูทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งสองคนร้องไห้เสียใจเกินจริง เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกหงุดหงิด
ทำไมเมื่อก่อนเขาถึงไม่รู้ว่าฉู่อีอีชอบร้องไห้ขนาดนี้นะ
เมื่อก่อนตอนที่ฉู่อีอีร้องไห้ต่อหน้าตัวเอง เขาเพียงรู้สึกว่าเธอเป็นคนสวยที่มีน้ำตา น่าสงสารมาก ในตอนนั้นเขาอดใจไม่ไหวที่จะมอบหัวใจให้กับเธอ
ตั้งแต่เมื่อไรกันที่เขาค่อยๆ ด้านชากับการเห็นน้ำตาของเธอ หรือแม้แต่มีอารมณ์เชิงลบ
ในใจรู้สึกไม่พอใจ คิ้วขมวดเข้าหากัน
ทันใดนั้น ในหัวนึกถึงเมื่อครั้งที่ฉู่อีอีอยู่โรงพยาบาลเมื่อสามปีก่อน ฉากที่ฉู่เจียเสวียนถูกหวังอวิ๋นไฉ่ชี้หน้าด่า ในตอนนั้นเธออดกลั้นเอาไว้ โดนหวังอวิ๋นไฉ่ด่าเสียสาดเสียเทเสีย เธอก็แค่ตอบกลับสองสามคำ ท่ามกลางความอ่อนแอของเธอในเวลานั้นมีความดื้อรั้น แตกต่างจากฉู่อีอีในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง
“หนานเจวี๋ย ทั้งๆ ที่ตอนนั้นพี่สาวเป็นคนผิด เขาทำให้ฉันพรากจากคุณ ตอนนี้เขายังมาบอกว่าฉันยั่วยวนคุณ ฉัน…” ฉู่อีอียิ่งพูดยิ่งร้องไห้เสียใจ เนื้อตัวสั่นเทารุนแรง
เธอไม่เชื่อหรอกว่าเธอร้องไห้เสียใจขนาดนี้ เผยหนานเจวี๋ยจะไม่เชื่อเธอ เธอคือผู้หญิงที่เขารักนะ
“ใช่แล้ว หนานเจวี๋ย เธอดูสิว่าฉู่เจียเสวียนไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้กลายเป็นคนที่ไม่มีคุณธรรมเลยสักนิด เมื่อกี้ยังคิดจะลงมือตีฉัน คนชั่วคนนั้นยิ่งไร้การศึกษาลงทุกที” หวังอวิ๋นไฉ่ยิ่งพูดยิ่งได้ใจ สุดท้ายก็เอ่ยปากด่ายกใหญ่
เมื่อได้ยินว่าหวังอวิ๋นไฉ่ยิ่งพูดยิ่งมีอารมณ์ ฉู่อีอีกลัวว่าสักครู่หวังอวิ๋นไฉ่จะทำแผนพัง รีบกล่าวตัดบทเธอ
“แม่คะ แม่ไม่ต้องพูดแล้ว เรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว อย่าพูดถึงเลย” ฉู่อีอีเหลือบสำรวจสีหน้าของเผยหนานเจวี๋ย คิ้วที่ขมวดกันแน่นของเขาในตอนนี้ทำให้ฉู่อีอีไม่แน่ใจ
เธอพบว่าตอนนี้เธอยิ่งเดาความคิดของเผยหนานเจวี๋ยได้ยากขึ้นทุกที เมื่อก่อนเพียงแค่เขาคิดอะไรเธอก็จะรู้ แต่ว่าตอนนี้เธอเดาไม่ออกแล้ว
ถ้าหากเผยหนานเจวี๋ยยืนอยู่ข้างเธอล่ะก็ เช่นนั้นเธอก็จะไม่กลัวคำพูดของหวังอวิ๋นไฉ่ แต่ว่าตอนนี้เธอไม่มั่นใจเลยสักนิด ฉะนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หวังอวิ๋นไฉ่พูดมากและมีข้อผิดพลาดมากจึงเอ่ยปากตัดบท