ตอนที่ 652 ไม่ท้าทายเลยสักนิด
เพราะอย่างนั้นสุดท้ายแล้วซูซานก็ยังคงรับผิดชอบเรื่องอาหารเพียงคนเดียว ส่วนภายในบ้านก็จ้างคนงานชั่วคราวเพื่อทำความสะอาดทุกวัน
เรื่องพนักงานชั่วคราวนั้น ฉู่เจียเสวียนไม่ยอมอ่อนข้อให้เลยสักนิด เธอรู้สึกว่าเธอสามารถปล่อยให้ซูซานทำอาหารได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรนี่ก็เป็นสิ่งที่ซูซานยืนกรานจะทำ แต่เรื่องความสะอาดภายในบ้านนั้น ฉู่เจียเสวียนจะไม่ยอมปล่อยให้เธอทำอย่างเด็ดขาด เดิมทีร่างกายของซูซานก็ไม่ดีอยู่แล้ว หากยังปล่อยให้เธอทำความสะอาดอีก นั่นก็เท่ากับเป็นการเพิ่มภาระงานให้เธอไม่ใช่หรือ
ดังนั้นเมื่อฉู่เจียเสวียนไม่ยอม ซูซานจึงทำได้เพียงปล่อยให้เธอจ้างคนงานชั่วคราวเพื่อทำความสะอาด
“ฝีมือของน้าซูดีมากจริงๆ ครับ แต่ว่าอายุของคุณน้าก็มากแล้ว ควรดูแลเรื่องการพักผ่อนให้ดีกว่า” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปาก อดไม่ได้ที่จะนึกถึงแม่ของตัวเอง
นึกขึ้นมาได้ว่าเธอมาที่คฤหาสน์ของเขาเมื่อไม่นานมานี้ และลงมือเข้าครัวอุ่นแกงให้เขาด้วยตัวเอง เขาคิดว่าพ่อแม่ทุกคนล้วนอยากให้ลูกของตัวเองกินดีอยู่ดีล่ะมั้ง
เมื่อก่อนเขาไม่คิดว่าระหว่างพ่อแม่ทำอาหารกับคนใช้ทำอาหารมันจะต่างกันที่ตรงไหน แต่ว่านับตั้งแต่ที่เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกหวั่นไหวกับฉู่เจียเสวียน ความคิดของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป ไม่เยือกเย็นไร้เมตตาเหมือนอย่างในอดีตอีกแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็กินเยอะหน่อย แม่คุณคงไม่ค่อยมาหาคุณสินะ” ซูซานเอ่ยปากคุยเรื่องทางบ้านกับเผยหนานเจวี๋ย
“ก็มีบ้างครับ” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปากเสียงเบา
“แม่คะ เผยหนานเจวี๋ยเขาไม่ได้อยู่กับแม่ เขามีคฤหาสน์ของเขาเองค่ะ” ฉู่เจียเสวียนกล่าวอธิบายกับซูซาน
“อ๋อ งั้นคุณก็กินให้มากหน่อย” ซูซานยิ้มเอ่ย แม้ว่าเข้าจะเย็นชาไปหน่อย แต่ว่าเขาดีกับฉู่เจียเสวียนมาก เธอดูออกในจุดนี้
ทั้งสามคุยสัพเพเหระกันที่โต๊ะอาหาร บรรยากาศกลมกลืนเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน แม้แต่ใบหน้าเย็นชาดุจภูเขาน้ำแข็งของเผยหนานเจวี๋ยก็ยังมีรอยยิ้ม
หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว ฉู่เจียเสวียนก็ช่วยจัดเก็บถ้วยตะเกียบให้เข้าที่ หลังจากทำงานในครัวเสร็จก็ออกไปที่ห้องนั่งเล่นกับซูซาน
ในห้องนั่งเล่น เผยหนานเจวี๋ยกำลังนั่งอยู่ตรงนั้น เขากำลังเล่นกับไฟแช็กในมือ ไฟแช็กนั้นบอบบางกะทัดรัดมากและมันดูสง่างามยิ่งขึ้นในฝ่ามือของเขา
เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นฉู่เจียเสวียนกับซูซานออกมา เผยหนานเจวี๋ยก็เอ่ยปาก “เดี๋ยวผมจะพาพวกคุณไปที่ที่หนึ่ง” เขาตั้งใจที่จะพาพวกเธอออกไปขับรถเล่น
อากาศข้างนอกดีแบบนี้ อยู่บ้านทั้งวันไม่ดีหรอก
“ไปไหนเหรอ” ฉู่เจียเสวียนกับซูซานนั่งลงตรงข้ามเขา
“ไปปีนเขาดีไหมครับ” เผยหนานเจวี๋ยครุ่นคิด เขาไม่ได้ไปปีนเขานานแล้ว
ปีนเขา? ฉู่เจียเสวียนมองหน้ากับซูซาน ทั้งสองหันกลับมาอย่างเงียบๆ และมองไปยังอากาศข้างนอก ท้องฟ้าแจ่มใส แสงอาทิตย์ส่องสว่าง เหมาะแก่การปีนเขาเป็นอย่างยิ่ง
“ได้ พวกเราไปปีนเขากันเถอะ” ฉู่เจียเสวียนพยักหน้า
อย่างไรก็ตามซูซานชอบปีนเขา ยังจำได้ว่าครั้งก่อนที่ซูซานพาเธอไปปีนเขา เธอตามหลังซูซานด้วยความเหนื่อยหอบ
เผยหนานเจวี๋ยพาฉู่เจียเสวียนและซูซานไปยังภูเขาตงซานในเมือง A มันเป็นภูเขาที่มีระดับน้ำทะเลไม่สูงนัก ใช้เวลาไม่นานก็สามารถขึ้นไปถึงยอดเขาได้แล้ว
หลังจากจอดรถ ฉู่เจียเสวียนมองไปที่ระดับความสูง ริมฝีปากแดงยกยิ้มด้วยความมั่นใจ ภูเขาเตี้ยๆ แบบนี้ เผยหนานเจวี๋ยยังจะกล้าใช้คำว่าปีนออกมาได้
“พวกเราไปกันเถอะ!” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปาก สบตาซูซานแล้วเดินขึ้นไปยังภูเขา เผยหนานเจวี๋ยตามอยู่ด้านหลัง
…
ฉู่เจียเสวียนชอบปลดปล่อยความคิดระหว่างที่ปีนเขา เธอชอบความเงียบสงบแบบนี้
เท้าเหยียบย่ำเศษใบไม้ สายลมอ่อนบนภูเขาที่พัดโชยมาล้วนเป็นอากาศสดชื่น กิ่งก้านและใบไม้เริ่มแตกหน่อแล้ว ใบไม้สีเหลืองเหี่ยวเฉาบนพื้นค่อยๆ ลอยขึ้นไปตามแรงลม และสุดท้ายก็ตกลงมาช้าๆ พร้อมกับสายลม
“ปีนเขาแบบนี้ก็ไม่ท้าทายเลยสักนิด” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปาก เสียงชัดเจนลอยเข้าหูของเผยหนานเจวี๋ย
ตอนที่ 653 ขอแค่เธอมีความสุขก็พอ
เขารีบเดินเข้าไปหาฉู่เจียเสวียน เขาสูงกว่าฉู่เจียเสวียนหนึ่งช่วงศีรษะ รูปลักษณ์ที่โดดเด่นของทั้งสองคนดึงดูดสายตาผู้คนที่ผ่านไปมา
ไม่ว่าจะมองจากด้านหลังหรือด้านหน้า พวกเขาก็เป็นผลงานชิ้นเอกที่สมบูรณ์แบบจากสวรรค์
“ถ้าอย่างนั้นคราวหน้าพวกเราก็ขับรถขึ้นไปเลยดีไหม?” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยเรียบๆ สีหน้ามีความสุข
ภายใต้สภาพแวดล้อมและบรรยากาศแบบนี้ เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกผ่อนคลายทั้งกายและใจ เขาชอบบรรยากาศเช่นนี้มาก โดยเฉพาะเมื่อมีฉู่เจียเสวียนอยู่ข้างกายเขา
ซูซานมองดูแผ่นหลังของทั้งสองคนแล้วยิ้มออกมา
เวลาที่ฉู่เจียเสวียนอยู่กับกงจวิ้นฉือ ตนไม่เคยเห็นรอยยิ้มของเธอดูผ่อนคลายและมีความสุขแบบนี้มาก่อน บางทีเผยหนานเจวี๋ยอาจเป็นบ้านที่ดีที่สุดของเธอจริงๆ ก็ได้
ในที่สุดหลังจากผ่านไปสองชั่วโมง ฉู่เจียเสวียนและคนอื่นๆ ก็ปีนไปถึงยอดเขา ทว่ากลับรู้สึกผิดหวังกับทิวทัศน์บนยอดเขาเป็นอย่างมาก
“ยอดเขานี้ไม่สวยเลยสักนิด” ทิวทัศน์ของภูเขาที่ปีนคราวก่อนยังดูดีกว่านี้
“บนเขาหนาวนิดหน่อย พวกเราลงไปกันเถอะ” เผยหนานเจวี๋ยไม่อยากจะอยู่ที่นี่นานนัก เนื่องจากลมที่อยู่บนยอดเขานั้นแรงกว่าลมที่ตีนเขามาก เขากลัวว่าฉู่เจียเสวียนจะเป็นหวัด
การปีนเขาที่ปราศจากความท้าทายและความกลัวได้สิ้นสุดลงทั้งอย่างนี้ ขณะที่ลงจากเขา พวกเขาก็เดินเร็วกว่าเดิมมาก การลงเขานั้นผ่อนคลายกว่า
รถจอดอยู่ในลานจอดรถใต้ภูเขา เผยหนานเจวี๋ยกับฉู่เจียเสวียนเดินไปที่รถโดยมีคนหนึ่งอยู่ด้านหน้าและคนหนึ่งอยู่ด้านหลัง ซูซานตามอยู่ด้านข้างฉู่เจียเสวียน
เมื่อกลับถึงคฤหาสน์หลี่หยวนก็เป็นเวลาบ่ายสองแล้ว
ซูซานไปที่ห้องครัวเพื่อชงชา ฉู่เจียเสวียนและเผยหนานเจวี๋ยนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น
เขาอยากออกเดตกับฉู่เจียเสวียนตามลำพัง
“คืนนี้ผมจองมื้อค่ำแล้ว” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยด้วยความเอาแต่ใจ น้ำเสียงนั้นไม่อาจปฏิเสธได้
“ไม่อยากไป” ฉู่เจียเสวียนยิ้มพร้อมส่ายหน้า เธออยากแกล้งเผยหนานเจวี๋ย อาการผิดหวังของเขานั้นตลกมาก
“ไม่ไปไม่ได้” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวด้วยความหยิ่งยโส
“แล้วแม่ฉันจะทำยังไง?” ฉู่เจียเสวียนพูดด้วยความเป็นห่วง ถ้าเธอออกไปกับเขา ซูซานจะอยู่บ้านคนเดียว
“คุณน้าดูแลตัวเองได้” มีซูซานอยู่ พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ ขณะที่ปีนเขาเมื่อครู่ เขาก็ไม่กล้าที่จะสัมผัสเธออย่างใกล้ชิด
“ฉัน…”
“พวกลูกไปกันเถอะ แม่ก็เหนื่อยแล้ว แก่ป่านนี้แล้วลูกจะเป็นห่วงอะไรอีก ปกติเวลาลูกทำงานแม่ก็อยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอไง” ซูซานเดินออกมาจากครัวพร้อมถาดในมือ เธอหัวเราะขณะที่ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา
คนหนุ่มสาวที่คบกันอยากจะออกเดตก็เป็นเรื่องที่ธรรมดามาก เธอเองก็อายุปูนนี้แล้ว หรือว่าจะให้เธอตามไปหรืออย่างไร
“แม่คะ…” ฉู่เจียเสวียนกล่าวอย่างไม่พอใจ ตนอยากจะอยู่บ้านเป็นเพื่อนเธอ
“ลูกน่ะ สองวันนี้ก็เที่ยวให้เต็มที่เถอะนะ อีกไม่กี่วันลูกก็จะยุ่งจนลืมกินข้าวแล้ว อาศัยตอนนี้ที่ยังมีเวลาไปเที่ยวให้สนุกซะ” ซูซานเอ่ยปากอย่างเอ็นดู
“ก็ได้ค่ะ” ฉู่เจียเสวียนฟังแล้วได้แต่พยักหน้า ซูซานพูดถูก หลังจากสองวันนี้เธอจะต้องทำงานหนักและจากนั้นคงจะไม่มีเวลามากนัก
ริมฝีปากบางๆ ของเผยหนานเจวี๋ยยกยิ้มขึ้น แววตาที่มองซูซานมีรอยยิ้มวูบผ่าน
“ถ้าอย่างนั้นฉันไปเปลี่ยนเสื้อก่อน” ฉู่เจียเสวียนลุกขึ้นยืน มองเผยหนานเจวี๋ยอย่างจนใจ เธอคงใส่ชุดออกกำลังกายออกไปไม่ได้หรอกนะ?
“ได้” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวอย่างอารมณ์ดีมาก พยักหน้าลง สายตามองไปยังทิศทางที่ฉู่เจียเสวียนจากไป
“น้าซู ขอบคุณนะครับ” เผยหนานเจวี๋ยมองซูซานพร้อมเอ่ย ดูเหมือนว่าระยะหลังนี้เขาจะสุภาพขึ้นมาก เมื่อก่อนเขาไม่เคยกล่าวคำขอบคุณเลย
“ขอแค่เธอมีความสุขก็พอแล้ว” ซูซานเอ่ย