ใบหน้าเย็นชาของเผยหนานเจวี๋ยมองสองคนที่พูดโต้ตอบไปมาอยู่ตรงนั้น รู้สึกหงุดหงิดใจเล็กน้อยอย่างประหลาด
เขาดึงๆ เน็กไทที่คอราวกับว่าทำแบบนี้จะสามารถทำให้เขาผ่อนคลายลงมาบ้าง
รู้สึกได้ถึงแววตาที่ผิดปกติของเผยหนานเจวี๋ย ฉู่อีอีตื่นตกใจ
เขาเป็นอะไรไป ทำไมเมื่อเห็นเธอร้องไห้เสียใจขนาดนี้เผยหนานเจวี๋ยกลับเฉยเมยเหลือเกิน? หรือที่พวกเธอร้องไห้และพูดมันจริงจังไม่พอเหรอ? ฉู่อีอีคิดในใจ ความคิดร้อยพันวนเวียนไปมา
ที่จริงสำหรับเผยหนานเจวี๋ยนั้น ระยะหลังนี้ฉู่อีอียิ่งเดาเขาไม่ออกขึ้นทุกที และเพราะว่าแบบนี้ ในใจของเธอจึงหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เธอกลัวว่าสักวันฉู่เจียเสวียนจะแย่งทุกอย่างที่เป็นของเธอไปจริงๆ
“เอาล่ะ อีอี อย่าร้องไห้เลย พวกเรากลับกันเถอะ” เผยหนานเจวี๋ยมองฉู่อีอีเอ่ยปาก กล่าวกับเธออย่างจนใจ
ที่จริงเขาไม่มีอารมณ์จะอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว ขืนอยู่ที่นี่ต่อไป เขาเกรงว่าตัวเองจะข่มความโมโหของตัวเองไว้ไม่อยู่จริงๆ
ทั้งๆ ที่อีอีคือผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด ทำไมตอนนี้…เขาถึงมีอารมณ์เชิงลบกับเธอแบบนี้
หรือว่ามันเป็นอิทธิพลของผู้หญิงฉู่เจียเสวียนคนนั้นจริงๆ เหรอ
คำพูดของเผยหนานเจวี๋ยทำให้ฉู่อีอีตกตะลึง เงยหน้าขึ้น ท่าทางน่าสงสาร แววตาที่มองเขามีความไม่เข้าใจเล็กน้อย
เมื่อครู่เธอได้ยินความไม่พอใจในน้ำเสียงของเผยหนานเจวี๋ยงั้นเหรอ ฉู่อีอีคิดในใจ ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ท่าทีของเผยหนานเจวี๋ยไม่ควรจะเป็นแบบนี้ เขาควรจะยิ่งเกลียดฉู่เจียเสวียนถึงจะถูกไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอรู้สึกว่าเผยหนานเจวี๋ยยิ่งหมดความอดทนกับเธอลงไปทุกทีแล้วล่ะ
ในใจคิดแบบนี้ ฉู่อีอีไม่กล้าทำอะไรอีก เดิมทียังคิดที่จะแสดงให้เข้มข้นกว่านี้อีกหน่อย แต่ว่าตอนนี้ดูแล้วเธอไม่สามารถโวยวายต่อไปได้แล้ว มิฉะนั้นจะไม่คุ้มกับการสูญเสีย สำหรับฉู่อีอีแล้ว เขาจะระเบิดความโกรธเมื่อไหร่นั้น เธอรู้ดีที่สุด
“แม่คะ แม่ก็อย่าคิดมากเลย พี่สาวคงจะพูดเพราะอารมณ์ชั่ววูบ” ฉู่อีอีคิดเช่นนี้ จากนั้นก็หันไปปลอบโยนหวังอวิ๋นไฉ่ ส่งสายตาให้เธอ
ความหมายของสายตานั้นบอกให้เธอหยุดโวยวายได้แล้ว หวังอวิ๋นไฉ่รับรู้ ค่อยๆ หยุดเสียงสะอื้น
“ได้ งั้นเธอกับหนานเจวี๋ยกลับไปก่อนเถอะ นี่หนานเจวี๋ย ถ้าเธอว่างก็พาอีอีมาเที่ยวอีกนะ” อารมณ์บนใบหน้าของหวังอวิ๋นไฉ่นั้นสั่งได้ดั่งใจจริงๆ มองเผยหนานเจวี๋ยแล้วยิ้ม เพียงแต่น้ำตาบนใบหน้าสวนทางกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอเป็นอย่างมาก
ฉู่อีอีพยักหน้า ส่งยิ้มที่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจ
เผยหนานเจวี๋ยได้ยินว่าฉู่อีอีเห็นด้วยที่จะกลับบ้านกับเขา ลุกขึ้นยืนทันที เมื่อเห็นหน้าของหวังอวิ๋นไฉ่แล้ว เขาไม่ต้องการที่จะอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
“คุณน้า พวกเรากลับก่อนนะครับ” เผยหนานเจวี๋ยพูดจบ หันหลังเดินออกไปนอกประตู
ฉู่อีอีเพิ่งจะลุกขึ้น เห็นว่าเผยหนานเจวี๋ยไม่รอเธอเลยสักนิดก็ตกใจ จากนั้นความเกลียดชังก็ปรากฏอยู่ในแววตา
เดิมทีเธอให้หวังอวิ๋นไฉ่นัดฉู่เจียเวียนมาเพราะต้องการจะทำให้เธออับอายและข่มเธอ คิดไม่ถึงว่าคืนนี้พวกเธอจะถูกฉู่เจียเสวียนข่มซะเอง ยิ่งคิดในใจก็ยิ่งโมโห แต่ว่าฉู่อีอีกลับไม่สามารถทำอะไรต่อหน้าเผยหนานเจวี๋ยได้
รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายแห่งความไม่พอใจของเผยหนานเจวี๋ย ใจของหวังอวิ๋นไฉ่ร้อนรนเล็กน้อย ยื่นมือดึงมือของฉู่อีอี ถามเธอเงียบๆ
เผยหนานเจวี๋ยคงไม่ได้อ่านแผนของพวกเธอสองคนออกหรอกนะ หวังอวิ๋นไฉ่คิดในใจ
ฉู่อีอีส่ายหน้ากับเธอจากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วตามเผยหนานเจวี๋ยไป
“หนานเจวี๋ย คุณอารมณ์ไม่ดีเหรอ?” บนรถ ฉู่อีอีมองดูริมฝีปากบางๆ ของเผยหนานเจวี๋ยที่เม้มแน่น เอ่ยปากอย่างระมัดระวัง ดวงตาดุจไข่มุกดูสำรวจ
อาการของเขาในตอนนี้ เธอเดาความคิดของเขาไม่ออกจริงๆ เลย เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ในใจเขาคิดอย่างไรกันแน่