[SC] บทที่ 6 นี่แหละอาหารจานหลัก…
ท้ายที่สุดแล้วซิงเฉิงก็จับมือของหลินซินก่อนจะพากันเดินจากไป ทุกคนต่างมองหน้ากัน พวกเขาไม่คิดว่าฉากจบจะกลายเป็นแบบที่มีใครที่ไหนก็ไม่รู้มาคว้ามือสาวงามจากไปกับเขาแบบดื้อ ๆ
ต้านเซินมีสีหน้าที่แย่มาก ๆ ชายหนุ่มรู้สึกเสียหน้าอย่างรุนแรง ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ เองก็รู้สึกสงสารเขาจับใจ
ที่โรงอาหารย่านร้านค้าฟู่ต๋านใต้ ซิงเฉิงในที่สุดก็ได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง แม้ว่าอาหารจะไม่ได้อร่อยมาก แต่ว่ามันก็มีราคาถูก อีกอย่างซิงเฉิงอยากที่จะมาลิ้มลองรสชาติของมันอีกครั้งหนึ่ง
“เด็กโง่ โตแล้วนะอย่าร้องไห้ง่าย ๆ สิ รู้ไหม?” ซิงเฉิงหลุดขำออกมา
หลินซินที่อยู่ข้าง ๆ ยังสะอื้นอยู่ ใบหน้าที่แต่งมานั้นดูแย่มาก ดวงตาของเธอแดงก่ำเสียจนทำให้หัวใจของผู้ที่เห็นเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด หญิงสาวร้องไห้แล้วก็ตัดพ้อออกมา “พี่มันแย่ แย่ที่สุด!”
“โอ๋ๆๆ ฉันผิดเองแหละ ยกโทษให้ฉันได้ไหม?” ซิงเฉิงรู้สึกผิดจากใจจริง
หลินซินดูแล้วยังอารมณ์ไม่ดีนัก แต่เธอก็ยังรู้สึกเหมือนว่ามันเป็นความฝัน เธอแตะหน้าของพี่เธอแล้วก็พึมพำออกมา “พี่ใหญ่ พี่จริง ๆ ใช่ไหม?”
ซิงเฉิงจับมือที่เย็นเยียบของน้องแล้วก็ตอบเธอกลับ “เด็กโง่ นี่ฉันเอง…”
“ตั้งสองปีในที่สุดก็กลับมาซะที ฉันกับพ่อแม่คิดว่าพี่ตายไปแล้วซะอีก ทำไมถึงได้หายไปนานขนาดนี้? รู้ไหมว่าพวกเราเป็นห่วงกันขนาดไหน? รู้ไหมว่าพวกเราคิดถึงพี่มากขนาดไหน?” หลินวินเริ่มที่จะร้องไห้อีกแล้ว
พวกนักศึกษาที่อยู่รอบ ๆ คิดว่าทั้งสองเป็นแฟนกัน ซึ่งอันที่จริงแล้วทุกคนเองในบริเวณนี้ พวกเขาต่างก็รู้จักหลินซินกันไม่มากก็น้อย ดังนั้นภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าของพวกเขาจึงทำให้เกิดข่าวลืมที่พวกเขาคิดกันไปเองแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
“ซินซินฉันรู้ดี ฉันขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง และไม่ได้กลับมาหาทุกครั้งที่คิดถึง” ซิงเฉิงพูดแล้วถอนหายใจ
หลินซินรู้ว่าพี่ของเธอหมายความว่ายังไง การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทำให้ครอบครัวของหญิงสาวเปลี่ยนไปตลอดกาล พ่อของเธอต้องเข้าคุก ส่วนแม่ของเธอก็มาล้มป่วย ครอบครัวของเธอในตอนนั้นประสบปัญหาอย่างหนัก และเธอเองไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยพวกเขาได้เลย
“ฉันกลับไปที่ซีอาน ได้เจอกับป้าหวางแล้ว แต่ว่าไม่ได้เจอลุงหลินนะ ส่วนเรื่องครอบครัวฉันรู้แล้วล่ะ ฉันห้ามป้าหวางบอกเธอว่าฉันกลับมาเองแหละ และฉันคนนี้ก็จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้งเธออีก” ซิงเฉิงพูด
หลินซินจ้องไปทางซิงเฉิงด้วยดวงตาที่อ่อนโยน “พี่ใหญ่ คิดถึงพี่จัง …”
“กินก่อนเถอะเด็กโง่ หลังอาหารเย็นช่วยพาฉันไปเดินรอบ ๆ ฟู่ต๋านด้วยนะ สองปีที่หายไปฉันไม่รู้เลยว่าเธอเข้ามาเรียนที่นี่” ซิงเฉิงลูบหัวของน้องสาวก่อนจะหัวเราะออกมา
ภายใต้คำปลอบใจของซิงเฉิง หลินซินก็ดูจะอารมณ์ดีขึ้น นี่เป็นวันที่ดีที่สุดในรอบสองปีสำหรับเธอ หลังจากที่กินข้าวแล้ว หญิงสาวก็จัดแจงลากพี่ชายของเธอไปทั่วทั้งวิทยาลัยฟู่ต๋าน โดยไม่ได้สนใจสายตาที่คนรอบข้างมองเลยแม้แต่น้อย
อาคารหลักของฟู่ต๋านกว้างขวางเอามาก ๆ ที่แห่งนี้ สำหรับซิงเฉิงแล้ว เขาเองก็มีความทรงจำที่ดีบ้างไม่ดีบ้างเกี่ยวกับมันไม่น้อยเลย
“แล้วพี่ จะยังอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ไหม?” หลินซินพูดอย่างกังวล แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริง ๆ แต่ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขามันก็ไม่ได้ต่างจากพี่น้องร่วมสายเลือดเลยแม้แต่น้อย
ซิงเฉิงพยักหน้า “ฉันจะอยู่ที่นี่อย่างน้อยก็อีกสองถึงสามปี ท้ายที่สุดแล้วเมืองใหญ่มันก็มีโอกาสที่มากกว่า”
“เยี่ยมเลย หลังจากนี้เราจะได้เจอกันเยอะ ๆ สินะ ถ้างั้นพี่ต้องเอาวีแชทกับเบอร์มาให้หนูด้วย” บนถนนสายหลัก หลินซินที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้าหัวเราะคิกคัก รอยยิ้มใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสดใส
ซิงเฉิงซื้อของโทรศัพท์หัวเหว่ยแล้วให้ร้านดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่ต้องการมาให้แล้ว ดังนั้นชายหนุ่มเลยส่งโทรศัพท์ให้เธอไปจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองเลย
“พี่หางานได้รึยังคะ?” หลินซินถามด้วยความกังวล
ซิงเฉิงพยักหน้า “ฉันทำเรื่องบางอย่างให้ลุงอยู่ เดี๋ยวไว้จะเล่าให้ฟังทีหลัง”
“จริง ๆ แล้วหนูไม่ชอบเซี่ยงไฮ้เลย แรงกดดันก็เยอะ ความก้าวหน้าก็เร็วเกินไป เรียนจบแล้วหนูอยากกลับไปอยู่กับแม่ที่ซีอานมากกว่า” หลินซินถอนหายใจ
“ไม่เป็นไรหรอก ตราบใดที่เธอต้องการน่ะนะ.” ซิงเฉิงหัวเราะหลังจากที่พวกเขามาอยู่ที่ศาลา
หลินซินพูดพึมพำจนแทบไม่ได้ยิน “หนูเจอพี่ซือซิงสองสามครั้งแล้ว พวกพี่เป็นยังไงกันบ้างคะ?”
ซือซิง?
มีคนพูดถึงเธออีกแล้ว เอาตามตรง ซิงเฉิงไม่ได้มีปัญหาอะไรกับผู้หญิงคนนั้น ทุกคนล้วนแต่มีทางเลือกของตัวเอง หลังจากผ่านไปหลายปีทั้งเขาและเธอคนนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก ดังนั้นชายหนุ่มเลยไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เท่าไหร่แล้ว
ซิงเฉิงส่ายหัว
“หนูว่าพี่ซือซิงคงคิดถึงพี่อยู่นะ ทุกครั้งที่เธอมาหา เธอมักจะถามถึงพี่เสมอเลย”
ซิงเฉิงใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายอยู่ที่ฟู่ต๋าน และนั่งอยู่กับซินซินที่ห้องสมุดเป็นพักใหญ่ อันที่จริงชายหนุ่มอยากที่จะปลีกตัวออกมาตั้งนานแล้ว แต่ทุกครั้งซินซินทำท่าเหมือนกับจะร้องไห้ ผนวกกับเมื่อเช็คแล้วว่าหานปิงไม่ได้โทรหาเขา ดังนั้นซิงเฉิงจึงเลือกที่จะอยู่กับน้อยสาวของเขาให้นานอีกหน่อย
หลังจากที่กินมื้อเย็นเสร็จแล้ว เขาก็ไปส่งเธอที่หอพัก …
พอเสร็จแล้ว ชายหนุ่มก็รีบกลับมาที่บริษัทของหานปิง ที่สวนสำหรับพักผ่อน พวกพนักงานคนอื่น ๆ ต่างพากลับกันไปหมดแล้ว เหลือแต่มาเซอราตี้ที่ยังจอดอยู่ แน่นอนว่ากุญแจรถอยู่กับซิงเฉิง
ซิงเฉิงรู้ดีว่าหานปิงคงจะโกรธอยู่แน่ ๆ ดังนั้นชายหนุ่มจึงเลือกที่จะโทรหาเธอ แต่โทรสองรอบแล้วก็ไม่มีการตอบกลับ พอลองส่งวีแชทไป เธอก็ไม่ยอมตอบข้อความของเขาอีก
“เวรเอ๊ย เธอคงจะโมโหน่าดู!” ซิงเฉิงหงุดหงิด จนต้องสบถออกมา
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดหานปิงก็ตอบกลับมาทางวีแชท “ฉันดื่มกับเพื่อนอยู่ไม่ต้องเป็นห่วง”
พอเห็นแบบนี้เขาก็คิดว่าดีแล้ว ตัวเขาจะได้กลับไปนอนซะหน่อย ว่าแล้วซิงเฉิงก็ติดสินใจขับรถออกไป ก่อนจะจอดแวะซื้อหนังสือร้านใกล้ ๆ แถวนั้น นอกจากวิชาหลักอย่างปรัชญาแล้ว ตัวเขาก็ยังเรียนด้านการจัดการและการบริหารทางการเงินด้วย ถ้าไม่ติดว่านี่ก็เยอะมากพอแล้วละก็ ซิงเฉิงคงจะไปเรียนกฎหมายเพิ่มอีกตัวด้วย
ตั้งแต่สมัยประถมแล้ว ซิงเฉิงเป็นนักเรียนที่เรียกได้ว่าเรียนดี แต่เขาเองก็ไม่ได้พอใจเพียงแค่นั้น เขามักที่จะทำคะแนนให้สูงที่สุดในการสอบทุกครั้ง ด้วยเหตุนี้เองตั้งแต่เด็ก ตัวเขาจึงกลายเป็นคนที่สามารถทำคะแนนได้สูงที่สุดทั้งแต่สมัยมัธยม
ตั้งแต่เด็ก ซิงเฉิงมีนิสัย 2 อย่างที่ทำเป็นประจำ หนึ่งคือการอ่านอย่างต่อเนื่อง อีกอย่างคือการออกกำลังกาย เขาออกกำลังกายทุกวันเพื่อให้สภาพร่างกายของเขาดีที่สุด ด้วยวิธีนี้นอกจากร่างกายของเขาจะแข็งแรงมากขึ้นแล้ว มันยังทำให้เขาไม่เหนื่อยง่ายอีกด้วย
หลังจากซื้อหนังสือ ชายหนุ่มก็แวะไปซื้อผักกับผลไม้ต่อ แล้วเมื่อเขากลับมาที่สวนฉือเหมาริเวอร่า มันก็เป็นเวลากว่า 3 ทุ่มแล้ว หลังจากที่ชงชาเสร็จ ซิงเฉิงก็เริ่มอ่านหนังสือ
ตอน 5 ทุ่มกว่า จู่ ๆ หานปิงก็โทรมาหาเขาจนได้ หญิงสาวโทรบอกให้ซิงเฉิงมารับเธอ ฟังจากน้ำเสียงแล้ว ดูก็รู้ว่าเมาได้ที่เลยทีเดียว
ซิงเฉิงถามอย่างเดียวที่เขาอยากรู้ “ที่ไหน”
หลังจากรู้แล้วเขาก็ออกไปหาเธอ ตามผับตามบาร์แบบนั้น นั่นอาจทำให้หานปิงโดนคนที่คิดร้ายลงมือได้ง่าย ๆ ถ้าพวกเขาต้องการที่จะทำจริงละก็นะ ซิงเฉิงที่คิดได้แบบนั้น ชายหนุ่มก็อดเสียใจไม่ได้กับการโต้เถียงที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมา แบบนี้เขาจะอธิบายให้ลุงหานฟังยังไงดี?
‘จีพลัส’ สำหรับเมืองที่รุ่งเรืองอย่างเซี่ยงไฮ้ ที่แห่งนี้นับเป็นบาร์ที่มีชื่อเสียงมากอีกแห่งหนึ่ง หานปิงที่อยู่ในอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจเรียกเพื่อนของเธอมาดื่มด้วยกัน ตามปกติแล้วหญิงสาวเองก็ไม่ใช่คนที่จะมานั่งอยู่ในบาร์บ่อย ๆ ทุกวัน หากแต่เธอจะแวะเวียนมาบ้างบางครั้ง ซักสองครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น
ในฐานะลูกสาวของหาน เกาผิง หานปิงจึงรู้จักสถานที่ดี ๆ มากมายในเซี่ยงไฮ้ และหนึ่งในนั้นก็คือที่นี่ แต่คราวนี้ในหมู่คนคุ้นเคย ดันมีคนที่เธอไม่ชอบขี้หน้ามาด้วยเสียนี่
“หานปิง ฉันตามจีบเธอมา 3 ปีกว่าแล้ว แต่เธอก็ยังเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย หานปิงแม่ยอดดวงใจ? ถ้าเธอยอมที่จะมาเป็นแฟนของฉัน ครอบครัวของฉันจะช่วยเหลือพ่อของเธอเอง” ชายคนหนึ่งสวมชุดหรูหราพร้อมกับหวีผมอย่างเย่อหยิ่ง
“หลิวเฉิงเฟิง หานปิงตอนนี้อารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่ ถ้าจะเข้ามาคุยล่ะก็เอาไว้วันหลังแล้วกันนะ” หนึ่งในเพื่อนของเธอพูดออกมา
“นี่ไม่ใช่ธุระของเธอ! นั่งอยู่นิ่งๆ อย่าทำให้ฉันโกรธ เธอคงรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ดี!” ชายที่ถูกเรียกว่าหลิวเฉิงเฟิงพูดอย่างโหดร้าย
“ตอนนี้รู้ไหมว่าฉันมองนายเป็นคนยังไง?” หานปิงที่เมาไปแล้วครึ่งหนึ่งพูดพร้อมกับยิ้มอย่างชั่วร้าย
ไม่มีใครรู้ว่าหญิงสาวหมายความว่าอะไร
หานปิงพูดต่อไป “มองว่าเป็นไอ้โง่ไง ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ฉันว่าเธอไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ตัวเธอกำลังอยู่ในสถานการณ์แบบไหน” หลิวเฉิงเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ
โชคดีที่ว่าพวกเขาอยู่ที่ริมโต๊ะ ถ้าเกิดว่าอยู่ในที่ ๆ เสียงดังกว่านี้ละก็ พวกเขาคงจะไม่ได้ยินอะไรเลย
“นี่มันเป็นเรื่องของหาน เกาผิง อย่าเอาเขาเข้ามาเกี่ยวด้วย ถ้าคิดว่าแน่จริงก็อุ้มฉันไปข่มขืนเองสิ อย่างเลวร้ายก็จำคุกล่ะนะ หรือถ้ารวยพอก็หาทางยัดใต้โต๊ะออกมาเองก็ได้นี่ ถ้าไม่กล้าพอ ก็อย่ามาพล่ามว่าชอบฉัน?” คำพูดเหล่านี้ครอบงำคนอย่างสมบูรณ์ คนทั้งหมดบนโต๊ะนั้นต่างไม่มีใครพูดอะไรเลย
หลิวเฉิงเฟิงพูดด้วยท่าทางที่กล้า ๆ กลัว ๆ ” คิดหรือว่าฉันจะไม่กล้า ? รอดูสิว่าถ้าพ่อของเธอถึงทางตันแล้วฉันจะทำอะไร ! “
“มาสิ ฉันกลัวว่านายจะไม่กล้าซะมากกว่ามั้ง ถ้านายไม่กล้าล่ะก็ งั้นก็ไสหัวไปซะ!” หานปิงสบถออกมาเสียงดัง
“ยัยนี่!” หลิวเฉิงเฟิงโกรธจัดเมื่อหานปิงทำให้เขาอับอาย ประกอบกับว่าเขาเองก็เมามากแล้ว นั่นจึงทำให้เขากะที่จะตบหน้าของหญิงสาวเพื่อเป็นการสั่งสอน
อย่างไรก็ตามชายผู้นั้นก็ไม่ได้ทำ เพราะว่าเขาโดนห้ามจากชายอีกคนหนึ่ง …
“ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลยนะ!” ชายคนนั้นหัวเราะเบา ๆ
“คิดว่าแกเป็นใครกันห๊าาาาา?” หลิวเฉิงเฟิงสวนคนที่เข้ามาต่อว่าเขาในทันที
ซิงเฉิงไม่ยอมเสียเวลา ด้วยการพลิกมือของเขา ชายหนุ่มเข้ารัดคอของหลิวเฉิงเฟิง ก่อนจะคว้าขวดไวน์จากบนโต๊ะขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตามมาด้วยเสียง “เพล้ง” ของขวดที่แตกจากการกระแทกกับโต๊ะ ตอนนี้ขวดไวน์ที่กลายเป็นปากฉลามได้เล็งไปที่แก้มของหลิวเฉิงเฟิงแล้ว
เมื่อเห็นการกระทำของซินเฉิน ผู้หญิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็พลันมองชายหนุ่มด้วยท่าทางหลงใหล
“อยากตายรึไงวะ?” ซิงเฉิงพูดอย่างข่มขู่
คนพวกนี้กล้าพอที่จะรังแกคนอ่อนแอเท่านั้น สำหรับคนอย่างนี้ ซิงเฉิงจำเป็นที่จะต้องสร้างความย่ำเกรงเสียก่อน หลิวเฉิงเฟิงหน้าเปลี่ยนในทันทีเมื่อเห็นปากฉลามที่จ่ออยู่ใกล้ ๆ เขารีบพูดอย่างรวดเร็ว “พี่ชาย ผมผิดไปแล้วครับ ผิดไปแล้ว!”
ซิงเฉิงไม่ต้องการที่จะหาเรื่องเพราะว่ามันจะให้เดือดร้อนกันหมด ดังนั้นเขาจึงผลักหลิวเฉิงเฟิงออกไป ก่อนจะตะโกนสำทับไปอีกว่า “ขยะเอ้ย”
เมื่อเห็นเรื่องราวกลายเป็นแบบนี้ หลิวเฉิงเฟิงก็รีบออกไปทันที บางทีพวกเขาอาจจะย่อมกลับเข้ามาหาเรื่องทีหลังอีกก็ได้
ซิงเฉิงจับมือของหานปิงไว้ “ไปกันเถอะ!”
“อย่ามาจับตัวฉันนะ คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?” หานปิงตะโกนออกมา ดูเหมือนว่าเธอยังโกรธอยู่
ซิงเฉิงทนไม่ไหวแล้ว ชายหนุ่มเลือกที่จะลากตัวเธอออกไปทันที ซึ่งนั่นก็ทำให้หานปิงเริ่มที่จะรู้สึกกลัว แต่สำหรับหญิงสาวตัวเล็ก ๆ แบบเธอแล้ว สิ่งที่หานปิงทำได้ก็แค่ปล่อยให้ชายตรงหน้าลากเธอต่อไปเท่านั้น
เมื่อผ่านมาได้ครึ่งทาง ซิงเฉิงก็ปล่อยมือหานปิง ถ้าไม่มีพวกยามล่ะก็ เธอคงจะได้โดนอุ้มไปแล้วอย่างแน่นอน
ชายหนุ่มโกรธจนไม่รู้จะพูดอะไร ส่วนหานปิงก็เหมือนกับเด็กที่ทำผิด เธอปล่อยให้ซิงเฉิงลากตัวเธอไปแต่โดยดี
เมื่อเข้ามาในรถเขาก็พูดเสียงเข้ม “ฉันจะพาเธอกลับบ้าน …”
“ตอนนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี ฉันไม่อยากกลับบ้าน” หานปิงบ่นพึมพำ
ซิงเฉิงพูดอย่างไม่ได้ “งั้นมีแผนอะไร?”
“ฉันอยากไปเที่ยวทะเล” หานปิงพูดอย่างน่าสงสาร ในขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย
“อยากไปจริง ๆ งั้นเหรอ?” ซิงเฉิงเห็นว่าเธอเมาอย่างมาก
“แค่นิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกน่า!”
เมื่อหานปิงพูดจบ ซิงเฉิงก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย เขาทำการขับรถไปยังทะเลในทันที
ระหว่างทางหานปิงอ้วกไปทั้งหมด 3 รอบ แล้วทุกครั้งที่เธออ้วกเสร็จเธอก็จะกลับมาขึ้นรถ ซิงเฉิงพยามแนะนำว่าหญิงสาวว่าน่าจะไปวันอื่น หากแต่หานปิงก็ไม่สน
หลังจากออกจากเมือง ซิงเฉิงก็ค้นพบว่ามีรถคันหนึ่งวิ่งตามพวกเขามาทางกระจกหลัง ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เขาคิดว่ารถนั่นน่าเป็นพวกเดียวกับลิ่วล้อก่อนหน้านี้ แม้ว่าซิงเฉิงจะยังไม่รู้ว่าเป็นพวกไหน แต่พวกมันต้องเป็นคนที่ตามราวีหาน เกาผิงแน่นอน
ก่อนหน้านี้น่าจะเป็นแค่เรียกน้ำย่อย หลังจากนี้ต่างหากคือของจริง
“คาดเข็มขัดแล้วนั่งนิ่ง ๆ ซะ” ซิงเฉิงแนะนำหานปิง
เมื่อได้ยิน หานปิงก็มองมาที่ชายหนุ่มด้วยความงุนงง แต่เหมือนเขาจะไม่รอให้เธอรู้ตัว ซิงเฉิงตัดสินใจเร่งความเร็วรถขึ้นในทันที