บทที่ 8 อย่าคิดมากไปเลย
ซิงเฉิงได้รับบาดเจ็บ…
หานปิงรู้สึกตึงเครียดในทันทีที่เห็นแบบนั้น ตอนนี้ชายหนุ่มได้ถอดเสื้อแจ๊คเก็ตของเขาออกมาแล้ว ที่แขนข้างซ้ายของซิงเฉิงของเหลวสีแดงยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลบางอย่าง การที่หญิงสาวได้มาอยู่ข้าง ๆ เขา มันกลับทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างมาก แม้แต่หาน เกาผิงผู้เป็นพ่อเอง เขาก็ยังไม่สามารถทำให้เธอรู้สึกแบบนี้ได้
แต่ชายผู้นี้ที่เธอพึ่งรู้จักเพียงไม่กี่วันกลับทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยได้…
ไม่ใช่ว่าหานปิงไม่เคยเห็นโลก แต่ผู้ชายสองคนที่พวกเขาพบเมื่อคืนนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นจริง ๆ คนพวกนั้นทำได้อย่างมากก็แค่ทำให้คนธรรมดาตกใจเท่านั้น สำหรับซิงเฉิงแล้ว คนแบบนั้นเขาสามารถรับมือได้สบายมาก
แต่คืนนี้ ชายแปลกหน้าคนนี้กลับกล้าที่จะมาคนเดียว ดังนั้นเขาเองก็ต้องมีความสามารถอยู่พอตัว แถมชายคนนี้ยังทำให้คนขับรถของเธอบาดเจ็บได้อีก ตอนนี้หญิงสาวเริ่มคิดเสียแล้วว่าแม้แต่ซิงเฉิงเองก็อาจไม่ใช่คู่มือของคนตรงหน้า
หานปิงไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้างถ้าซิงเฉิงแพ้ หญิงสาวหวังว่าชายหนุ่มจะชนะ…
แจ็คเก็ตในตอนนี้นั้น มันได้กลายเป็นอาวุธของซิงเฉิงไปแล้ว และเมื่อหยางเติงจู่โจมเข้ามาอีกครั้ง ชายหนุ่มก็โยนแจ๊คเก็ตใส่หน้าของเขา หยางเติงสามารถหลบมันได้อย่างง่ายดาย ดาบของเขายังคงพุ่งตรงไปที่หน้าอกของซิงเฉิง ขณะที่ซิงเฉิงหลบไปด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงมัน ในเวลาเดียวกันนั้น ชายหนุ่มก็ได้คว้าจับอีกด้านของแจ็คเก็ตและเตะเข้าที่ท้องของหยางเติง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่มีดของหยางเติงพุ่งไปที่คอของเขา
ซิงเฉิงกัดฟันฟันของเขาไว้แน่น ใบมีดตัดผ่านอกจนทิ้งไว้เพียงรอยแผนที่กำลังมีเลือดไหลออกมา ในเสี้ยววินาทีนั้น ชายหนุ่มได้ใช้แจ็คเก็ตพันแขนของหยางเติงเอา และเมื่อหยางเติงพยามจะหลบ ซิงเฉิงก็ใช้จังหวะนั้นดึงแขนของหยางเติงขึ้น ก่อนจะตามด้วยข้อศอกที่ตีเข้ากับศีรษะของหยางเติงอย่างรุนแรง
เมื่อสมองถูกโจมตีอย่างกะทันหัน คนผู้นั้นก็จะเกิดอาการมึนงงชั่วขณะ ผู้เชี่ยวชาญมักจะใช้เวลานี้เพื่อเข้าถึงเป้าหมาย ซิงเฉิงเอง เขาก็ไม่พลาดโอกาสนี้เช่นกัน ชายหนุ่มต่อยหยางเติงออกไปอีกหลายครั้งเข้าไปที่อกของฝ่ายตรงข้าม
ก่อนที่ซิงเฉิงจะปิดท้ายด้วยการกระโดดเตะหยางเติงเข้าที่หน้าอย่างแรงจนทำให้ชายผู้นั้นกระเด็นออกไป
หยางเติ้งต้องทนทุกข์ทรมานอย่างต่อเนื่อง ทั่วทั้งร่างของเขาต่างสั่นเทาด้วยความเจ็บปวด
“ไม่อยากฆ่าฉันแล้วงั้นเหรอ?” ถึแม้ที่หน้าอกและแขนของซิงเฉิงจะได้รับบาดเจ็บ แต่มันก็เป็นความเจ็บปวดที่ชายหนุ่มคุ้นเคยมาก่อน อันที่จริงแย่กว่านี้เขาก็เคยมาแล้ว
หยางเติงพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง ชายตรงหน้าทำให้ความเย่อหยิ่งของเขาหายไป ตอนนี้เขาได้แต่นอนราบไปกับพื้น ขณะที่หยางเติงกำลังพยายามลุกขึ้น ซิงเฉิงก็ได้ฉวยโอกาสนั้น ชายหนุ่มเดินหยิบใบมีดของหยางเติงจากชายหาดมาถือไว้ในมือ
“มีดของแกไม่เลว แต่พื้นฐานแกมันอ่อนไป!” ซิงเฉิงพูดอย่างดูถูก
หยางเติงไม่ได้คาดหวังว่าจะแพ้ขาดลอยแบบนี้ เขาเหล่ตาและถามว่า”แกเป็นใคร?”
“ฉัน ? ก็ไม่ใช่ใครหรอก ฉันก็แค่คนที่ไม่ยืนโง่แกแทงฟรี ๆ ไง” ซิงเฉิงพูดด้วยรอยยิ้มยียวน ก่อนจะเล่นมีดเช่นเดียวกับที่หยางเติงเคยเล่นเมื่อตอนเขาปรากฏตัว
“ทุกคนจะทำให้รองเท้าเปียกถ้าเขาเลือกที่จะเดินไปตามแม่น้ำ ฉันโชคร้าย ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับคุณแล้ว” หยางเติงยินดีที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ และเขาจะไม่ขอความเมตตาจากผู้อื่นโดยเด็ดขาด
ซิงเฉิงเลือกที่จะทำตัวหยาบคาย เขายกใบมีดขึ้นและแทงตรงต้นขาของหยางเติง ก่อนจะเขี่ยตาของเขาแล้วพูดว่า “เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองใหญ่ การฆาตกรรมผิดกฎหมายที่นี่ ฉันไม่มีภูมิหลังที่แข็งแกร่งเหมือนพวกแก แต่แกเองก็ต้องจ่ายราคาในสิ่งที่แกทำลงไป มิฉะนั้นแกจะคิดว่าฉันเป็นคนที่ถูกรังแกได้ง่าย ๆ และนี่คือโทษของแก”
“สำหรับสิ่งที่แกกับคนที่อยู่เบื้องหลังของแกต้องการ สำหรับฉันแล้วมันไม่สำคัญหรอก ฉันไม่สนใจเกี่ยวกับครอบครัวหรอกนะ เพราะฉะนั้นแล้วถ้าแกไม่ยุ่งกับฉัน ฉันก็จะยุ่งกับแก่เหมือนกัน” ซิงเฉิงว่าต่อ
“นี่ก็จะสายแล้ว เราควรกลับได้แล้ว ส่วนแกก็หาทางออกไปเองแล้วกัน” ซิงเฉิงดึงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าของหยางเติงออกมาภายใต้สายตาจ้องมองของผู้เป็นเจ้าของ ชายหนุ่มโยนมันลงไปในทะเล เขามักทำแบบนี้เสมอ
หยางเติงที่เห็นแบบนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะสถบออกมาในใจ ‘อะไรของมันเนี่ย!’
ขณะที่ซิงเฉิงดึงหานปิงที่กำลังกลัวอยู่ออกไป หยางเติงก็ตะโกนอย่างห้าวหาญออกมา “ฉันเป็นหนี้ชีวิตแก!”
ซิงเฉิงได้ยิน แต่ว่าเขาไม่ได้ให้ความสำคัญนัก
เมื่อชายหนุ่มเดินมาที่ข้าง ๆ รถ ขณะที่ซิงเฉิงกำลังจะเข้าไปขับรถเหมือนตอนขามา จู่ ๆ หานปิงห้ามเขาเอาไว้ “นายบาดเจ็บเดี๋ยวฉันขับเอง”
ซิงเฉิงคิดไปชั่วครู่ก่อนที่จะพยักหน้าแล้วส่งกุญแจรถให้หญิงสาวไป
“ฉันจะพานายไปโรงพยาบาลก่อน” หลังจากที่เข้ามาในรถ หานปิง เธอก็เห็นเข้ากับรอยเลือดบนตัวของซิงเฉิง ดังนั้นหญิงสาวจึงอดที่จะพูดด้วยความกังวลไม่ได้
ซิงเฉิงส่ายหน้า “แผลเล็กน้อย ไม่ต้องไปหรอก”
“ต้องไปสิ แผลมันอาจจะติดเชื้อก็ได้นะ ? ฉันไม่อยากรู้สึกผิดเพราะแบบนั้นหรอก” หานปิงไม่ได้ว่าอะไร กลับกันหญิงสาวกับแสดงด้านที่อ่อนโยนออกมา ในตอนนี้นั้น หานปิงดูน่ารักและดื้อเล็กน้อย เธอบุ้ยปากไม่อนุญาตให้ซิงเฉิงปฏิเสธ
เมื่อเห็นแบบนั้น ซิงเฉิงจึงเลือกที่จะนั่งเฉย ๆ และทำตามที่หานปิงพูด เพราะเขาเองก็ไม่อยากให้มันยุ่งยากไปมากกว่านี้
หลังจากมาถึงโรงพยาบาล หานปิงเดินไปรอบ ๆ ในขณะที่ซิงเฉิงฉีดยาแล้วทำแผล แผลบนอกของชายหนุ่มไม่ร้ายแรง ส่วนที่แขนก็ต้องเย็บแผลเล็กน้อย ในสายตาของซิงเฉิง เรื่องพวกนี้ถือว่ายุ่งยากเกินจำเป็น เพราะกว่าจะเรียบร้อยก็ปาเข้าไปตีสามแล้ว
หานปิงตอนนี้เธอรู้สึกง่วงมาก ดังนั้นซิงเฉิงจึงปล่อยให้หญิงสาวนอนไป ส่วนเขาก็ขับรถส่งเธอกลับบ้าน การบาดเจ็บไม่ใช่ปัญหาสำหรับชายหนุ่ม หากแต่หานปิงกลับถามว่าเขาเป็นอะไรไหมอยู่หลายรอบ เรื่องนี้ทำเอาชายหนุ่มเริ่มรู้สึกรำคาญไม่น้อย
ตอนนี้ตีสามครึ่งแล้ว หลังจากเขาส่งหานปิงกลับไปที่เคหะฮัวหลุน 9 ไมล์ ซิงเฉิงก็รอให้หานปิงเดินลงจากรถและกลับเข้าไปบ้านไปก่อน เมื่อเห็นแบบนั้น ชายหนุ่มก็หันพวงมาลัยรถเตรียมกลับไปที่สวนฉือเหมาริเวอร่า ในขณะนี้ความรู้สึกของหานปิงซับซ้อนเป็นอย่างมาก หลังจากลังเลอยู่นาน ในที่สุดหญิงสาวก็อ้าปากพูดออกมาว่า “ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว นายมานอนที่นี่ไหม”
คำพูดของเธอทำให้ซิงเฉิงประหลาดใจ เขามองผู้หญิงที่มีเสน่ห์ตรงหน้าด้วยสายตาสับสน
หานปิงตระหนักถึงความหมายในคำพูดของเธอและหน้าแดง ก่อนที่หญิงสาวจะรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “ไม่ได้มีความหมายอื่นหรอก อย่าคิดมากสิ”
“แล้วจะให้ฉันอะไร มันมีความหมายอื่นด้วยเหรอ?” เป็นเรื่องยากสำหรับซิงเฉิงที่จะผ่อนคลาย ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะแกล้งเธอ
หานปิงโกรธมากจนเธอเริ่มพูดติดอ่าง “ก็ตอนนี้มันดึกแล้ว ฉันก็อยากที่จะให้นายนอนที่นี่ มะ..ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้นายจะลำบาก อย่าคิดว่าฉันเห็นแก่อาการบาดเจ็บของนาย น..นะ..นายยังต้องปกป้องฉันอยู่นะ”
“อ่าเข้าใจแล้ว แสดงว่าฉันคิดอะไรไม่เข้าเรื่องสินะ” ซิงเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ
หญิงสาวรู้สึกโกรธซินเฉิงมาก แต่เธอเองก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ เมื่อเห็นท่าทีแบบนั้นของเขา หานปิงก็อดไม่ได้ที่จะต่อยเข้าไปที่ของซินเฉิง แต่จุดที่เธอกระแทกเข้าไปนั้น มันดันตรงกับบาดแผลของซินเฉิงพอดี ด้วยความเจ็บ ชายหนุ่มก็ถึงกับตัวงอและแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา
เหมือนว่าหานปิงจะพึ่งรู้ตัว หญิงสาวรีบเข้ามาช่วยซิงเฉิง “ขะ..ขอโทษ ฉันลืมไปเลยว่านายบาดเจ็บ เป็นอะไรไหม?”
“คำพูดหวาน ๆ เป็นพิษที่ร้ายแรงที่สุด ที่เธอพูดแบบนี้มีจุดประสงค์อะไรรึเปล่า?” ซิงเฉิงยังคงฟอร์มจัดอยู่
หานปิงไม่ได้อยากจะต่อปากต่อคำ ดังนั้นเธอจึงดันซิงเฉิงขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว
เมื่อประตูถูกเปิดออก กลิ่นหอมก็พัดเข้ามาในจมูกของชายหนุ่ม กลิ่นภายในห้องนี้มันทำให้ซิงเฉิงรู้สึกสดชื่น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้ามาในห้องของหานปิง
ทั้วทั้งห้องตกแต่งด้วยสไตล์ทันสมัย ทางเข้าและภาพวาดสีน้ำมันในห้องนั่งเล่นดูสะดุดตามาก หลังจากที่เปิดหน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศสขนาดใหญ่ ทัศนียภาพยามค่ำคืนของผู่ตงก็เปิดเผยต่อหน้าของพวกเขา มันช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจอย่างมากที่ได้เห็น
“ระหว่างฉันไปอาบน้ำ นายก็นั่งรอไปก่อนแล้วกัน อาหารอยู่ในตู้เย็นจัดการเอาเองได้เลย” หานปิงพูดอย่างง่าย ๆ ระหว่างที่เดินผ่านประตูเข้าไป ก่อนหญิงสาวจะล็อคประตูทางเข้าระหว่างห้องน้ำและห้องนอนเอาไว้
การที่ชายหญิงอยู่ในห้องเดียวกันตามลำพัง ยิ่งถ้าหญิงสาวคนนั้นสวยเสียจนทำให้ผู้ชายแทบเป็นบ้าด้วยแล้วละก็ สำหรับคนแบบซิงเฉิงแล้ว เขาเชื่อว่าเธอคงจะไม่มีทางต่อต้านแน่นอนถ้าชายหนุ่มอยากที่จะทำอะไรเธอ
ซิงเฉิงเทน้ำลงแก้วแล้ว ก่อนจะสำรวจบ้านของหานปิง มันเป็นบ้าน 3 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องทานข้าว 2 ห้องน้ำและ 1 ห้องครัว ของตกแต่งก็ดูทันสมัยและหรูหรามาก ห้องทุกห้องดูสะอาดสะอ้านเต็มไปด้วยกลิ่นของดอกไม้และน้ำหอม ถ้าให้ผู้ชายแบบเขาอยู่ที่นี่คงจะไม่เหมาะกันอย่างแรง
พอเดินสำรวจได้ไม่นาน ซิงเฉิงก็เริ่มรู้สึกเบื่อ ชายหนุ่มนอนลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อนจากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ก่อนที่เขาจะผล็อยหลับไป
เมื่อหานปิงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ หญิงสาวก็เดินออกมาเห็นซิงเฉิงที่นอนขดตัวอยู่บนโซฟา ภาพตรงหน้าทำให้เธอหลุดขำออกมา อันที่จริงแล้วหานปิงแทบจะไม่รู้เรื่องของซิงเฉิงเลย แต่เธอเองก็แน่ใจว่าซิงเฉิงน่าจะเป็นคนดีคนหนึ่ง หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเมื่อเธอนึกถึงฉากที่เขาโยนโทรศัพท์ของชายคนนั้นลงไปในทะเล ในตอนนั้น ชายแปลกหน้าได้แต่จ้อมมองไปยังทะเลด้วยแววตาน่าสงสาร
เมื่อซิงเฉิงปรากฏตัวขึ้นในชีวิตของเธอและคอยปกป้องเธอตลอดเวลา ชายผู้นีั้ไม่เหมือนคนอื่นที่มักจะยกยอเธอ แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ให้ความที่ความรู้สึกปลอดภัยเป็นพิเศษกับเธอ …
หานปิงหน้าแดงเมื่อเธอคิดเกี่ยวกับมัน หญิงสาวรีบวิ่งกลับไปที่ห้องของเธอทันทีเพื่อเอาผ้ามาห่มซิงเฉิงก่อนที่กลับไปพักผ่อนที่เตียง
ซิงเฉิงนอนหลับสนิท อาจจะเป็นเพราะว่าเขานอนดึกกว่าปกติอยู่แล้ว ดังนั้นกว่าจะรู้ตัวอีกที่มันก็เป็นเวลา 8 โมงเช้าแล้ว
ด้านในห้องครัว หานปิงกำลังทำอาหารเช้าอยู่
ซิงเฉิงเหยียดร่างกายก่อนที่จะเดินตามเข้าไปในห้องครัว “ทำไมตื่นเช้าจัง?”
“ตื่นซะทีนะ ไปอาบน้ำแล้วมากินข้าวเช้าด้วย” หานปิงอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนพูดด้วยรอยยิ้ม
ฉากนี้กระชากสติของซิงเฉิงจนแทบจะมลายหายไป ราวกับว่ามันเป็นฉากในชีวิตคู่รักยังไงนังงั้น ชายหนุ่มรีบส่ายหัวอย่างแรงเพื่อตั้งสติและวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ที่นั่นหานปิงก็ได้เตรียมแปรงกับผ้าขนหนูไว้ให้เขาเรียบร้อยแล้ว
หลังจากทานอาหารเช้า ซิงเฉิงก็ไปส่งหานปิงที่บริษัท ระหว่างทางหานปิงก็พูดออกมา “วันนี้ฉันจะให้นายหยุดแล้วกัน ยังไงวันนี้ฉันก็อยู่บริษัททั้งวัน อ้อ แล้วก็ตอนเย็นอย่าลืมมารับด้วยละ ฉันจะพาไปกินมื้อเย็น.”
ซิงเฉิงเอง เขาก็มีเรื่องที่ต้องไปทำพอดี เพราะฉะนั้นข้อเสนอของหานปิงจึงพอดีกับที่ชายหนุ่มต้องการ
หลังจากกลับมาที่สวนฉือเหมาริเวอร่าและเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเสร็จ ซิงเฉิงก็ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อยืนยันว่าบริษัทที่เขาตามอยู่ที่ไหน ว่าแล้วชายหนุ่มก็มุ่งหน้าไปยังเขตลู่จิ้นซือในผู่ตง
จุดหมายของเขาคือบริษัทการค้าที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนักแห่งหนึ่ง ตัวตึกตั้งอยู่บนชั้น 44 ของศูนย์การเงินนานาชาติเซี่ยงไฮ้ เมื่อเทียบกับบริษัทข้ามชาติที่มีชื่อเสียงในอาคารนี้ บริษัทนี้ถือว่าเป็นฟ้ากับเหวเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามหญิงสาวสองคนที่แผนกต้อนรับ พวกเธอก็น่ารักมากเลยทีเดียว
“คุณผู้ชาย มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ?” หญิงสาวผมยาวถามซิงเฉิงพร้อมรอยยิ้มที่แสนสุภาพ ท้ายที่สุดซิงเฉิงได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากปู่ของเขามานานหลายปี ดังนั้นชายหนุ่มจึงพอควบคุมตัวเองได้บ้าง และถึงแม้ซิงเฉิงจะใส่ชุดสูทธรรมดา ๆ มาก็ตาม แต่สาวผมยาวคนนี้เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจอะไรแม้แต่น้อย
ซิงเฉิงยิ้ม “จิ้งจอกเฒ่าอยู่ไหม ? ฉันหมายถึงหัวหน้าของเธอน่ะ?”
“ได้นัดเอาไว้ไหมคะ?” หญิงสาวถามพร้อมกับรอยยิ้มตามมารยาท
ซิงเฉิงไม่ได้นัดไว้เลย เพราะงั้นเขาจึงได้แต่ตอบไปตามตรง “เปล่า แต่เราได้คุยกันเอาไว้ก่อนแล้ว ผมชื่อซิงเฉิง ถ้าคุณบอกชื่อผมไปเขาน่าจะรู้แล้วล่ะครับ”
“รอซักครู่นะคะ” เธอพยักหน้าก่อนจะติดต่อไปยังผู้อำนวยการ
ประมาณ 3 นาที ชายวัยกลางคนที่มีพุงวิ่งออกมาหาเขาขณะที่กำลังหัวเราะ ท่าทางของชายผู้นี้ดูน่าขำจริงๆ…