บทที่ 13 ตกตะลึง
ตลอดเวลาที่ยังเป็นเด็ก ซิงเฉิงอยู่กับปู่ของเขา คงมีคนน้อยมากที่สามารถเข้าใจความรู้สึกและสถานการณ์ของเขาในตอนนั้น สิ่งที่เขาอิจฉามากคือเด็กคนอื่น ๆ ที่พวกเขาได้มีครอบครัวแสนสุข แต่เขากลับมีแค่ปู่เท่านั้น ครั้งแรกที่ซิงเฉิงได้สัมผัสความรู้สึกนั้นคือตอนที่ชายหนุ่มอยู่กับครอบครัวหลิน
ญาติของซิงเฉิงมีแค่ปู่ของเขาเท่านั้น หลังจากที่ปู่ตายไป ชายหนุ่มก็เหลือตัวคนเดียว สำหรับครอบครัวหลิน เขาแค่ตอบแทนน้ำใจของพวกเขาเท่านั้น
ตอนที่เขายังเด็ก ซิงเฉิงมักจะถามปู่ของเขาเสมอว่าพ่อกับแม่ของเขาอยู่ที่ไหน แล้วเมื่อชายหนุ่มโตขึ้นมา เขาก็ค่อย ๆ ชินชา แล้วเริ่มที่จะเบื่อกับการตามหาพ่อแม่ อันที่จริงแล้วซิงเฉิงควรจะดีใจที่ยังมีปู่ของเขาอยู่ ไม่อย่างนั้นเขาก็จะได้กลายเป็นเด็กกำพร้าไปจริง ๆ
สำหรับซิงเฉิง ปู่เป็นเหมือนภูเขาสูงที่เต็มไปด้วยความลึกลับและความผันผวนของชีวิต เขาเป็นชายชราที่เงียบขรึม เข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับซิงเฉิง ปู่เป็นชายชราที่ไว้วางใจได้ และรอบรู้ ใครต่อใครต่างก็ชื่นชม
ซิงเฉิงไม่รู้เลยว่ามันเป็นเพราะปู่ของเขาที่ทำให้เขาโตขึ้น หรือว่าเป็นปู่ของเขากันแน่ที่แก่ตัวลง จนกระทั่งวันที่ปู่ของเขาได้จากไป ซิงเฉิงก็ตระหนักว่ามันเป็นอดีตไปแล้ว
นี่ก็ผ่านไปกว่าสองปีแล้ว วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของคุณปู่ แล้วซิงเฉิงจะไปลืมได้ยังไง?
เรื่องพวกนี้ชายหนุ่มได้แค่เก็บมันเอาไว้เงียบ ๆ ในใจ
ที่บ้านเกิด ดวงจันทร์มักจะดูสว่าง และไวน์ก็มักจะรสดีกว่าเสมอ เมื่อซิงเฉิงเมา ความปรารถนาอันมิอาจลืมนั้นก็พลันพุ่งเข้าหาหัวใจของเขาซึ่งเป็นสาเหตุที่ชายหนุ่มใช้กำลังทั้งหมดของเขาในการตะโกนคำที่เขาต้องการจะพูดมากที่สุดออกไป
เพื่อนร่วมห้องสามคนของเขารู้ภูมิหลังครอบครัวของซิงเฉิงดี พวกเขารู้ว่าชายหนุ่มไม่มีพ่อแม่และถูกเลี้ยงดูโดยปู่ นั่นคือเหตุผลที่พี่ใหญ่ของพวกเขาต้องทำงานหนักตลอดปีที่เรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนร่วมห้องทั้งสามของเขาเคยบอกไว้ว่าพวกเขาจะไปเยี่ยมคุณปู่หลังจากสำเร็จการศึกษาเพื่อดูว่าคนแบบไหนที่เลี้ยงดูซิงเฉิงขึ้นมา
แต่ว่าซิงเฉิงก็หายตัวไป ดังนั้นพวกเขาเลยไม่มีโอกาสที่จะทำแบบนั้นอีกแล้ว
“ลูกพี่ เกิดอะไรขึ้นกับปู่ของลูกพี่เหรอ?” หยูเค่อเฟิยตกใจจนเขากลับมาได้สติอีกครั้ง พี่น้องคนนี้เคยบอกว่าเขาต้องการฝากตัวเป็นหลานของชายชราด้วย และอยากให้ซิงเฉิงพาเขาไปที่ภูเขาซงนานเพื่อที่จะไปพบกับคุณปู่ที่ว่า
ซิงเฉิงส่ายหัวแล้วพูดออกมา “เขาเสียชีวิตไปได้ 2 ปีแล้ว.”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ทุกคนใจหาย พวกเขามองหน้ากันด้วยความตกใจ บรรยากาศรอบข้างดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนไป พวกเขารู้ดีว่าซิงเฉิงมีแค่ปู่ของเขาคนเดียวเท่านั้นที่เป็นครอบครัว
เฉาหยูเฟิงเข้าสวมกอดซิงเฉิงในทันที “ลูกพี่ หลังจากสำเร็จการศึกษา พวกนายทั้งสามคนเป็นคนเดียวที่ฉันยังคงติดต่อกันอยู่ นายคือลูกพี่นะไม่เพียงเพราะอยู่อันดับแรก แต่ยังเป็นเพราะฉันชื่นชมนายจากก้นบึ้งของหัวใจ แม้ว่าคุณปู่ของนายจะไม่อยู่แล้ว แต่นายก็ยังมีพวกเราสามคน”
“ใช่แล้วลูกพี่ ยังมีพวกเราสามคนอยู่นะ” หยูเค่อเฟิยและเซียติงประสานเสียงกัน
เพื่อนทั้งสี่กอดกันและหัวเราะออกมา
“ดื่มกันต่อเถอะ!” มันเป็นเรื่องหายากที่ซิงเฉิงจะแสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมาขนาดนี้
อีกสามคนไม่เต็มใจที่จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ดังนั้นพวกเขาจึงยังคงดื่ม
ทั้งสี่คนดื่มกันเรื่อย ๆ จนพวกเขาจะหมดสติและนอนไปกับพื้น …
กลางดึกที่ทอมสันกอล์ฟวิลล่า หาน เกาผิงในตอนนี้นั้น เขาไม่สามารถนอนหลับได้เลย ได้แต่สูบบุหรี่อยู่ในห้องทำงานของเขา บนโต๊ะ ขวดเหล้าเทียนฉุยหนึ่งขวดที่เขาเก็บไว้เป็นเวลาหลายปี เจ้าแอลกอฮอล์ยี่ห้อนี้ไม่ได้ผลิตมานานหลายปีแล้ว แต่บังเอิญเขาได้รับมาสองขวด ดังนั้นหาน เกาผิงจึงลังเลที่จะดื่มมัน และได้แต่เก็บเอาไว้
ในห้องนั้นเต็มไปด้วยควันที่ฟุ้งกระจายไปทั่ว หาน เกาผิงไม่รู้ว่าเขาสูบบุหรี่มากี่มวน แต่เขารู้สึกว่าเขามีอายุมากกว่าเดิมหลายสิบปีในชั่วพริบตา ดูราวกับชายชรา
คราวนี้ดูเหมือนว่าเขาจะเมาจริง ๆ
สถานการณ์ต้อนนี้มีแต่จะตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ มันทำให้ชีวิตของหาน เกาผิงยุ่งเหยิงไปหมด เขารู้ว่าถึงแม้จะล้มละลาย หากแต่เขาก็จะไม่สามารถใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบสุขได้ จุดจบที่ดีที่สุดของหาน เกาผิงก็คือต้องอยู่ในคุกนานสิบปี แต่นั่นไม่ใช่อะไรที่เขาต้องการ หาน เกาผิงไม่สามารถทนกับชีวิตแบบนั้นได้ และศัตรูของเขาเอง พวกมันก็คงจะไม่ปล่อยเขาไปแน่
ฝุ่นก็เป็นได้แค่ฝุ่น แม้แต่ดินสุดท้ายก็สลายกลายเป็นธุลี
จากเด็กชายยากจนที่เทียนฉุยสู่มณฑลกานซูในวันนี้ เขาเต็มที่กับสิ่งที่เขาต้องการ ไม่มีความเสียใจในชีวิตของเขาและสิ่งเดียวที่เขาไม่สามารถหยุดกังวลได้คือเรื่องของลูกสาว
หาน เกาผิงรู้ว่าช่วงเวลาที่เขาล้มเหลว มันจะเป็นเหมือนกับไม้ใหญ่ที่ล้มลง ฝูงลิงมากมายที่อยู่บนนั้นจะกระจัดกระจายออกไป ทุกสิ่งที่เขาอุตส่าห์สร้างขึ้นมาจะมลายหายไปในอากาศ แล้วในเวลานั้นทุกอย่างจะตกลงบนบ่าของหานปิง
หานปิงใช้ชีวิตอย่างสงบสุข และไม่ต้องแบกรับแรงกดดันมากมายในช่วงปีที่ผ่านมา เธออยู่ภายใต้การคุ้มครองของเขาเสมอเพื่อให้มั่นใจว่าชีวิตของเธอจะเต็มไปด้วยความราบรื่น แล้วถ้าเป็นแบบนี้เธอคงจะไม่สามารถรับสิ่งที่ตามมาได้แน่
อย่างไรก็ตาม หากเขาไม่ได้เลือกเส้นทางนี้ หาน เกาผิงเองก็คงไม่สามารถปกป้องลูกสาวของตนได้แบบนี้ คนเหล่านั้นเองก็เคยเตือนเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่เป็นไร เด็กคนนั้นมีความสามารถของตัวเอง ทุกครั้งที่พวกเขาทะเลาะกัน เธอมักจะพูดเสมอว่าเธออยากมีชีวิตปกติ ตั้งแต่นั้นมาเขาจึงทำตามความต้องการของเธอ
ขณะที่เขานั่งอยู่บนโซฟาดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ หาน เกาผิงก็คิดถึงเรื่องต่าง ๆ เขาเป็นหนี้คนจำนวนมาก แน่นอนว่าคนที่เป็นหนี้เขาก็เยอะมากด้วยเช่นกัน
เมื่อนึกไปถึงทิเบตเมื่อหลายปีก่อน คนที่น่าสนใจที่สุดเท่าที่หาน เกาผิงเคยรู้จักมาก็คือซิงเฉิง ต่างคนต่างเป็นคนแปลกหน้าที่จะไม่มีทางกลับมาเจอกันอีกได้ แต่ว่าอีกฝ่ายก็มาหาเขาถึงเซี่ยงไฮ้นี้ ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนี่ต้องการจะทำอะไรกันแน่
หนุ่มสาวบางคนไม่ได้ต้องการความแข็งแกร่ง หากแต่พวกเขาต้องการโอกาสที่จะเติบโต ถ้าเป็นเมื่อสิบปีก่อน หาน เกาผิงคงจะไม่สอนให้กับชายคนนี้ แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลี่ยง
เมื่อท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีขาวและดวงอาทิตย์สีแดงค่อย ๆ ขึ้นจากทางทิศตะวันออก หาน เกาผิงก็ดื่มเหล้าเทียนฉุยและสูบบุหรี่จนหมด
เขายืนขึ้นอย่างช้า ๆ และเปิดตู้เซฟเพื่อเอาอุปกรณ์สำหรับป้องกันตัวเองออกมา หาน เกาผิงเช็ดปืนที่มีรูปลักษณ์ซับซ้อน จากนั้นก็โหลดกระสุนอย่างชำนาญ
ความตายยืนอยู่เบื้องหน้าเขาเพียงไม่กี่ก้าว ในที่สุดเขาก็รวบรวมความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับมันอย่างตรงไปตรงมา
ปัง
ทุกอย่างสงบลง หาน เกาผิงจบชีวิตทั้งชีวิตของเขาด้วยวิธีนี้
ในตอนเช้า เมื่อซิงเฉิงตื่นขึ้นมา มันก็เป็นเวลา 9 โมงเข้าไปแล้ว พวกเขาดื่มกันยันเช้า และตอนนี้คนอื่น ๆ เองก็ยังไม่มีใครตื่นเลยซักคน ซิงเฉิงคลานออกมาจนตรงนั้นพร้อมอาการปวดหัวที่หนักจนเหมือนหัวจะระเบิด ชายหนุ่มไม่รู้ว่าควรจะขำหรือว่าร้องไห้ดีกับท่านอนประหลาด ๆ ของเพื่อนทั้งสาม
ซิงเฉิงเข้าไปล้างหน้าเพื่อปลุกให้ตัวเองตื่น ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ภายในนั้นเขาได้พบกับสายที่ไม่ได้รับเกือบสิบสาย ส่วนมากมาจากหานปิงที่โทรมาตั้งแต่หกโมงเช้า
ชายหนุ่มสงสัยเล็กน้อยว่าทำไมหานปิงถึงได้โทรมาเวลานี้?
เป็นไปได้ไหมว่าเธอจะตกอยู่ในอันตราย?
ซิงเฉิงกังวลในทันที เขารีบโทรกลับไปหาทันที แต่เหมือนว่าโทรศัพท์ของหญิงสาวจะไม่เปิด ดังนั้นซิงเฉิงจึงต้องโทรไปหาเบอร์อื่นแทน และในที่สุดก็มีคนรับสายเขาเสียที
“ซิงเฉิงใช่ไหม?” ปลายสายชิงถามก่อนโดยไม่เปิดโอกาสให้ชายหนุ่มได้ถาม
ซิงเฉิงขมวดคิ้วแล้วตอบกลับ “ครับ ไม่ทราบว่านั่นใคร?”
“เฉินเป๋ยหมิง คนขับรถของท่านหาน คุณนายต้องการให้คุณกลับมาที่ทอมสันกอล์ฟวิลล่าให้เร็วที่สุดครับ ตอนนี้ตระกูลหานตกอยู่ในความโกลาหลไปหมดแล้วครับ”
ซิงเฉิงประหลาดใจสุดขีด “เกิดอะไรขึ้นครับ”
“นายท่านหานเสียชีวิตแล้วครับ” เฉินเป๋ยหมิงพูดด้วยเสียงต่ำ
ทันใดนั้นซิงเฉิงก็ตะลึงไปทันที เขาตัวแข็งราวกับว่ามีฟ้าผ่าลงมาตอนกลางวันแสก ๆ
หาน เกาผิงตายแล้ว ?
ซิงเฉิงเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ปลายสายก็วางหูไปซะแล้ว
หลังจากสงบใจลงได้ ซิงเฉิงก็รีบปลุกเซียติง คนโดนปลุกถามด้วยความงุนงง “ลูกพี่ มีอะไร? ทำไมตื่นเช้าจัง?”
“เหลาซานฉันมีเรื่องด่วนขอตัวก่อนนะ นายนอนต่อไปก่อนก็ได้ ตื่นอีกก็ค่อยโทรหาฉัน” ซิงเฉิงพูดหน้านิ่วคิ้วขมวด
เซียติงเหมือนจะยังตื่นไม่ดี เขาไม่ทำอะไรมากไปกว่าโบกมือลาก่อนจะล้มตัวลงนอนต่อ
ว่าแล้วซิงเฉิงก็รีบออกจากหมู่หนึ่งซงเหลียนโอเชี่ยนวิลล์ แล้วรีบโบกแท็กซี่ไปยังทอมสันกอล์ฟวิลล่าในทันที
ตอนที่ซิงเฉิงมาถึงที่หมาย มันก็ได้มีรถจอดอยู่เต็มไปหมด ทั่วทั้งบ้านมีการ์ดยืนอยู่แน่น แต่ละคนดูจริงจังและจับตาดูบุคคลภายนอกที่ปรากฏตัวออกมา
อย่างไรก็ตามซิงเฉิงก็เห็นผู้เฒ่าหวู่ที่ยังจัดดอกไม้อยู่เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผู้เฒ่าหวู่สังเกตเห็นซิงเฉิง แต่ชายชราก็มองแค่แว๊บเดียวก่อนจะกลับไปดูแลต้นไม้ต่อ ซิงเฉิงพยักหน้าแล้วเข้าไปยังคฤหาสน์
เขาถามคนแถว ๆ นั้นว่า “หานปิงอยู่ไหนครับ?”
“ชั้นบน ห้องนั่งเล่น” ชายคนนั้นพูดอย่างง่าย ๆ
ซิงเฉิงขึ้นไปชั้นบนทันที แต่เขาก็ต้องโดนขวางจากชายสองคนระหว่างทางไปห้องนั่งเล่น
“ถอยไปซะ!” ซิงเฉิงพูดด้วยความโกรธเกรี้ยว
ทั้งสองคนพูดอย่างเย็นชา “ห้ามใครผ่านไปทั้งนั้น!”
“ใครก็ตามเหรอ?” ซิงเฉิงพูดเสียงเย็น
ทันใดนั้นมีชายชุดดำอีกคนก็เดินมามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วถามว่า “ซิงเฉิงใช่ไหม?”
“คุณเป็นใคร?”
ชายคนนั้นพูดอย่างสุภาพ “ผม เฉินเป๋ยหมิง คุณหนูต้องการให้คุณรอที่ห้องหนังสือครับ”
ซิงเฉิงก็ถูกพามาที่ห้องหนังสือโดยชายคนนั้น ถึงจะทำความสะอาดไปแล้ว แต่เขาก็ยังได้กลิ่นเลือดอยู่ มันทำให้ซิงเฉิงรู้สึกหม่นหมองมาก
“นายท่านหานตายได้ยังไง?” ซิงเฉิงกัดฟันถามออกมา นั่นเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มอยากรู้มากที่สุด
เฉินเป๋ยหมิงตอบหน้าตาย “ฆ่าตัวตายครับ”
“อะไรนะ? ฆ่าตัวตาย? ” ซิงเฉิงตะลึงอีกครั้งนึง เขาคิดว่าหาน เกาผิงถูกฆ่าเสียอีก
เฉินเป๋ยหมิงชี้ไปที่เก้าอี้ไม้จันทน์สีม่วงข้างโต๊ะและพูดว่า “ท่านยิงตัวเอง ตรงนี้ครับ”
มุมปากของซิงเฉิงกระตุก ชายหนุ่มจ้องที่จุดนั้นตาค้าง ขณะที่ดวงตาของเขาค่อย ๆ หม่นลง
ชายหนุ่มอยากที่จะรู้คำตอบว่าอะไรที่ทำให้คนอย่างหาน เกาผิงที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนแข็งแกร่งต้องเลือกเส้นทางที่น่าเศร้าเช่นนี้?
ซิงเฉิงคิดจนหัวแทบแตก ตอนเขาก็ยังไม่สามารถที่จะรับความจริงตรงหน้านี้ได้