บทที่ 16 จะไม่กลับมาอีกแล้ว
ซิงเฉิงเคยให้คำสัญญากับหาน เกาผิงว่าเขาจะปกป้องหานปิง ตอนนี้หาน เกาผิงได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ซิงเฉิงก็ยังรับผิดชอบในคำพูดของเขา ชายหนุ่มเลือกที่จะปกป้องหานปิงต่อไป ท้ายที่สุดมันเป็นเพียงข้อตกลง ในสังคมปัจจุบัน คนที่จริงจังกับเรื่องแบบนี้มักจะต้องจ่ายด้วยชีวิตของพวกเขา ไม่ก็การข่มขู่
อย่างไรก็ตาม หานปิงในตอนนี้นั้นไม่มีใครที่เธอสามารถไว้ใจได้เต็มร้อยเลย แล้วแบบนี้ซิงเฉิงจะทนยืนเฉยและดูเธอพินาศได้อย่างไร ถ้าเป็นแบบนั้นจึงชายหนุ่มจะต้องรู้สึกเสียใจด้วยความรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตของเขา
มีสิ่งที่ลูกผู้ชายจำเป็นต้องทำแม้คนอื่นจะไม่กล้าทำ และที่สำคัญที่สุดคือเขาต้องสามารถรับผิดชอบมันได้
เมื่อคิดแบบนี้ได้แล้ว ซิงเฉิงก็ตัดสินใจที่จะลุยต่อไปไม่ว่าจะเจออุปสรรคอะไรก็ตาม เป้าหมายเดียวของเขาคือปกป้องหานปิง
“ขอบคุณลุงเจียที่อุตส่าห์เป็นห่วงนะครับ” ซิงเฉิงส่ายหัวของเขาและหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่เขาจะพูดต่อ “แต่ผมไม่สามารถที่จะยืนเฉย ๆ และดูหานปิงตายได้หรอกครับ จะไม่มีใครได้แตะตัวหานปิงเว้นแต่จะช้ามศพผมไปก่อน”
“ทำไมถึงได้ดื้อแบบนี้นะ?” เจียเซียนเป่าไม่คิดว่ามันจะออกมาในรูปแบบนี้ นอกจากจะล้มเหลวในการห้ามปรามซิงเฉิงแล้ว ยังทำให้ซิงเฉิงยื่งแน่วแน่มากยิ่งกว่าเดิมไปอีก
“จะมีอะไรต้องกลัว ยังไงผมก็ตัวคนเดียว อย่างเลวร้ายที่สุดผมก็แค่ตาย” ซิงเฉิงพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ตราบที่ยังมีลมหายใจผมก็จะสู้ต่อไป ถึงพวกเขาจะมีความสามารถและเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้หรอก”
“นายเนี่ยน้า…” เจียเซียนเป่าชี้ไปทางด้านซิงเฉิงแต่ก็โกรธไม่ออก
ซิงเฉิงลุกขึ้นแล้วคำนับให้กับเจียเซียนเป่า ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับไป
เจียเซียนเป่าเองก็มองไปทางซิงเฉิงขณะที่ชายหนุ่มเดินจากไป ชายร่างอ้วนทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้แล้ว เขาจะทำอะไรได้อีกหากซิงเฉิงตัดสินใจไปแล้ว? ผลลัพธ์จะเป็นยังไงคนยากจะคาดเดา แต่อย่างน้อยมโนธรรมของผู้ชายคนนี้มันก็ชัดเจน
ในที่สุดเจียเซียนเป่าก็ยอมรับความจริง ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ซิงเฉิงไม่ใช่ซิงเฉิงที่เขารู้จักอีกต่อไปแล้ว เด็กคนนี้โต และมีความคิดเป็นของตัวเอง
สิ่งที่เจียเซียนเป่าพอจะทำได้คือติดต่อเพื่อนของเขาในกานซูโดยเร็วที่สุด นี่เป็นสิ่งที่เขาพอจะทำได้เพื่อซิงเฉิง หลังจากกำชับกับปลายสายเสร็จแล้ว ชายร่างอ้วนก็ได้ส่งข้อความถึงซิงเฉิง ซึ่งภายในนั้นมันก็ได้มีหมายเลขติดต่อและข้อความสั้น ๆ เพื่อในกรณีที่ชายหนุ่มต้องการความช่วยเหลือ
“เฮ้อ นี่ฉันทำอะไรไปเนี่ย” เจียเซียนเป่าไม่รู้ว่าตัวเองควรจะร้องไห้หรือหัวเราะออกมาดี
เขาไปทำอะไรเอาไว้กัน? เขาทำสิ่งชั่วร้ายมากเกินไปที่จะสมควรได้รับชีวิตที่เขามีอยู่ในขณะนี้ ถ้าเป็นเจียเซียนเป่าตามปกติ เขาคงจะไม่ทำอะไรแบบนี้ลงไปแน่ ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นเพราะเขาติดหนี้บุญคุณปู่ของซิงเฉิง
หรือมันอาจจะเป็นเวรเป็นกรรมกันนะ
แทนที่จะกลับไปทอมสันกอล์ฟวิลล่าทันที ชายหนุ่มกลับเลือกที่จะโทรหาเซียติงทางโทรศัพท์เพื่อถามว่าเขาอยู่ที่ไหนและทำอะไรอยู่
เมื่อเซียติงตอบว่าเขาไม่ได้ทำอะไร ซิงเฉิงก็ออกไปหาเพื่อนของเขาในทันที
เมื่อชายหนุ่มมาถึงประตู เขาก็ชนเข้ากับเซียติง ซึ่งในขณะนั้นซิงเฉิงก็บังเอิญไปเห็นเข้ากับหญิงสาวสวยสง่างามคนหนึ่งเดินออกมาจากบ้านของเซียติง ผู้หญิงสวมชุดดำคอวีจนเว้าลึกไปถึงด้านใน เธอไม่ใช่ผู้หญิงคนเดียวกันกับครั้งที่แล้ว
ในที่สุดมันก็เป็นหน้าที่ของคนขับรถที่พาหญิงสาวชุดดำกลับบ้าน เมื่อเซียติงจับสายตาของซิงเฉิง เขาก็เดินขึ้นไปหาชายหนุ่มแล้วพูดว่า “ลูกพี่มีอะไรเหรอ? ดูไม่ดีเลย”
“เป็นเพลย์บอยแบบนี้ชีวิตเหนื่อยนะ!” ซิงเฉิงพูดอย่างไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
เซียติงส่ายหัวแล้วหัวเราะออกมา “ถ้าฉันบอกว่าฉันดื่มไวน์แดงและพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตโดยทั่วไป ลูกพี่จะเชื่อไหมว่ามันเป็นความจริง!”
“เชื่อก็โง่แล้ว!” ซิงเฉิงส่งนิ้วมงคลให้ในตอนที่ด่า
เซียติงหัวเราะและโอบแขนขอซิงเฉิงแทนการโกรธแค้น เขาดึงชายหนุ่มพาเข้าไปในบ้านของตนเอง ทั้งสองคนนั่งลงบนระเบียง ก่อนที่เซียติงจะดึงไวน์แดงที่เหลือออกมา ผู้ชายสองคนกินถั่วลิสงและดื่มไวน์ในขณะที่เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเซี่ยงไฮ้
ซิงเฉิงพอจำได้ราง ๆ ถึงในอดีตในสมัยก่อน ตอนเมื่อเขามาถึงเซี่ยงไฮ้เป็นครั้งแรก และได้เห็นเข้ากับเส้นขอบฟ้าที่หลูเจียซุย ปฏิกิริยาแรกของชายหนุ่มคือความหวาดกลัว ก่อนมันจะกลายเป็นความปรารถนาที่จะหาที่ของเขาเองในเมืองใหญ่แห่งนี้
เวลา 6 ปีผ่านไปแล้ว เมื่อตอนที่เขาได้กลับมาเซี่ยงไฮ้อีกครั้ง ความรู้สึกกลัวในตัวชายหนุ่มมันก็ได้หายไปแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่คือหัวใจที่ทะเยอทะยานภายใต้ท่าทีที่สงบของเขา
“ลูกพี่คิดจะทำอะไรน่ะ?” เซียติงถามซิงเฉิงที่มีท่าทีใช้ความคิด
ซิงเฉิงหยุดและตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา “เหลาซาน พรุ่งนี้ฉันต้องไปที่กานซู กลับมาเร็วที่สุดในคืนถัดไปหรืออาจใช้เวลาสามถึงสี่วัน นี่อาจเป็นการเดินทางที่อันตรายครั้งนึง”
“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่านายกำลังทำตัวมีลับลมคมใน?” เซียติงตอบกลับอย่างสงสัย
ซิงเฉิงพูดต่อ “กรุณาช่วยฉันหน่อยได้ไหมถ้าฉันไม่กลับมา อย่างแรก ช่วยดูแลครอบครัวน้องสาวของฉัน นายรู้ว่าเธอกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยฟู่ต๋าน ดังนั้นเธอจึงเป็นรุ่นน้องของเรา เมื่อปีที่แล้วพ่อของเธอถูกจำคุกและแม่ของเธอเองก็พึ่งฟื้นจากอาการป่วยหนัก”
สิ่งที่ซิงเฉิงพูดมันฟังดูเหมือนว่าเขากำลังสั่งเสีย และกำลังจะไปตายยังไงยังงั้น เซียติงเริ่มที่จะคิดตามไม่ทันแล้ว
“อย่างที่สอง ฉันจะให้หมายเลขโทรศัพท์มือถือกับนาย นายช่วยพูดขอบคุณ และก็ขอโทษกับผู้หญิงที่ปลายสายในนามของฉันที บอกเธอด้วยว่าฉันไม่สามารถไปกินหม้อไฟตามที่เคยสัญญาไว้กับเธอได้แล้ว”
“ประการที่สาม ฉันต้องการให้นายติดตามชายชราที่อาศัยอยู่ในปักกิ่งที่ชื่อเฉินชางเฉิง เขารู้ภูมิหลังครอบครัวของฉัน ปู่ของฉันเคยบอกฉันว่าถ้าฉันพบกับเขา ชายคนนั้นจะบอกทุกอย่างเกี่ยวกับตัวฉัน แต่มันก็ไม่เป็นไรถ้านายหายเขาคนนั้นไม่เจอ”
ซิงเฉิงสงบเงียบหลังจากให้ที่เขาพูดออกไปมากมาย เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูดเซียวติงก็รู้สึกงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะพูดออกมา “ลูกพี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน? อย่าแบกทุกอย่างเอาไว้คนเดียวสิ ยังไงพวกเราเป็นก็พี่น้องกันนะ!”
“ถ้าฉันกลับมาได้ ฉันสัญญาว่าจะเล่าให้ฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้อย่าพึ่งถามอะไรมากเลย” ซิงเฉิงไม่อยากเล่าข้อมูลเพิ่มเติม เขากลัวว่ามันจะนำความเดือดร้อนมาให้เซียวติงและพี่น้องคนอื่น ๆ
ซิงเฉิงยังคงนิ่งเงียบ ไม่ว่าเซียวติงจะพยายามเค้นคอเขาแค่ไหนก็ตาม เมื่อเห็นท่าทีนิ่งเฉยของลูกพี่ตนเอง เซียติงก็เลือกที่จะยอมแพ้ เขาทำได้เพียงสวดภาวนาเพื่อความปลอดภัยของซิงเฉิงและรออย่างอดทนเพื่อวันที่ซิงเฉิงกลับมา
ชายหนุ่มไม่อยากที่จะอยู่ไปนานมากกว่านี้ แค่สามสิบนาทีหลังจากนั้นซิงเฉิงก็กลับมาที่ทอมสันกอล์ฟวิลล่า
เฉินเป๋ยหมิงได้จัดบอดี้การ์ดสิบกว่าคนเพื่อเฝ้ายามด้านนอกและภายในบ้าน คนเหล่านี้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่เชื่อถือได้ของเขา นี่เองจึงทำให้เขาเชื่อว่าจะไม่มีอันตรายในบริเวณนี้อย่างแน่นอน เพราะมันถูกคุ้มครองเป็นอย่างดี
ภายในบ้าน ตอนนี้หานปิงตื่นแล้ว หญิงสาวเลือกที่จะพักที่วิลล่าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธออยู่ที่นี่เป็นเวลานานขนาดนี้
“วางแผนพรุ่งนี้เอาไว้ยังไงบ้าง?” ซิงเฉิงถามหานปิงด้วยเสียงกระซิบ เขานั่งลงบนโซฟาข้างเธอ ๆ บนห้องนั่งเล่นชั้นสอง
เมื่อหานปิงได้ยินเสียงของซิงเฉิงที่กลับมาแล้ว เธอก็รู้สึกตื่นเต้นในทันที “กลับมาแล้วเหรอ?”
ซิงเฉิงพยักหน้าแล้วยิ้มให้กับหญิงสาว
“มีสนามบินในเทียนฉุย พรุ่งนี้เราจะพาเครื่องบินส่วนตัวของพ่อฉันบินตรงไปที่เมืองเทียนฉุย เมื่อเราไปถึง จะมีคนที่นั่นคอยพวกเราอยู่ เขาจะพาเราไปที่บ้านของฉัน มันยังคงมีวิธีปฏิบัติตามประเพณีบางอย่างที่เราต้องดำเนินการเพื่อฝังศพ แต่ทุกอย่างได้รับการเตรียมเรียบร้อยแล้ว พอเช้าวันถัดไปเราจะฝังศพกัน พอเสร็จแล้วเราก็จะอยู่ที่นั่นอีกครึ่งวันหลัง ก่อนที่เราจะบินกลับเซี่ยงไฮ้ในวันถัดไป” หานวางแผนทุกอย่างกับเฉินเป่ยหมิงและญาติ ๆ ในบ้านเกิดของเธอเรียบร้อยแล้ว
ซิงเฉิงขมวดคิ้วแล้วถาม “จะอยู่ที่นั่นสองวันเลยงั้นเหรอ?”
“แน่นอน มีปัญหาอะไรเหรอ?” หานปิงถามตรงๆ
ซิงเฉิงตอบพร้อมส่ายหัว “ปล่อยหรอก สงสัยน่ะ”
ซิงเฉิงคิดว่าพวกเขาจะกลับมาคืนวันพรุ่งนี้ การพักอีกหนึ่งคืนนั้นไม่ได้อยู่ในแผนการของชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย แต่มันก็ไม่เป็นไร ยังไงซิงเฉิงก็ได้เตรียมการรับมือกับสถานการณ์ที่แย่ที่สุดเอาไว้แล้ว
“นี่ก็ดึกแล้ว ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้เราสายไม่ได้นะ” หานปิงลุกขึ้นแล้วกลับไปที่ห้องนอน
หลังจากที่หานปิงลุกออกไป ผู้เฒ่าหวู่ที่แทบจะไม่ได้พูดคุยกับซิงเฉิงเดินเข้ามาและนั่งลงตรงข้ามกับซิงเฉิงอย่างช้า ๆ แม้ว่าใบหน้าที่เหี่ยวย่นของเขาจะบ่งบอกถึงอายุที่มากแล้วก็ตาม หากแต่ร่างกายของชายชราก็ยังคงดูแข็งแรง ดวงตาของเขาก็ยังคงสดใส และเต็มเปี่ยมไปด้วยปัญญา
“เธอไม่จำเป็นที่จะต้องเข้ามายุ่งเรื่องครั้งนี้” หวู่พูดด้วยรอยยิ้ม
ซิงเฉิงเฝ้าสังเกตชายชราคนนี้อย่างเงียบ ๆ ตั้งแต่ชายหนุ่มขึ้นบันไดมา เขาก็รู้ตัวในทันทีว่าชายชราเองก็มองมาที่เขาเช่นกัน
“ผมสัญญากับลุงหานเอาไว้แล้ว” ซิงเฉิงตอบอย่างเรียบ ๆ
ผู้เฒ่าหวู่เล่นลูกปัดเก่าในมือของเขาและพูดว่า “เธออาจจะไม่ได้กลับมานะ”
“ผมรู้ดี แต่ผมก็ต้องทำ ไม่อย่างนั้นผมก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรไป” ซิงเฉิงไม่ได้พยายามปกปิดความคิดของตัวเอง ดีซะอีกที่ได้เปิดเผยให้ชายชราที่ฉลาดหลักแหลมคนนี้ฟัง ไม่อย่างนั้นเขาคงจะดูเหมือนเด็กดื้อซะมากกว่า
“ไม่เลวนี่ไอ้หนุ่ม สมแล้วที่เกาผิงไว้ใจเธอ” ผู่เฒ่าหวู่ชมเชยซิงเฉิงด้วยท่าทางประหลาดใจ
ชายชราหัวเราะออกมาก่อนจะพูดว่า “ตาแก่คนนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่ต้องการในชีวิต สำหรับการใช้ชีวิตที่ไม่ประสบความสำเร็จและไม่สนใจนั้น ของแบบนั้นสู้ยอมตายเสียยังจะดีกว่า”
“ความตายที่ดีนั้น มันดีเสียกว่าการใช้ชีวิตที่ไร้ประโยชน์ คุณเห็นด้วยไหม?” ผู้เฒ่าหวูดูเหมือนจะไม่ต้องการสนทนากับซิงเฉิงต่อไป แม้ว่าเขาเพิ่งจะนั่งลงเมื่อสักครู่ก็ตาม หลังจากพูดประโยคนั้นจบ ชายชราก็จากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากผู้เฒ่าหวูออกไป ซิงเฉิงเองก็กลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อน
เมื่อชายหนุ่มตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น ตอนนั้นหานปิงยังคงหลับสนิท ส่วนเฉินเป๋ยหมิงก็กำลังออกกำลังกายกับผู้เฒ่าหวูในสวน
หานปิงตื่นขึ้นหลังจากซิงเฉิงกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว หน้าตาของหยิงสาวดูซีดเซียวและเหนื่อยล้า ดูได้จากรอยคล้ำรอบดวงตาคู่หนึ่งที่บวม เห็นได้ชัดว่าเธอนอนน้อยมากหรือแทบนอนไม่หลับเลยเมื่อคืน
หลังจากใช้เวลาเก็บข้าวนิดหน่อย หานปิงและคณะเดินทางของเธอก็รีบไปที่สนามบินพร้อมผู้คุ้มกันของครอบครัวทันที การคุ้มกันที่แน่นหนาในครั้งนี้ หญิงสาวทำมันก็เพราะว่าเธอได้พาโกศที่บรรจุขี้เถ้าของพ่อแม่ของเธอมาด้วยนั่นเอง
เมื่อเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของครอบครัว รุ่นจี 450 แล่นออกไป ซิงเฉิงก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายเมื่อเขามองออกไปนอกหน้าต่างสู่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมอกของเซี่ยงไฮ้ ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้าสู่เซี่ยงไฮ้ และอีกยี่สิบปีต่อจากนี้ เขาจะจำวันนี้ที่เขาจะออกจากเมืองนี้ให้ดี
การจากไปของซิงเฉิงในครั้งนี้อาจจะหมายความว่าชายหนุ่มจะไม่ได้กลับมาอีก