บทที่ 18 ถอยไม่ได้แล้ว…
ซิงเฉิงและเฉิงเป๋ยหมิงต่างตื่นตัวเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์วิกฤติที่ไม่คาดฝันเมื่อพวกเขาก้าวเข้ามาในหมู่บ้านหาน ท้ายที่สุดมันอาจจะไม่เกิดเรื่องขึ้นก็ได้ พวกเขาคิดว่าคนอื่นเป็นเพียงแค่ญาติและเพื่อนของคนในตระกูลหานเท่านั้น
ใครจะไปรู้กันว่ามีพวกนักฆ่าซุ่มรออยู่ทั้งวันจนกว่าจะถึงเวลาค่ำก่อนที่พวกมันจะลงมือ และสิ่งที่คาดไม่ถึงไปกว่านั้นก็คือการที่พวกมันมี ปืน!
ซิงเฉิงที่ตอนนี้หมดหนทาง เขาได้แต่มองไปที่หญิงสาวด้วยความสิ้นหวัง ครั้งนี้หานปิงคงจะไม่รอดเสียแล้ว
ในช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตาย ขณะที่นักฆ่ากำลังจะลั่นไก อิฐก้อนหนึ่งก็ถูกขว้างออกมาจากมุมอับสายตาและกระแทกเข้าที่ข้อมือของนักฆ่าอย่างพอดิบพอดี ปืนที่กำลังเล็งมาทางหานปิงก็ถูกกระแทกลอยออกไปในอากาศอย่างแรง
ซิงเฉิงหันไปเห็นผู้เฒ่าหวู่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขาเท่าไหร่ คนที่ขว้างก้อนอิฐคงจะเป็นเขานี่แหละ ใครที่จะสามารถเล็งได้อย่างแม่นยำแบบนี้อีก ?
ทันใดนั้นนักฆ่าก็หยิบปืนขึ้นมา ซิงเฉิงพลันชาร์จใส่นักฆ่าที่ต่อสู้กับเขาออกไป ทางด้านผู้เฒ่าหวู่ หลังจากที่ขว้างอิฐออกไปแล้ว ชายชราก็รีบพุ่งเข้าใส่นักฆ่าอีกคนที่พยายามหยิบปืนขึ้นมา ซิงเฉิงวาดลูกเตะลงที่หลังของนักฆ่า แรงกระแทกทำให้นักฆ่าคนนั้นเอื้อมไปหยิบปืนได้ แต่ก่อนที่ฆาตกรจะทันลุกขึ้นยืน ซิงเฉิงก็จัดแจงถีบเข้าที่ท้องของคนคนนั้นเข้าอย่างจัง
ผู้เฒ่าหวู่เข้าต่อสู้กับนักฆ่าอีกคน ด้วยการบิดอย่างแรงเพียงครั้งเดียว ชายชราก็สามารถล้มนักฆ่าคนนั้นได้อย่างรวดเร็ว นักฆ่าสองคนกลับมาตั้งหลักอีกรอบ พวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะต่อกรได้ จึงเลือกที่จะหนีออกไปทางสนามหลังบ้าน
ผู้เฒ่าหวู่ยังคงอยู่กับหานปิงเพื่อปกป้องเธอ ในขณะที่ซิงเฉิงลุกขึ้นและไล่ล่าพวกนักฆ่าที่กำลังหนี น่าเสียดายที่ตอนที่เขาไปถึงสนามหลังบ้านทั้งสองคนกระโดดข้ามกำแพงแล้วหลบหนีไปได้
ซิงเฉิงกลัวว่าพวกนักฆ่าพยายามล่อเขาให้ห่างจากหานปิง ดังนั้นชายหนุ่มจึงด่าอีกฝ่ายแล้วกลับไปหาหานปิงเพื่อความปลอดภัย
ผู้เฒ่าหวู่ช่วยหานปิงกลับเข้ามาในห้องของหญิงสาว ซึ่งนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ซิงเฉิงกลับมาถึงพอดี อีกด้านหนึ่ง เฉินเป๋ยหมิงออกไปกำจัดศพและยังไม่ได้กลับมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความกังวลในหมู่ญาติ ๆ ตระกูลหาน โชคดีที่พวกลูกพี่ลูกน้องของหานปิงเท่านั้นที่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในขณะที่คนอื่น ๆ ไม่รู้เลย
ปืนถูกเก็บไว้อย่างเรียบร้อยโดยผู้เฒ่าหวู่ หานปิงผู้ซึ่งยังตื่นตระหนกอยู่นั่งบนเตียงเงียบ ๆ ซิงเฉิงตอบสนองต่อสัญญาณของผู้เฒ่าหวู่ ชายหนุ่มพาลูกพี่ลูกน้องของหานปิงออกไปจากห้องเพื่อไปพูดกับเขาเป็นการส่วนตัว
“น้องหาน” ซิงเฉิงพูดกับลูกพี่ลูกน้องของหานปิงด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นทางการขณะที่โอบกอดเขาไว้
หานซ่งเป็นลูกชายของลุงคนโตของหานปิง เขาเป็นคนที่มีสถานะในเทียนฉุยพอสมควรซึ่งมันก็เกี่ยวกับบริษัทก่อสร้าง ในแง่นี้เขาได้ผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากมากมาย อย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนที่ยิงกันต่อหน้าต่อตาเป็นครั้งแรก
“ใครกันที่อยากจะให้ปิงปิงตายขนาดนี้ ท่านผู้เฒ่าหวู่?” หานซ่งถาม ตอนนี้เขาสวมชุดพิธีการ ท่าทางของเขาดูตื่นกลัวมาก
ซิงเฉิงหัวเราะเบา ๆ แล้วอธิบาย “เรื่องนี้ไม่รู้เลยน่าจะดีกว่านะ ถ้าจะให้ดีก็ช่วยทำเป็นไม่เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วกันนะ”
“ปิงปิงเป็นน้องฉัน ฉันว่าฉันมีสิทธิ์ที่จะรู้นะ?” หานซ่งยังคงยืนกรานเพื่อค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้น
ซิงเฉิงบ่ายเบี่ยง “ผมซึ้งใจในน้ำใจของคุณนะจริง ๆ แต่ว่าคนพวกนี้เป็นศัตรูของท่านประธานจากสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี ไม่มีอะไรที่คุณพอจะช่วยได้หรอก”
หานซ่งเข้าใจในที่สุด ถ้าเรื่องในเทียนฉุยก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้ามาจากสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียงก็ไม่มีอะไรที่เขาจะช่วยได้จริงๆ
“เอาล่ะฉันเข้าใจแล้ว แต่บางทีฉันอาจจะยังพอทำอะไรได้ในเทียนฉุย”
ซิงเฉิงช่วยหานซงบรรเทาความเครียดด้วยการพูดคุยกันนิดหน่อยก่อนที่จะพาลูกพี่ลูกน้องคนนั้นไปนอน จากนั้นชายหนุ่มก็ไปที่ห้องนอนของหานปิงเพื่อคุ้มครองเธอ
ในที่สุดเฉินเป่ยหมิงกลับมาหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง แต่เขาก็ไม่ได้บอกอะไรเลยเกี่ยวกับวิธีกำจัดร่างของนักฆ่า ซิงเฉิงเองก็ไม่ได้ถามอีกฝ่ายเพิ่มเติม เพียงแต่ให้ข้อมูลกับเฉินเป่ยหมิงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาจากไป
“คิดว่าใครเป็นคนทำ ? คนในหรือว่าคนนอก?” ชายทั้งสองพูดคุยกันขณะนั่งยอง ๆ สูบบุหรี่ที่ประตูบ้านและเฝ้าดูบริเวณโดยรอบ
“เป็นไปได้ทั้งคู่” เฉินเป่ยหมิงไม่แน่ใจ มีหลายกลุ่มที่วางแผนจะฆ่าหานปิง เขาคิดว่าจ่าวตงเฉิงเป็นคนที่น่าสงสัยมากที่สุด แล้วยังมีโจวเหวินหวู่ในเซี่ยงไฮ้ และหวู่ที่สามในสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีอีก
ซิงเฉิงถอนหายใจแล้วตอบ “หานปิงเป็นทายาทเพียงคนเดียวของสินทรัพย์ขนาดใหญ่ของท่านประธานหาน คนเหล่านี้ต่างจับตาดูทรัพย์สมบัติของเขาและจะพยายามกำจัดหานปิงออกไป แม้ว่าเราจะแก้ไขวิกฤตการณ์ในคืนนี้ได้ แต่อันตรายก็ยังคงเกิดขึ้นต่อไป เราคงตั้งรับไปตลอดไม่ได้”
“คิดอะไรออกบ้างไหม?” เฉินเป๋ยหมิงมองดูเขาอย่างคาดหวัง
ซิงเฉิงใช้เวลานานมากในการไตร่ตรองคำถาม หลังจากลังเลอยู่นาน ในที่ชายหนุ่มก็เปิดปากของเขา “ถ้าเราให้หานปิงยอมแพ้ในทรัพย์สินทั้งหมดของประธานหาน และปล่อยให้บริษัทประกาศล้มละลาย ใครก็ตามที่เข้ามาสามารถเป็นเจ้าของมันได้แบบนั้นละ”
“ทำแบบนั้นได้ที่ไหนเล่า?” เฉินเป่ยหมิงไม่อยากเชื่อสิ่งที่เขาได้ยิน “จะบอกว่าให้ยอมแพ้จากทรัพย์สินที่หาน เกาผิงใช้เวลาทั้งชีวิตในการสร้างมันขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ?”
“ชีวิตสำคัญกว่า ยิ่งไปกว่านั้นหานปิงเองก็อาจไม่ต้องการของพวกนั้น คิดว่าผู้หญิงอย่างเธอจะสามารถรับมือพวกอันธพาลได้งั้นเหรอ? คิดว่าจริง ๆ แล้วเธอจะมีความสุขที่ได้สืบทอดธุรกิจของพ่อของเธอไหม?” ซิงเฉิงพูดอย่างดื้อดึง
เฉินเป่ยหมิงพูดไม่ออก สิ่งที่ซิงเฉิงพูดนั้นฟังดูสมเหตุสมผล หานปิงไม่เคยสัมผัสกับทรัพย์สินของท่านประธาน ซึ่งส่วนใหญ่มันก็เกี่ยวข้องกับการค้าที่ผิดกฎหมาย
“ที่จริงผมอยากรู้ความคิดของหานปิงมากกว่า เราควรให้เธอตัดสินใจเอง สิ่งที่เธอเลือกที่จะทำ ผมจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่กับเธอไม่ว่ามันจะเป็นอะไร” ซิงเฉิงถอนหายใจอีกครั้ง เขาเห็นว่าหานปิงไม่เคยต้องการเข้าไปทำธุรกิจของพ่อ สิ่งที่หญิงสาวให้ความสำคัญที่สุดในขณะนี้ก็คือการฝังศพของพ่อของเธอ
เฉินเป๋ยหมิงนิ่งเงียบ เขาคิดว่าพวกเขาจะต้องทำเป็นขั้นเป็นตอน
แม้ว่าจะไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นตลอดทั้งคืนที่เหลือ แต่ทั้งซิงเฉิงและเฉินเป่ยหมิงเองก็ไม่ได้หลับทั้งคืน ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงหานปิงด้วย
ในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเพื่อน ๆ และญาติ ๆ มาถึง ทุกคนก็เริ่มยุ่งกับพิธีศพ หลังจากพิธีสั้น ๆ และเสียงของประทัดดับลง ชายชราก็ประกาศว่า “เริ่มงานได้”
เพื่อนและญาติ ๆ ของตระกูลหานทุกคนล้วนแต่งกายด้วยเครื่องแบบที่มีไว้สำหรับเดินส่งหาน เกาผิงเป็นครั้งสุดท้าย
หาน เกาผิงกำลังจะถูกฝังอยู่บนทางลาดด้านหลังเนินเขา มันเป็นสถานที่อันเป็นมงคลซึ่งเขาเลือกขณะยังมีชีวิตอยู่ด้วยความช่วยเหลือของผู้เชี่ยวชาญ ความตั้งใจของหาน เกาผิงคือให้เขาถูกฝังในหมู่บ้านหานเมื่อเขาตาย
ซิงเฉิงก็มีความรู้เรื่องฮวงจุ้ยอยู่บ้าง ซึ่งชายหนุ่มรับความรู้ดังกล่าวมาจากปู่ของเขาตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นเขาจึงรู้เรื่องพวกนี้เล็กน้อย หลังจากศึกษาสถานที่นี้มาระยะหนึ่งแล้ว เขาก็ได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วว่าหาน เกาผิงไม่ได้เสียเงินในการหาที่ฝังศพชิ้นนี้ไปเปล่า ๆ ซิงเฉิงเชื่อว่าหานเกาผิงค่อนข้างมีความรู้ในเรื่องฮวงจุ้ยมากทีเดียว
น่าแปลกที่คนที่มีอายุมาก พวกเขาก็จะยิ่งเชื่อในสิ่งต่าง ๆ มากขึ้นเท่านั้น มันเหมือนกับความกลัวหรือความเชื่อโชคลางบางอย่าง ซิงเฉิงแค่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเท่านั้น
เมื่อเสียงประทัดดังขึ้น เสียงร้องไห้และคร่ำครวญก็พลันตามมาติด ๆ เถ้าถ่านของคู่รักหานถูกลดระดับลงอย่างช้า ๆ โดยมีหานปิงและคนในหมู่บ้านช่วยกันกลบมันด้วยดิน
หานปิงหมอบลงที่หลุมฝังศพและร้องไห้อย่างขมขื่นจนเกือบเป็นลม หญิงสาวสูญเสียพ่อแม่ของเธอไปแล้ว จากนี้ไปเธอจะไม่ได้พบกับพวกเขาอีกตลอดกาล
ผู้อาวุโสที่เคารพนับถือคนหนึ่งจากหมู่บ้านยืนขึ้นเพื่อเป็นผู้นำในพิธี ซิงเฉิงที่ยืนอยู่ข้างในนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์อันหลากหลาย สำหรับชายหนุ่ม ไม่ว่าคนคนนั้นจะมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่เมื่อตายแล้ว ทุกอย่างก็พลันกลายเป็นแค่เศษดิน สิ่งสำคัญกว่าคือวิธีที่คนคนนั้นใช้ชีวิตของเขาตังหาก
หาน เกาผิงเป็นเด็กยากจนที่มาจากครอบครัวชาวนา แต่ในที่สุดก็กลายเป็นคนดังในเซี่ยงไฮ้ ชายคนนี้ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าเลยแม้แต่น้อย
“ไปดีมาดีนะครับ ท่านลุงหาน” ซิงเฉิงพึมพำ
ในที่สุดงานศพทั้งหมดก็จบลง หลังอาหารกลางวัน ชาวบ้านก็ช่วยกันจัดระเบียบและแยกย้ายกันกลับบ้านของตัวเองหลังจากนั้น ผู้ที่มาจากเมืองก็ออกเดินทางเพื่อกลับไปทำธุระของตัวเอง
มันเป็นช่วงบ่ายตอนที่ทุกคนออกไป มีเพียงไม่กี่คนที่ยังคงอยู่ข้างหลัง ซึ่งนั่นก็รวมถึงญาติสนิทที่อยู่กับหานปิงเพื่ออยู่คุยกับเธอ ในทางกลับกัน ซิงเฉิงและเฉิงเป๋ยหมิงเอง พวกเขาก็ได้เริ่มพูดคุยกันว่าจะออกเดินทางในเวลากลางคืนนี้หรือไม่
ในที่สุดพวกเขาตัดสินใจกลับภายในคืนนี้ทันที ซึ่งหานปิงเองก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจดังกล่าว หญิงสาวยังจำได้อย่างชัดเจนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อน
สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าดูเหมือนจะเป็นเพียงการหยั่งเชิงเท่านั้น มันไม่สำคัญว่าแผนจะสำเร็จหรือไม่ อย่างไรก็ตามคืนนี้จะเป็นโอกาสสุดท้ายดังนั้นพวกเขาจะไม่ปล่อยโอกาสไปอย่างง่ายดายแน่นอน
มีความผูกพันเป็นพิเศษระหว่างชาวบ้าน และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมหาน เกาผิงจึงเดินทางกลับบ้านเกิดหลายครั้งเพื่อเยี่ยมชมโดยไม่คำนึงว่าเขาจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร นอกเหนือจากการให้ความเคารพต่อบรรพบุรุษของเขาแล้ว ที่สำคัญกว่านั้นคือการที่หาน เกาผิงมักจะทำให้แน่ใจว่าเขาได้ใช้เวลากับชาวบ้านเพื่อไม่ให้พวกเขาคิดว่าตัวเองลืมถิ่นกำเนิดเมื่อเขาประสบความสำเร็จ
สิ่งสุดท้ายสำหรับงานศพคือการให้ของขวัญเพื่อเป็นการตอบแทน ญาติของหานได้เตรียมของขวัญสำหรับหานปิงแล้วแจกจ่ายให้กับครอบครัวต่าง ๆ เพื่อตอบแทนความช่วยเหลือในสองวันนี้ ในขณะที่หานปิงเอง หญิงสาวก็ได้ออกไปแจกของกำนัลด้วยเช่นกัน ซึ่งก็มีซิงเฉิง เฉินเป๋ยหมิงและผู้เฒ่าหวู่ติดตามเธออย่างใกล้ชิด
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ดวงอาทิตย์ก็เริ่มที่จะตั้ง
ในขณะที่หานปิงอำลาผู้อาวุโสในครอบครัว ลุงของเธอก็ยังคงอยู่ข้างหลังในหมู่บ้านจนกระทั่งวันรุ่งขึ้น ก่อนจะกลับไปที่เมือง พวกเขาได้พาหานซ่งและลูกพี่ลูกน้องอีกคนเพื่อส่งกลับไปที่ใจกลางเมืองเทียนฉุย ด้านญาติ ๆ เองก็จองห้องหลอก ๆ เอาไว้โรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองสำหรับพวกเขาในตอนกลางคืนเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถบินกลับไปเซี่ยงไฮ้โดยใช้เครื่องบินส่วนตัว จี450 ได้ในทันที
หานปิงทนไม่ได้ที่จะบอกลาสถานที่แห่งนี้ ท้ายที่สุดพ่อแม่ของเธอถูกฝังที่นี่ หญิงสาวสามารถเยี่ยมพวกเขาได้ปีละสามครั้งเท่านั้น เรื่องนี้ทำให้เธอค่อนข้างลังเลที่จะจากไป
สำหรับความขัดแย้งกับพ่อของเธอ หานปิงได้กำจัดความรู้สึกไม่ดีพวกนั้นไปนานแล้วตั้งแต่ตอนที่พ่อเธอฆ่าตัวตาย
ภายในรถเรนจ์โรเวอร์ของหานปิง เฉินเป๋ยหมิงกำลังขับรถในขณะที่ซิงเฉิงนั่งข้างเขา หานปิงผู้ที่นั่งด้านหลังรู้สึกงุนงง “สวรรค์เป็นตัวกำหนดชีวิตและความตายของมนุษย์ เพราะงั้นเราต้องใช้ชีวิตของเราต่อไป หานปิง ยังไงคุณยังต้องเดินทางอีกยาวไกล”
“ฉันรู้” หานปิงพึมพำภายใต้ลมหายใจของเธอ
มาถึงตอนนี้ แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ได้ลดลง และท้องฟ้าก็ถูกแทนที่ด้วยความมืดมิด บนท้องถนน ลูกพี่ลูกน้องของหานปิงและผู้เฒ่าหวู่กำลังขี่โตโยต้า ในขณะที่เรนจ์โรเวอร์ของหานปิงติดตามอย่างใกล้ชิด
ถนนในชนบทแห่งนี้จะไปวนรอบ ๆ เนินเขาก่อนที่จะเข้าร่วมมอเตอร์เวย์ พวกเขาจะปลอดภัยเมื่อขึ้นทางด่วนเท่านั้น
ในตอนบ่าย ซิงเฉิงและเฉินเป่ยหมิงได้ศึกษาเส้นทางที่พวกเขากำลังเดินทางไว้แล้ว ทั้งคู่รู้ว่ายิ่งชักช้าเท่าไหร่ มันก็จะทำให้สถานการณ์อันตรายมากขึ้นเท่านั้น หากศัตรูของพวกเขาไม่ได้ลอบโจมตีในหมู่บ้านหาน คนพวกนั้นอาจจะพยายามลอบโจมตีตามถนนสายนี้ก็เป็นได้ มิฉะนั้นพวกมันจะต้องหาโอกาสอีกครั้งเมื่อพวกเขาอยู่ในเมือง ด้วยเหตุนี้แล้วซิงเฉิงและเฉินเป๋ยหมิงจึงตื่นตัวและไม่กล้าลดความระวังลงเลยแม้แต่น้อย
ที่มุมหนึ่งของสายตา มันก็ได้มีรถสองคันขับอยู่ข้าง ๆ กันปรากฏขึ้นตรงหน้าซิงเฉิง และก็มีอีกสองคันอยู่ด้านหลังใกล้ ๆ กับพวกเขา ทั้งซิงเฉิงและเฉินเป๋ยหมิงหน้าซีดในทันที เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจะไม่สามารถออกจากสถานที่นี้อย่างปลอดภัยในคืนนี้ซะแล้ว …