[SC] บทที่ 19 ทุ่มอย่างสุดกำลังและจะไม่มีวันยอมแพ้
ถนนสายนี้ตรงเข้าสู่หมู่บ้านหานเท่านั้น ดังนั้นตามปกติแล้วจะไม่ค่อยมีรถผ่านไปมามากนักโดยเฉพาะตอนกลางคืน แต่ในขณะนี้กลับมีรถสี่คันปรากฏขึ้นในเวลาเดียวกันที่ด้านหน้าและด้านหลังของพวกเขา ซิงเฉิงและเฉินเป๋ยหมิงรู้แทบจะทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
รถทั้งสี่คันนั้นไม่มีสัญญาณของการชะลอตัว ด้านซ้ายของถนนเป็นห้วย ส่วนเนินเขาที่แห้งแล้งรกไปด้วยวัชพืชและต้นไม้อยู่ทางขวา โชคดีที่มันไม่ใช่หน้าผาหรือจะเป็นทางตันสำหรับพวกเขาที่นี่ในคืนนี้
หานซ่งที่รับหน้าที่ขับยังคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขายังคงรอรถด้านหน้าเปิดทางออกให้เขา ผู้เฒ่าหวู่ผู้นั่งอยู่ข้าง ๆ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เมื่อเห็นภาพตรงหน้าชายชราก็ได้รีบหมุนพวงมาลัยไปทางด้านขวาสุดกำลัง พร้อมกับตะโกนออกมา “เบรก!”
หานซ่งไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นเสียงคำรามของผู้เฒ่าหวู่ที่ทำให้เขาได้สติ ลูกพี่ลูกน้องของหานปิงคนนี้ตัดสินใจหยุดรถกะทันหัน มันทำให้รถโตโยต้าพราโด้พุ่งตรงไปที่เนินเขา ก่อนจะกระแทกกับต้นไม้เล็ก ๆ สองต้น และหยุดลงในที่สุดเมื่อชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่
ผู้เฒ่าหวู่ถึงจะอายุ 60 แล้ว แต่ชายชราก็สามารถเปิดล็อคประตูรถและกระโดดออกมาอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยแม้ในขณะที่เรากำลังเคลื่อนตัวอยู่ก็ตาม เขากลิ้งไปมาบนพื้นสองสามครั้งก่อนที่จะหยุดลง แม้ว่ามันจะน่าอายอย่างยิ่ง แต่ผู้เฒ่าหวู่ก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว
เฉินเป่ยหมิงที่ด้านหลังสงบกว่าหานซ่งมาก หลังจากที่เขารู้ว่าไม่มีทางออก ดังนั้นเขาตัดสินใจที่จะชะลอตัวและไปที่ด้านบนของภูเขา และถึงแม้มันจะมีต้นไม้อยู่เต็มไปหมด แต่บนถนนกลับโล่งและปราศจากที่กำบัง พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหยุด
“ออกมาจากรถเร็ว” เฉิงเป่ยหมิงตะโกนเสียงต่ำ เขายังดูนิ่งเฉย ไม่ได้มีท่าทีตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย
ซิงเฉิงพุ่งจากรถ ก่อนจะลากหานปิงออกไปด้วย ชายหนุ่มไม่ได้ตั้งใจจะสนใจคนอื่นเลยแม้แต่น้อย เขารีบดึงหานปิงขึ้นไปบนยอดเขาทันที
ในขณะนี้เฉินเป่ยหมิงและผู้เฒ่าหวู่เองก็เลือกที่จะตามซิงเฉิงและหานปิงขึ้นไปด้วย ทั้งสองคนไม่ต้องการอยู่ที่นี่เพื่อตาย ที่นีมีศัตรูมากเกินไป แถมพวกเขายังไม่รู้อะไรเลยของศัตรู ถ้าพวกมันมีปืนเหมือนเมื่อคืนพวกเขาคงจะตายแน่ถ้าอยู่ต่อ พวกตำรวจเองก็คงใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงเพื่อมาถึงที่นี่ เพราะงั้นไม่ทันการอย่างแน่
สำหรับลูกพี่ลูกน้องของหานปิง เขาถูกรถชนจนหมดสติไปแล้ว ดังนั้นซิงเฉิงและคนอื่น ๆ จึงไม่มีเวลาไปดูแลเขาและตัดสินใจทิ้งคนผู้นั้นไว้ตามมีตามเกิด
มีรถสี่คันมาถึงจุดดังกล่าว ก่อนที่จะมีชายอีกนับสิบคนออกมาจากรถ ผู้นำชายวัยกลางคนตะโกน “อย่าให้ใครรอดไปได้ ฆ่าให้หมด”
คนแปลกหน้าแทบทุกคนที่เดินออกมาจากรถล้วนแล้วแต่มีมีดดาบ ส่วนอีกสามคนที่เหลือ พวกมันถือปืนตั้งท่าพร้อมจะลั่นไกได้ทุกเมื่อ คนพวกนี้มุ่งตรงมาทางซิงเฉิงและคนอื่น ๆ
หานปิงหันกลับไปมองลูกพี่ลูกน้องของเธอ ซิงเฉิงรีบเตือนสติเธอทันที “มัวมองอะไรอยู่ หนีเร็ว!”
เมื่อเสียงของชายหนุ่มดังขึ้น มันก็ตามมาเสียงปืน ขณะที่กระสุนกำลังจะพุ่งเข้ามา หานซิงเฉิงและคนอื่นรีบหลบไปด้านข้างทันที หานปิงที่เห็นแบบนั้น หญิงสาวก็ได้แต่กรีดร้องด้วยความกลัว เสียงสะท้อนดังก้องไปทั่วภูเขา คนเหล่านี้ก่อเรื่องกันอุกอาจเกินไปแล้ว
โชคดียังดีที่ต้นไม้อยู่ทุกเต็มไปหมด บวกกับความมืดโดยรอบแล้ว ดังนั้นซิงเฉิงและคนของเขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะอยู่นานนัก และรีบไปที่ยอดเขาโดยไม่ลังเล
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับชายหนุ่มทุกคนในอีกด้านหนึ่งด้านแล้ว ทางฝั่งของซินเฉิงกับมีทั้งผู้หญิงและชายชราอายุ 60 ปี ไม่ว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพของผู้เฒ่าหวู่จะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ชายชราแบบเขาก็ไม่สามารถแข่งขันกับชายหนุ่มได้อยู่ดี
หลังจากวิ่งไปสองสามนาที ผู่เฒ่าหวู่ก็อ้าปากค้างและพูดว่า”ไม่รอดแน่ ๆ คงจะต้องเรียกตำรวจแล้วล่ะ”
ซิงเฉิงและเฉินเป่ยหมิงทั้งคู่ตระหนักว่าสิ่งที่พวกเขาทำอยู่นั้นคือการเอาแต่หนีอย่างเดียว พวกเขาดันลืมที่จะโทรหาตำรวจ ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน แต่ถ้ามีตำรวจละก็ มันก็จะทำให้ศัตรูของพวกเขาต้องระวังหน้าระวังหลังและเพิ่มโอกาสในการรอดของพวกเขามากขึ้น
เฉินเป่ยหมิงโทรหาตำรวจทันทีและรายงานตำแหน่งของจุดเกิดเหตุ ปลายสายตกใจมากหลังจากได้ยินเรื่องนั้น หลังจากยืนยันตำแหน่งที่แน่นอนแล้ว ตำรวจก็บอกกับเฉินเป่ยหมิงให้ปกป้องตัวเอง ก่อนที่ตำรวจนายนั้นจะวางสายไป
“เป่ยหมิง ซิงเฉิง พวกเธอสองคนพาปิงปิงหนีไป ฉันจะซื้อเวลาพวกมันเอาไว้ให้นานที่สุดเอง” ผู้เฒ่าหวู่วางแผนที่จะให้ทั้งสามหนีไปให้ได้
หานปิงตะโกนทันที “เราจะไม่ไปโดยที่ไม่มีปู่”
“ไม่ไหวหรอกผู้เฒ่า พวกมันมีปืนนะ” ซิงเฉิงว่าแล้วขมวดคิ้ว สถานการณ์กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ฉันไม่เป็นไรหรอก นายพาหานปิงหนีไปซะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอละก็ เตรียมใจไว้ให้ดีด้วยล่ะ” เฉินเป่ยหมิงรู้ว่าคนคนเดียวไม่อาจเทียบได้กับคนเหล่านั้นเลย พวกเขาอาจไม่รอด แต่ถ้าเขากับผู้เฒ่หวู่ช่วยกัน มันน่าจะซื้อเวลาเพิ่มให้ทั้งสองได้นิดหน่อย
“พวกคุณ…”ซิงเฉิงไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี
เฉินเป่ยหมิงรับไม่ได้ที่ผู้ชายตรงหน้ากลายเป็นคนใจอ่อน นอกจากนี้คนเหล่านั้นเกือบจะมาถึงตัวพวกเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงตะโกนขึ้นอีกครั้ง “ไปซะ พวกเราเป็นคนของตระกูลหาน แต่ว่านายไม่ใช่ นี่ไม่ใช่สมรภูมิของนาย ปกป้องคุณหนูซะ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะตายกันหมด”
ซิงเฉิงกัดฟันแน่น แต่ไม่มีเวลาที่จะซาบซึ้ง ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกนอกจากจับมือของหานปิงแล้วฝืนลากเธอไปทั้ง ๆ อย่างนั้น
หานปิงน้ำตาไหลเพราะเธอรู้ว่าเหตุการณ์มันจะจบลงแบบไหน หญิงสาวได้แต่ร้องไห้ฟูมฟายออกมาพร้อมกับพูดว่า “ฉันไม่เอา ฉันไม่ไป”
ซิงเฉิงฝืนพาเธอเข้าไปหลบในแนวป่า
เฉินเป่ยหมิงและผู้เฒ่ามองหน้ากัน ทั้งคู่เตรียมใจเอาไว้แล้ว ผู้เฒ่าหวู่เป็นผู้อาวุโสที่เห็นหาน เกาผิงเปลี่ยนจากสามัญชนจนกลายมาเป็นเจ้าพ่อในเซี่ยงไฮ้ได้อย่างไร มีไม่กี่คนที่เข้าใจความรู้สึกของเขาหลังจากหลายปีที่ผ่านมา ความตายของหาน เกาผิงส่งผลกับชายชราอย่างมาก แม้ว่าเขาจะดูสงบถ้ามองจากภายนอกก็ตาม ในฐานะที่เป็นชายชราอายุ 60 ปี ประสบการณ์ได้สอนอะไรให้เขามากมาย ดังนั้นหัวใจของเขาจึงสงบเกินกว่าจะหวั่นไหว
สำหรับเฉินเป่ยหมิง หาน เกาผิงเคยเป็นที่ปรึกษาให้กับเขา สำหรับเฉินเป่ยหมิงแล้ว การพบกันในครั้งนั้นได้เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงยังยืนหยัดอยู่ได้เพื่อครอบครัวโดยไม่ลังเลแม้จะรู้ว่าครอบครัวหานจะต้องเผชิญกับอะไรก็ตาม หลังจากการตายของหาน เกาผิง นี่เป็นสิ่งที่เดียวที่เขาสามารถทำได้
หลังจากแยกกับซิงเฉิงและหานปิงเพียงไม่กี่นาที เฉินเป่ยหมิงและผู่เฒ่าหวู่ก็มาถึงบริเวณที่เต็มไปด้วยต้นไม้มากมาย ซึ่งนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พวกศัตรูกำลังบุกเข้ามาพอดี
ปืนของเฉินเป่ยหมิงมีกระสุนเพียงไม่กี่นัด แต่สามารถซื้อเวลาได้แน่นอน ส่วนผู้เฒ่าหวู่นั้นมีแต่มีดเท่านั้น แน่นอนด้วยพละกำลังของเขา ชายชราสามารถรับมือกับคนสองคนได้ พวกเขาพร้อมแล้วที่จะทำการสังหารในคืนนี้
เมื่อชายที่อยู่ใกล้ที่สุดมาถึง เฉินเป่ยหมิงที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้เล็งก็ยิงเข้าที่หัว ชายคนนั้นล้มลงกับพื้นในทันที สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้พวกศัตรูตื่นตระหนกเช่นกัน มันทำให้พวกมันคนอื่น ๆ พยายามอยู่ห่าง ๆ ต้นไม่พวกนี้เพื่อที่ดูสถานการณ์
“หัวหน้า เอาไงต่อดี?” คนลึกลับที่อยู่ถัดจากชายวัยกลางคนถามออกมา
คนที่ดูท่าทางจะเป็นหัวหน้าพูดเสียงต่ำ “ฉันไม่ได้คาดการณ์ว่าพวกเขาจะมีปืน แต่นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ พวกมันมีกันไม่กี่คนถ้าเทียบกับเรา ตีโอบพวกมัน ยังไงคนพวกนั้นก็หนีไม่พ้นแล้วล่ะ”
พวกมันที่เหลือนับสิบคนแยกออกจากกันทันทีภายใต้คำสั่งของผู้นำ คนพวกนี้ค่อย ๆ ตีวงล้อมเข้ามาช้า ๆ ผู้ชายสามคนพร้อมปืนอยู่ในสามทิศทางที่แตกต่างกัน เฉินเป่ยหมิงยิงปืนออกไปอีกสองนัด แต่เขายิงไม่โดน ตอนนี้เหลือเพียงห้านัดจากเจ็ดนัดเท่านั้น
เฉินเป่ยหมิงและผู้เฒ่าหวู่วางแผนที่จะล่าถอยขณะต่อสู้ อย่างไรก็ตามมันยากเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงถูกล้อมเอาไว้จนได้
คนพวกนั้นค่อยล้อมเข้ามาใกล้ทุกที ผู้เฒ่าหวู่ตะโกนบอกเฉินเป่ยหมิงทันที “แยกกัน!! จัดการพวกมันให้หมด!”
เฉินเป่ยหมิงยังคิดว่ามันเป็นแค่การยื้อเวลาตายออกไปเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงรีบพุ่งไปทางซ้าย แต่เฉินเป่ยหมิงก็คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีกระสุนยิงมาที่ไหล่ของเขาทันทีที่บุกออกไป ความรู้สึกเจ็บปวดทำให้เฉินเป่ยหมิงกัดฟัน เลือดค่อย ๆ ไหลออกมาช้า ๆ
ผู้เฒ่าหวู่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและหลบกระสุนได้หลายนัด เมื่อเขาวิ่งไปหาผู้ชายที่ใกล้ที่สุด ชายชราก็ทำการหลบกระสุนที่เข้ามาใกล้ก่อนจะแทงมีดเข้าไปในหัวใจของชายตรงหน้าอย่างแม่นยำ พวกมันคนอื่น ๆ รีบล้อมรอบเขาทันที จนทำให้เฒ่าหวู่ไม่มีโอกาสได้ตั้งตัว
ชายชราต้องสู้กับคนถึงหกเจ็ดคนตลอดเวลา ทำให้เขาไม่สามารถหลบการโจมตีได้ทั้งหมด ในที่สุดเฒ่าหวู่ก็ทรุดลงกับพื้นเนื่องจากบาดแผลจำนวนนับไม่ถ้วนบนร่างของเขา
เฉินเป่ยหมิงเริ่มที่จะขวัญเสียแล้ว ผู้ชายสามคนยิงปืนใส่เขาจากทั้งสามทิศทาง เฉินเป่ยหมิงพยายามที่จะวิ่งหนีจากกระสุนปืน หากแต่ก็ถูกยิงเข้าที่ขาและท้อง ตอนนี้เขาไม่สามารถที่จะขยับหนีไปไหนได้แล้ว
เขาเริ่มที่จะหมดสติและสายตาก็เริ่มพร่ามัวแล้ว เฉินเป่ยหมิงพิงต้นไม้พยายามยืนขึ้น ผู้ชายไม่ควรที่จะศีโรราบแม้ว่าจะวินาทีสุดท้ายของชีวิตก็ตาม นี่คือสิ่งที่เขาเชื่อ
อย่างน้อยขอให้ได้ยืนหยัดก่อนที่จะตาย
หลังจากที่มั่นใจว่าเป้าหมายของพวกเขาไม่มีทางที่จะหนีรอดแล้ว มือปืนทั้งสามก็เดินเข้ามาอย่างช้า ๆ หนึ่งในนั้นยกปืนขึ้นมาเล็งไปที่หัวใจของคนที่ใกล้จะหมดลม
“ลาก่อน” ชายคนนั้นพูดอย่างเย็นชา
เฉินเป่ยหมิงพึมพำ”ประธานหาน หลิวเฉินกำลังจะไปพบท่านแล้ว”
เสียงปืนดังขึ้น ในจังหวะนั้นเฉินเป่ยหมิงก็นึกถึงอะไรหลาย ๆ อย่าง เขาอาจมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จ เขาน่าจะมีชีวิตอย่างรุ่งโรจน์ต่อไปตราบใดที่เขาตกลงที่จะทำงานกับศัตรูของเขา แต่เขาก็ไม่ลังเลที่จะปฏิเสธ นี่คือเฉินเป่ยหมิง มันช่างน่าเสียดายที่เขาต้องมาเสียชีวิตอย่างเดียวดายห่างไกลจากบ้านเกิด
เมื่อเฉินเป่ยหมิงหลับตา ในที่สุดผู้เฒ่าหวู่ก็ทนไม่ได้อีกต่อไป ชายชรากระหน่ำแทงด้วยมีดหลายครั้งและฆ่าศัตรูเพียงไม่กี่คน ก่อนที่ในท้ายที่สุดจะมีมีดพร้าของชายคนหนึ่งแทงเข้าไปในหัวใจของชายชราอย่างแรง เลือดของเฒ่าหวู่ไหลทะลักอย่างบ้าคลั่งในขณะที่เขาจ้องมองพวกอันธพาลด้วยความเกลียดชัง จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ล้มลงไปที่พื้น ชายชราคนนี้ที่หลายคนหวั่นเกรงได้สิ้นลมแล้วในคืนนี้
อันที่จริงแล้วทั้งสองคนนี้สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้ เพียงแค่พวกเขาแค่ต้องถอยไปซะ แต่ในฐานะมนุษย์ พวกเขาไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อเงินอำนาจหรือสถานะเท่านั้น พวกเขาต้องเลือกระหว่างจะใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติ หรือเป็นได้แค่ก้อนเนื้อที่เดินได้คิดเป็นเท่านั้น
การปกป้องตระกูลหานนั้นเป็นสิ่งที่พวกเขายึดถือมาโดยตลอด พวกเขาทุ่มอย่างสุดกำลังและจะไม่มีวันยอมแพ้…