[SC] บทที่ 24 เชือดไก่ให้ลิงดู…
ฉางป๋าจี้และฮาวเหล่ยที่กำลังขับเมอซิเดสเอส 500 อยู่ที่นั่งด้านหน้า ทางฝั่งซิงเฉิงเองก็ขับมาเซอราตี้ที่มีหานปิงนั่งอยู่ที่เบาะหลัง ชายทั้งสามมีบทบาทที่ชัดเจนในเรื่องนี้ ภารกิจเดียวของพวกเขาคือการรับรองความปลอดภัยของหานปิงไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาไม่ต้องการให้เกิดเรื่องขึ้นในเซี่ยงไฮ้ ท้ายที่สุดแล้วเซี่ยงไฮ้ก็ไม่ใช่เทียนฉุย
สำนักงานองค์กรหานตั้งอยู่ที่อาคารซงหยินในลู่เจียซุ๋ย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทอมสันกอล์ฟวิลล่านัก สำหรับฮาวเหล่ยผู้ที่อยู่ในเซี่ยงไฮ้เป็นครั้งแรก ถนนที่พลุกพล่านของผู่ตงเป็นภาพที่มีชีวิตชีวาและน่าตื่นเต้น เขาไม่สามารถละสายตาจากตึกระฟ้าพวกนั้นได้เลย สำหรับฉางป๋าจี้นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาไปเที่ยวที่เซี่ยงไฮ้ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษกับทิวทัศน์ของเมือง ในทางตรงกันข้าม เขากลับเฝ้าสังเกตรถที่อยู่รอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่พลาดอันตรายใด ๆ เขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำงานที่ดีตั้งแต่เขามาถึงเซี่ยงไฮ้
มันเป็นเหมือนที่ฮาวเหล่ยได้กล่าวไว้ก่อนหน้า ฉางป๋าจี้เป็นคนที่มุ่งนั่น เขาจะใส่ใจหน้าที่ของเขาเป็นอย่างมาก ฮาวเหล่ยไม่เข้าใจว่าทำไมชายคนนี้ถึงเป็นคนที่มุ่งมั่นได้ขนาดนี้ ยิ่งกว่านั้นเขาถึงกลับปฏิเสธข้อเสนอของหัวหน้าของเขา
ทำไมล่ะ?
มันอาจเป็นเพราะเหตุผลที่อาจารย์ฉินเคยทำนายไว้ก่อนหน้า ชายผู้นี้จะต้องมีชีวิตที่ยากลำบากในช่วงครึ่งแรกของชีวิต ถ้าเขาไม่ได้ปกปิดความสามารถของเขาและยอมรับความมันอย่างถ่อมตน เขาอาจจะนำความลำบากมาให้กับพ่อแม่และภรรยาแล้วก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามหากเขาพยายามไปกว่าเขาจะอายุครบ 40 ปี ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็จะได้รับพรจากลูกหลานมากมาย
บางทีอาจมีคนไม่มากนักที่เชื่อเรื่องการทำนายดวงชะตา แต่ฉางป๋าจี้กลับสนใจอย่างมาก เช่นเดียวกับที่หลายคนไม่เชื่อว่ามีคนเหมือนอาจารย์ของเขาที่ยังคงอยู่ ฉางป๋าจี้เห็นด้วยตาตั้งแต่ยังเด็กดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเชื่อ
ในช่วงครึ่งแรกของชีวิตของเขา ฉางป๋าจี้มีชีวิตที่ยากลำบาก ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้เมื่อเขาเพิ่งผ่านวันเกิดครบรอบสี่สิบปีของเขา อาจารย์ของเขาได้สั่งให้เขาออกจากซีอานมาที่เซี่ยงไฮ้ เขาเห็นว่านี่เป็นสัญญาณและนี่ก็เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เขาเห็นด้วยและมาถึงเซี่ยงไฮ้
ในรถมาเซอราตี้ซิงเฉิงจะเห็นว่าหานปิงรู้สึกกระวนกระวายใจจากความวิตกกังวล “การประชุมผู้อำนวยการเธออาจจะรอให้พวกกรรมการแสดงความคิดเห็นของพวกเขาก่อน จากนั้นเมื่อพวกเขาทำเสร็จเพียงแค่พูดการตัดสินใจของคุณ ฉันจะจัดการกับส่วนที่เหลือเอง” ซิงเฉิงแนะนำ
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้หานปิงสามารถทำตามสิ่งที่ซิงเฉิงแนะนำเท่านั้น เธอพยักหน้าเบา ๆ แล้วพูดว่า “ฉันรู้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนั้น”
บริษัทของหาน เกาผิงได้รับการตั้งชื่อตามชื่อของเขาเอง มันถูกเรียกว่ากลุ่มธุรกิจเกาผิง กรรมการทั้งหมดของกลุ่มมาถึงห้องประชุมนานแล้ว กลุ่มธุรกิจเกาผิงตั้งอยู่ที่ชั้น 33 ของ อาคารซงหยิน กรรมการประกอบด้วยผู้เฒ่าผู้แก่และคนสนิทที่เข้ามาในสังคมและทำงานหนักควบคู่ไปกับฮันกุ้ยหลินรวมถึงผู้บริหารระดับสูง
ในขณะนี้กลุ่มหลักสามกลุ่มที่นำโดยเจิ้งปิง หลิวเหอจุนและจ้าวตงเฉินตามลำดับอยู่ในระหว่างการโต้เถียงที่รุนแรง แม้ว่าพวกเขาทุกคนกำลังรอให้หานปิงมาถึง แต่พวกเขาก็มองหานปิงด้วยความดูถูก
เมื่อประตูห้องประชุมถูกเปิดออก หานปิงก็เข้ามาพร้อมกับซิงเฉิงและอีกสองคน ทั้งห้องประชุมพลันเงียบลง ในขณะที่ฮาวเหล่ยและฉางป๋าจี้ยืนอยู่ข้างประตูคอยปกป้อง หานปิง เธอเลือกที่จะนั่งลงที่ที่นั่งปกติของหาน เกาผิงและให้ซิงเฉิงยืนอยู่ข้างหลังเธอ ชายหนุ่มกวาดสายตาสแกนไปทั่วห้องที่เต็มไปด้วยผู้คน เขากำลังคำนวณท่าทีของแต่ละคนโดยเฉพาะหลิวเหอจุนและจ้าวตงเฉิน
ในทางกลับกัน พวกคนอื่น ๆ ในห้องเองมองไปทางซิงเฉิงและคนของเขา
เมื่อกรรมการเสนอชื่อเจิ้งปิงเพื่ออำนวยความสะดวกในการประชุม หานปิงก็พยักหน้าไปที่เจิ้งปิง ในที่สุดก็เริ่มการประชุม
เสียงของการสนทนาเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย คนส่วนใหญ่ในนี้ไม่มั่นใจในความสามารถของหานปิง พวกเขาคิดว่าหญิงสาวไม่สามารถแบกรับแรงกดดันแบบที่พ่อของเธอเคยทำ
“ทุกคนเงียบก่อน! ในเมื่อหานปิงมาแล้ว ถ้างั้นเรามาแสดงความคิดเห็นกันเลยดีกว่าทิศทางในอนาคตของบริษัทควรจะเป็นยังไงกันต่อไป ฉันเชื่อว่าเราทุกคนรู้ดีว่าบริษัทจะต้องได้รับการแก้ไข ไม่งั้นในอนาคตจะต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่ ” เจิ้งปิงยืนขึ้นและพูดกับทุกคนในห้อง
“หานปิงในที่สุดคุณกลับมา พวกเรากำลังกลุ้มใจเลยว่าจะเป็นยังไงถ้าคุณไม่กลับมา สถานที่ของเราหลายแห่งถูกตำรวจปิดเพื่อสอบสวน ตอนนี้คนของเรากำลังเจอปัญหามากมาย คุณต้องคิดถึงวิธีแก้ปัญหานี้ก่อน” หลิวเหอจุนเป็นคนแรกที่พูดออกมา
หานปิงยังคงนิ่งเงียบ…
“ธนาคารใหญ่หลายแห่งตัดสินใจถอนเงินกู้ พวกเขาจะฟ้องเราที่ศาลถ้าฉันไม่ระงับโครงการท่องเที่ยวที่เกาะฉงหมิงรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ในซูโจวไว้ละก็พวกเราคงแย่แล้ว เพราะงั้นเราต้องการเงินทุนอย่างเร่งด่วน” จ้าวตงเฉินเริ่มพูดอย่างรอบคอบ
หานปิงยังคงนิ่งเงียบ…
“มีบัญชีของบริษัทเหลืออยู่เพียงไม่กี่ล้านดอลลาร์ พวกเรากำลังขาดแคลนเงินทุน เราไม่มีเงินเพียงพอที่จะจ่ายให้พนักงานของเราด้วยซ้ำ เจ้าหนี้กำลังติดตามฉันทุกวันว่าฉันกำลังจะบ้า” เจิ้งปิงไม่เว้นช่องว่าง เขายังคงพล่ามออกมาอย่างต่อเนื่อง
หลังจากผู้นำของกลุ่มหลักที่มีอำนาจทั้งสามพูดจบแล้ว คนอื่น ๆ เองก็เริ่มหารือซึ่งกันและกันเกี่ยวกับปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้น ห้องประชุมทั้งห้องมีเสียงดังมาก ดูเหมือนว่าทุกคนพยายามบังคับเอาคำตอบจากเธอ หานปิงพยายามอย่างหนักที่จะปกปิดจุดอ่อนของตนไว้ เธอกัดริมฝีปากของเธอเอาไว้แน่น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอจะต้องไม่ร้องไห้!
“พูดอะไรบางอย่างสิหานปิง คุณเป็นตัวแทนของนายท่านหานนะ” เจิ้งปิงกล่าวออกมาเสียงดัง
หานปิงหัวเราะ ก่อนจะพูดออกมาว่า “พวกคุณทุกคนพูดกันเยอะมาก แต่ฉันไม่รู้เรื่องที่คุณพูด ฉันจะทำยังไงดี?”
เจิ้งปิง จ้าวตงเฉิน และ หลิวเหอจุน หันมาหากันด้วยท่าทางที่พูดไม่ออก หากพวกเขากดดันเธอต่อไป มันจะดูเหมือนว่าพวกเขากำลังข่มขู่หานปิง
“ที่จริงแล้วมันค่อนข้างง่ายหานปิง เราขาดเงินทุน แต่เรายังพอมีความสัมพันธ์กับผู้คนอยู่บ้าง มีเพียงไม่กี่วิธีแก้ไขปัญหานี้ ประการแรกเอาใจธนาคารเพื่อที่พวกเขาจะไม่มีปัญหากับเรา เราต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วมิฉะนั้นเราจะต้องล้มละลาย ประการที่สองเรามองหากลุ่มมั่นคงที่จะลงทุนในหุ้นของเรา ประการที่สามขายโครงการที่ทำกำไรของเราเพื่อสะสมเงิน ในขณะเดียวกันเราต้องลดขนาดการลงทุนของเรา ประการที่สี่ติดต่อธนาคารเพิ่มเติมและเชื่อใจกองทุนเพื่อให้ได้เงินมากขึ้น” เจ้าตองเฉินพูดตรง ๆ โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของหานปิงในขณะที่เจิ้งปิงยังคงนิ่งเงียบ
หานปิงถอนหายใจและพูดว่า “ลุงเจ้า ฉันเข้าใจสิ่งที่คุณกำลังพูด แต่ฉันไม่มีความสามารถในการทำตามคำแนะนำเหล่านี้ทั้งหมด”
“หมายความว่ายังไงหานปิง คุณต้องคิดถึงวิธีแก้ปัญหา คุณจะยอมให้สิ่งที่ท่านประธานหานสะสมมาทั้งชีวิตต้องหายไปงั้นเหรอ?” หลิวเหอจุนยืนขึ้นแล้วพูด ใบหน้าของเขาชาสนิทเมื่อเขาได้ยินคำตอบของหานปิง
เจิ้งไม่สามารถทนต่อการบังคับหานปิงได้อีก “งั้นแผนของเธอคืออะไรหานปิง?” เขาถามอย่างช่วยไม่ได้
หานปิงยืนขึ้น หันไปมองชิงเฉิง เมื่อเขายิ้มและพยักหน้า หญิงสาวจึงดึงความกล้าหาญทั้งหมดออกมาแล้วพูดว่า “เนื่องจากบริษัทอยู่ในสภาวะแบบนี้แล้ว มันไม่มีอะไรที่ฉันจะทำได้ เพราะงั้นขอประกาศล้มละลายและปรับโครงสร้างใหม่ทั้งหมด นั่นจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจบเรื่องนี้”
“อะไรนะ ประกาศล้มละลายแล้วรื้อโครงสร้าง?”
ข่าวนี้สร้างความตกใจให้กับทุกคนในห้อง เพราะนั่นหมายความว่าหานปิงจะเป็นตัวแทนตระกูลหานในการถอนตัวออกจากบริษัท เมื่อครอบครัวหานถอนตัวออก สิทธิพิเศษของการตัดสินใจจะถูกมอบให้กับเจ้าหนี้โดยสิ้นเชิง จากนั้นกรรมการพวกนี้จะหมดอำนาจลง และในที่สุดกลุ่มเกาผิงจะถูกปรับโครงสร้างและอาจถูกถอนออกอย่างสมบูรณ์ในเซี่ยงไฮ้
“นี่คือมรดกที่ท่านประธานหามาด้วยความยากลำบาก ทำไมคุณถึงคิดจะทำแบบนั้น?”
“แล้วพวกเราจะทำยังไงในระหว่างการปรับโครงสร้าง?”
“ฉันเตรียมแผนการเอาไว้แล้ว”
นี่เป็นเหมือนการพลิกห้องประชุมทั้งหมด ทุกคนพยายามแสดงความคิดเห็น ซึ่งความคิดเห็นโดยรวมของพวกเขาก็คือการต่อต้านแนวคิดของหานปิง
ห้องประชุมถูกตกแต่งด้วยหน้าต่างแบบเต็มบานซึ่งแบ่งผู้คนออกจากย่านธุรกิจที่คึกคักของผู่ตง ในขณะที่แสงอาทิตย์ส่องผ่านเข้าไปในห้องประชุม มันก็ทำให้ผู้คนที่มองเข้ามาพบเห็นเข้ากับความแตกต่างระหว่างความสว่างของดวงอาทิตย์และความมืดมิดของหัวใจของผู้คนในห้องนั้นได้อย่างชัดเจน
หานปิงทำภารกิจของเธอสำเร็จแล้ว และมันเป็นตาของซิงเฉิงแล้วที่จะจัดการกับคนอื่น เขายืนขึ้นอย่างช้า ๆ ข้างหานปิงและตะโกนว่า “เงียบ!”
เสียงของชายหนุ่มดังมากจนทุกคนตะลึงงัน แต่ละคนหันมามองหน้าซิงเฉิง
ใครบางคนตะโกนสวนกลับมา “คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? ทำไมถึงคิดว่าพวกเราควรจะต้องฟังคุณ?”
ซิงเฉิงพูดอย่างดูถูก “ผมไม่คิดว่าผมเป็นใคร แต่อย่างน้อยผมก็ยังดีกว่าพวกคุณ อย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าพวกคุณกำลังคิดอะไรอยู่ พวกคุณทุกคนได้ติดตามประธานหานมาหลายปี คุณเองก็มีความสุขกับชีวิตที่ดีอยู่กับเขา อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดปัญหาขึ้น มันกลับไม่มีใครในพวกคุณยืนเคียงบ่าเคียงไหล่และช่วยรับผิดชอบมันเลย มีบางคนในหมู่พวกคุณที่ทรยศบริษัท ผมแน่ใจว่าพวกคุณทุกคนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเทียนฉุยทั้งผู้เฒ่าหวู่และเฉินเป่ยหมิงที่ได้เสียสละชีวิตเพื่อปกป้องหานปิง กรุณาจำสิ่งนี้เองไว้ให้ดี”
คำพูดของซิงเฉิงทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องตะลึงกันหมด
“พวกคุณทุกคนวางแผนสำหรับสิ่งที่พวกคุณจะได้รับเมื่อหานปิงตาย โดยการแบ่งสมบัติของท่านประธานหานออกมา พวกคุณผิดหวังเหรอที่หานปิงไม่ตาย? เรื่องใหญ่เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างคืออะไร? ผมแน่ใจว่าคุณทุกคนได้วางแผนสำหรับเรื่องพวกนี้ไว้แล้ว นอกจากนี้สิ่งที่คุณได้รับในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็เพียงพอที่จะทำให้คุณอยู่สบายไปทั้งชีวิต ผมแค่ไม่แน่ใจว่าคุณจะมีชีวิตที่ยาวนานเพื่อใช้ความมั่งคั่งที่มี ผมคิดว่าพวกคุณบางคนได้สมรู้ร่วมคิดกับท่านหวู่ที่สามหรือโจวเหวินหวูถ้าพวกคุณกล้าพอ ถ้างั้นพวกเราก็จะมาดูกันว่าพวกคุณจะแตะต้องหานปิงได้ยังไง”
“กล้ามากนะ ถ้าพูดถึงขนาดนี้แล้วทำไมถึงไม่ไปเผชิญหน้ากับหวู่ที่ 3 ตรง ๆ ล่ะ?” ชายหนุ่มคนหนึ่งตะโกนสวนกลับมา
“ผมจะนัดพบกับท่านหวู่ที่ 3 และโจวเหว่นหวู่ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับพวกเขา ผมได้แสดงเจตนาที่ชัดเจนสำหรับการประกาศล้มละลายและการปรับโครงสร้าง คุณสามารถทำสิ่งที่คุณเห็นว่าเหมาะสม อย่างไรก็ตามถ้าใครกล้าแตะต้องหานปิงล่ะก็ระวังตัวเอาไว้ เว้นแต่คุณจะมีซักเก้าชีวิต!”
“กล้าขู่พวกเราอย่างนั้นเหรอ? รู้ไหมว่าจะต้องเจอกับอะไร?”จ้าวตงเฉินที่สงบสติอารมณ์อยู่ตลอดเวลาในที่สุดก็พูดออกมาจนได้
ซิงเฉิงเดินไปหาจ้าวตงเฉินแล้วพูดว่า “ไม่กล้าหรอกครับ กลับกันต่างหาก ผมท้าให้พวกคุณเข้ามาเลยต่างหากล่ะ จะได้เชือดไก่ให้ลิงดูไปเลยเป็นยังไง”
ทุกคนต่างตะลึงกันไปหมด เขากล้าพูดแบบนั้นกับเจ้าตองเฉิน? นี่เขาอยากตายขนาดนั้นเชียวเหรอ?