บทที่ 25 เดินบนเส้นด้าย…
จ้าวตงเฉินคนนี้คือใคร? เขาต้องมีฝีมือและความน่าเกรงขามมากขนาดไหนถึงสามารถยืนหยัดในตำแหน่งสูง ๆ ของบริษัทได้ คนคนนี้ยังสามารถปราบปรามผู้อาวุโสภายใต้การนำของหลิวเหอจุน และแม้แต่ตัวหลิวเหอจุนก็เกรงกลัวเขา
ชายหนุ่มคนนี้ก็เป็นคนโง่ที่กล้าพูดกับจ้าวตงเฉิงในลักษณะนี้ แน่นอนว่าการกระทำของซิงเฉิงในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการประกาศสงคราม ไม่ใช่เพียงแค่คุกคามเขาเท่านั้น
หลิวเหอจินและเจิ้งปิงต่างก็ไม่กล้าหายใจ เนื่องจากจ้าวตงเฉินยินดีที่จะยืนหยัดในเรื่องนี้ ดังนั้นพวกเขาจะปล่อยไป ขณะที่พวกเขาจ้องมองที่ซิงเฉิง ความคิดของพวกเขาก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นในเทียนฉุย พวกเขารู้แน่นอนว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาไม่แน่ใจว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามเพื่อประโยชน์ของพวกเขา ผู้เฒ่าหวู่และเฉินเป่ยหมิงจะต้องถูกกำจัด
สำหรับชายหนุ่มอย่างซิงเฉิง พวกเขาอยู่ในขั้นตอนการหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชายคนนี้ มีข้อมูลไม่มากที่พวกเขาหาเจอ พวกเขารู้เพียงว่าชายหนุ่มคนนี้ปรากฏตัวเพียงไม่กี่วันก่อนที่หาน เกาผิงจะตาย จู่ ๆ ชายคนนี้ก็คอยมาตามประกบหานปิงตลอดเวลา คอยปกป้องเธอนับตั้งแต่วันนั้น เจ้าหนุ่มคนนี้ตามเธอไปที่เทียนชุยและกลับมาอย่างปลอดภัย หากไม่ใช่เพราะเขา บางทีหานปิงอาจเสียชีวิตในเทียนชุยไปแล้ว
ชายคนนี้เป็นใครกันแน่?
นี่เขากำลังคิดจะฆ่าตัวตายด้วยการพยายามต่อต้านจ้าวตงเฉินงั้นเหรอ?
ไม่ใช่เลย มันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับซิงเฉิงที่จะทำเช่นนั้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ การเล่นเกมสมรู้ร่วมคิดครั้งนี้เขาต้องลงแรงอย่างหนักไม่เช่นนั้นฝ่ายตรงข้ามของเขาจะยิ่งโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเดิม
“แกน่ะกลัวตายไหม?” จ้าวตงเฉินในชุดสูทดูคล้ายสุภาพบุรุษชาวเซี่ยงไฮ้ผู้สง่างามกล่าวขณะจุดบุหรี่และเป่าควันเข้าใส่ใบหน้าของซิงเฉิง
ซิงเฉิงไม่ได้โกรธอะไรเลย เขาหัวเราะและพูดว่า “แล้วคุณล่ะ?”
ใครจะเป็นผู้ชนะในสงครามครั้งนี้?
“ไอ้หนุ่ม อย่าลืมว่าที่นี่คือเซี่ยงไฮ้ ฉันขอให้แกโชคดีล่ะกันหลังจากที่พูดคำเหล่านี้ออกมา” จ้าวตงเฉิงพูดผ่านไรฟัน เขาตระหนักถึงภูมิหลังของซิงเฉิงและความสามารถของชายหนุ่มคนนี้ดี เขายังมีโอกาสมากพอที่จะเล่นงานเขา แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา
เขาผลักซิงเฉิงออกไป ก่อนจะยืนขึ้นอย่างช้า ๆ พร้อมพูดว่า “เนื่องจากหานปิงเลือกที่จะประกาศล้มละลายและการปรับโครงสร้างดังนั้นเราคงจะต้องแยกทางกันล่ะนะ”
จ่าวตงเฉิงพูดเสร็จก็จากไป คนที่เหลือไม่กล้าพูดอะไรตั้งแต่จ้าวตงเฉินแสดงเจตนาว่าเขาเห็นด้วยกับการตัดสินใจของหานปิง แม้ว่าแผนการจะไม่ค่อยเป็นไปอย่างที่คิดเท่าไหร่ แต่หานปิงก็ยังคงควบคุมสถานการณ์โดยรวมได้ ถ้าหญิงสาวบอกว่าจะประกาศล้มละลายและปรับโครงสร้างมันจะต้องเป็นเช่นนั้น
การประชุมออกไปเลื่อนออกไปท่ามกลางความไม่พอใจของผู้คนมากมาย เจิ้งปิงยังคงพูดคุยกับเรื่องอื่น ๆ ของหานปิง เช่นการลงนามในเอกสารเพื่อเข้าซื้อหุ้นของหาน เกาผิง และเรื่องที่หลังจากนี้หานปิงต้องติดต่อเจ้าหนี้และจัดการเรื่องอื่น ๆ
ซิงเฉิงออกมาพร้อมกับฮาวเหล่ยและฉางป๋าจี้จากสำนักงาน ชายหนุ่มกำลังมุ่งหน้าไปที่เกาจินเซนเตอร์ในบริเวณใกล้เคียง ตอนนี้เขาต้องการความช่วยเหลือจากเจียเซียนเป่าจริง ๆ
ซิงเฉิงกำลังประสบปัญหาอย่างหนัก เขาไม่มีทางที่จะได้รับสิ่งนั้นโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเจียเซียนเป่า เมื่อซิงเฉิงเข้ามาในห้องทำงานของเลขานุการเจียเซียนเป่า จิ้งจอกเฒ่าก็มองเขาอย่างรุนแรงและถามว่า “ได้คนมาช่วยเหลือแล้วหรือยัง?”
ซิงเฉิงกล่าวด้วยสีหน้าที่ร่าเริง “ผมมาดื่มชาผู่เอ๋อกับคุณเฉย ๆ อย่าทำท่าเหมือนกับว่าผมติดหนี้คุณอยู่หลายล้านเหรียญสิ”
“ถ้าเพียงเพราะฉันมีเงินไม่กี่ล้านเหรียญ ฉันก็คงเต็มใจที่จะให้ยืมเงินอยู่หรอก แล้วนายต้องการจะทำอะไรกันแน่?” ในขณะที่เจียเซียนเป่ารอให้เลขานุการเตรียมชา ชายร่างอ้วนยังคงคิดว่าปัญหาทั้งหมดที่สามารถตัดสินได้ด้วยเงินไม่ใช่ปัญหาเลย สิ่งที่ลำบากที่สุดคือปัญหาที่คุณไม่สามารถชำระด้วยเงินได้ตังหาก
ซิงเฉิงนั่งข้าง ๆ เจียเซียเป่าเอาซิการ์ของเขาจุดดูดและพูดด้วยรอยยิ้ม “ผู้ช่วยของผมมาถึงแล้ว วันนี้หานปิงตัดสินใจที่จะประกาศการล้มละลายและการปรับโครงสร้างของบริษัทต่อคณะกรรมการในการประชุมคณะกรรมการ ผมแน่ใจว่าลุงรู้ว่าพวกเขาจะตอบสนองอย่างไร”
“ไม่ว่าบริษัทจะประกาศล้มละลายและปรับโครงสร้างหรือไม่ พวกเขาก็ได้รับสิ่งที่ต้องการมาแล้วไม่มากก็น้อย ในระดับของพวกเขา ฉันแน่ใจว่าพวกเขามีวิธีอื่นในการติดตาม หลังจากนั้นหาน เกาผิงก็ได้ส่งมอบธุรกิจที่ทำกำไรให้พวกเขาแล้ว” เจียเซียนเป่ากล่าวว่า เขาเห็นผู้คนจำนวนมากที่เป็นเหมือนกับพวกเขาและไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่มากมาย
ซิงเฉิงหัวเราะประชดประชันอย่างไม่เต็มใจและกล่าวว่า “แน่นอนสิ! ลุงหานได้วางทุกอย่างไว้กับพวกเขาแล้ว ตอนนี้พวกเขาต้องการแบ่งสมบัติของตระกูลหาน ช่างโลภมากซะจริงๆ!”
“หลังจากหาน เกาผิงเสียชีวิต ทุกคนต่างก็มีเป้าหมายของตัวเอง ใครจะเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น? ฉันจะทำแบบเดียวกันถ้าฉันเป็นหนึ่งในนั้น นี่เป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่มีความทะเยอทะยานที่จะก้าวต่อไปและไต่ระดับที่สูงขึ้น” เจียเซียเป่าพูดอย่างจริงจัง
ซิงเฉิงไม่สามารถปฏิเสธเรื่องนั้นได้ อย่างไรก็ตามพวกเขารังแกผู้หญิงที่ทำอะไรไม่ได้ลงได้อย่างไร นี่คือสิ่งที่ซิงเฉิงไม่สามารถทนรับมันได้
“รู้จักท่านหวู่ที่ 3 ใช่ไหมลุงเจีย?” ซิงเฉิงถามด้วยความสนใจเนื่องจากความคิดที่มีความเสี่ยงเกิดขึ้นในใจของเขา
เมื่อเจียเซียเป่าได้ยินชื่อนั่นเขาก็ตกตะลึง จากนั้นจ้องเขม็งไปที่ซิงเฉิงละพูดว่า “นายคิดจะทำอะไรซิงเฉิง? ฉันเตือนนายไม่ให้หุนหันพลันแล่น นายรู้หรือไม่ว่าท่านหวู่ที่ 3 คือใคร? มีนับหมื่นวิธีที่เขาสามารถฆ่าคุณ! นั่นแหละเหตุผล”
“ลุงเจีย ผมไม่มีความตั้งใจอื่น ฉันรู้ว่าความสามารถของตัวเอง ผมสามารถจัดการกับคนอื่นได้ แต่ไม่ใช่ท่านหวู่ที่สาม มิฉะนั้นมันจะเป็นการขุดหลุมฝังศพของตัวเอง ผมแค่อยากให้คุณส่งข้อความถึงเขาในนามของผม เพื่อเขาจะได้ส่วนธุรกิจของตระกูลหานโดยยอมที่จะไม่แตะต้องหานปิง ตั้งแต่หาน เกาผิงตายไปแล้ว หานปิงก็ตัดตัวเธอเองออกจากธุรกิจของพ่อเธอ ผมเดาว่าเขาเองก็คงไม่อยากลงมือกับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ใช่ไหม?” ซิงเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
เจียเซียนเป่ารู้สึกโล่งใจ อย่างไรก็ตามสำหรับเขาที่จะส่งข้อความถึงท่านหวู่ที่สามหวู่ นั่นก็อาจจะทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิดเอาได้ หลังจากพิจารณาดูแล้วเจียเซียนเป่าก็บอกซิงเฉิงว่า “เพื่อปกป้องนายจากอันตรายอีกครั้ง ฉันจะเอาแจกันลายครามชั้นเยี่ยมที่มีลวดลายดอกโบตั๋นให้ท่านหวู่ที่สาม รู้ไหมว่าแจกันนั้นมีค่าขนาดไหน? แน่นอนฉันสามารถส่งข้อความให้นายได้ ฉันจะถือว่าเป็นการตอบแทนความเมตตาของคุณปู่ของนายละกัน แต่ฉันก็มีเรื่องที่อยากจะบอกให้นายรู้ไว้”
“เรื่องอะไร?” ซิงเฉิงถามอย่างงงงวย ในเวลาเดียวกันเขาก็ประหลาดใจที่รู้ว่าเจียเซียนเป่าบังมีแจกันของนักสะสม แน่นอนเขาเองก็รู้จักของสะสมวัตถุโบราณ มันคงเป็นการสิ้นเปลืองที่จะให้แจกันอันนั้นไป
“นายต้องอ้างว่าหานปิงเป็นแฟนของนาย มันจะเป็นการง่ายที่จะบอกเขาว่าเธอเป็นลูกสะใภ้ในอนาคตของฉัน” เจียเซียนเป่าพูดอย่างใช้ความคิด
ซิงเฉิงไม่คิดว่านั่นเป็นเรื่องใหญ่ มันเป็นการโกหกที่จำเป็น ดังนั้นเขาจึงเห็นด้วยโดยไม่ลังเล “แน่นอน เอาตามที่ลุงสะดวกเลย”
เจียเซียนเป่าปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเมื่อเขาสามารถใช้ประโยชน์จากซิงเฉิงได้ ก่อนที่ซิงเฉิงจะเหลียวมองเขา
“มันยังง่ายที่จะถามความประณีประนอมจากท่านหวู่ที่สาม ท้ายที่สุดแล้วหาน เกาผิงก็ตายไปแล้ว ดังนั้นเขาเองก็คงไม่อยากจะทำให้เรื่องบานปลายไปมากกว่านี้ ในทางกลับกัน มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะซื้อใจโจวเหวินหวู่ เขาเป็นศัตรูของหาน เกาผิง เขาจะไม่ปล่อยเธอไปแน่” ท่าทีของเจียเซียนเป่าฟังดูกังวล
ซิงเฉิงถามด้วยความกังวล “ลุงเจีย โจวเหวินหวูยังอยู่ที่เซี่ยงไฮ้เหรอ?”
“พูดตามตรง โจวเหวินหวู่ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่นี่ ถึงคนคนนี้จะเป็นคู่กรณีของหาน เกาผิง แต่เขาก็ไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับท่านหวู่ที่สาม คนที่มีอำนาจอย่างแท้จริงในเซี่ยงไฮ้มักจะเป็นคนสำคัญ เหตุผลที่หาน เกาผิงได้รับประวัติที่สูงขึ้นเพราะเขามีส่วนร่วมในการขนส่งในมณฑลเจียงซู มันช่างเลวร้ายเกินไปที่เรือของเขาจมลงและเขากลายเป็นคนที่ต้องเสียสละ สำหรับเหตุการณ์เดียวกันเขาได้ทำผิดต่อท่านหวู่ที่สามและนั่นคือสาเหตุ” เจียเซียนเป่ามีความเชี่ยวชาญในด้านความสัมพันธ์ของมนุษย์ เขาไม่ใช่คนธรรมดา เพราะแม้แต่ท่านหวู่ที่สามก็ให้ความเคารพเขา
ใบหน้าของซิงเฉิงเปล่งประกายขึ้นทันทีในขณะที่เขาอุทาน “ถ้างั้นเก็บเขาเลยไหมล่ะ?”
“นี่แกบ้าแล้วรึไง ซิงเฉิง?”เจียเซียนเป่าก็หน้าเจื่อนในทันที “นี่คือเซี่ยงไฮ้ อย่าได้ประมาทเชียว โจวเหวินหวูมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่”
“ผมแน่ใจว่าเขาสร้างศัตรูมากมาย ถ้าผมระวังตัวมากพอจะไม่มีใครรู้ว่าเป็นผม ผมไม่ได้พยายามเล่นกับพวกเขาโดยใช้แผนการร้าย ผมแค่ถามถึงความเสี่ยง” ซิงเฉิงพูดอย่างมีเหตุผล
เจียเซียนเป่าขยี้ตาในขณะที่เขากำลังครุ่นคิด สิ่งที่ซิงเฉิงพูดนั้นก็มีส่วนจริงอยู่บ้าง เพื่อปกป้องหานปิน ชายหนุ่มจำเป็นที่จะต้องต่อต้านโจวเหวินหวู่ ยังไงเสียโจวเหวินหวู่ก็ไม่ได้เป็นใหญ่โตอย่างท่านหวู่ที่สาม
“มั่นใจมากแค่ไหน?” เจียเซียนเป่าถามอย่างกัดฟันทน
ซิงเฉิงไตร่ตรองแล้วก็ตอบไป “ผมเรียกเพื่อนเก่ามาที่นี่จากเทือกเขาซงหนาน เขาเป็นคนที่มีความสามารถสูงส่ง หากเขาทำงานร่วมกับผมในเวลาที่เหมาะสม เราจะประสบความสำเร็จในการโจมตีครั้งเดียว”
เทือกเขาซงหนาน?
เจียเซียงเป่ารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่รู้ว่าเพื่อนสองคนนี้ที่ซิงเฉิงขอความช่วยเหลือมาจากซีอาน สิ่งนี่ฟังดูน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
“เอาล่ะ ลองดูถ้านี่คือสิ่งที่นายต้องการ แต่ระวังให้ดี ถ้ามันไม่ได้ผลก็จงอย่าฝืน เราสามารถมองหาวิธีอื่นได้เสมอ” เจียเซียนเป่าตอบกลับหลังจากชั่งน้ำหนักความเป็นไปได้
ซิงเฉิงรู้สึกประหลาดใจที่เจียเซียนเป่ายอมตกลงได้อย่างง่ายดาย
“รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงได้ยอมตกลงง่าย ๆ?” เจียเซียนเป่าสังเกตได้ถึงความสงสัยบนหน้าของซิงเฉิง
ซิงเฉิงขมวดคิ้วแล้วถามออกไป “ทำไมล่ะ?”
“เป็นเพราะฉันได้ยินข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเทียนฉุย ดูเหมือนว่าโจวเหวินหวู่เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง และผู้สมรู้ร่วมคิดของเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้ช่วยของหาน เกาผิง อย่างจ้าวตงเฉิง พวกเขาได้ติดต่อกันเมื่อเร็ว ๆ นี้” เจียเซียนเป่าอธิบาย
“เป็นเขาจริง ๆ เสียด้วย”ซิงเฉิงกัดฟันของเขาเมื่อหวนคิดถึงการเสียสละของผู้เฒ่าหวู่และเฉินเป่ยหมิงและเหตุการณ์ทั้งหมดในคืนนั้น