บทที่ 27 ให้โอกาสอีกครั้ง…
ภูเขาผู่เต๋าตั้งอยู่ในหมู่เกาะของภูเขาโจว ภูเขาผู่เต๋าพร้อมด้วยภูเขาหวู่ไต๋ ภูเขาอี่เหมย และภูเขจูหั๋ว ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงทั้งสี่ที่ซึ่งผู้คนมารวมกันเพื่อฝึกปฏิบัติตามปรัชญาของอวาโลเคตวรา(Avalokiteśvara) ซึ่งภูเขาผู่เต๋าถูกกล่าวถึงในฐานะภูเขาที่มีชื่อเสียง
เชิงเขาผู่เต๋าจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออกที่ซึ่งแผ่นดินติดกับทะเล สถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่ผู้คนนิยมมาดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน มีบ้านไม่ใหญ่ไม่เล็กสร้างโดยใช้อิฐเขียวและล้อมรอบด้วยสวนที่เต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้ ภายในบ้านมีศาลาพระพุทธรูป และชายชราสวมเสื้อคลุมของนิกายพุทธ เขาดูจะมีอายุมากกว่า 60 ปีและกำลังนั่งสมาธิอยู่
มีชายสองคนยืนอยู่ด้านนอกศาลาพระพุทธ หนึ่งในนั้นคือหยางเติงซึ่งเคยต่อสู้กับซิงเฉิง เขาเพิ่งฟื้นตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้แม้ว่าจะยังดูอ่อนแออยู่บ้างก็ตาม ข้าง ๆ กันคือชายวัยกลางคนที่มีสีหน้าร่าเริง เขากำลังเล่นกับลูกประคำ
ไม่มีทางที่จะมีคนแปลกหน้าเข้ามาได้ ภายใต้ทางเข้าออกเดียวที่มี แถมเมื่อมีคนสองคนเฝ้าประตูอยู่ นี่ก็ถือเป็นการันตีที่ดีเลยว่าจะไม่มีผู้บุกรุกจะเข้ามาได้อย่างแน่นอน นอกเหนือจากคนรับใช้แล้ว สถานที่แห่งนี้ถูกครอบครองโดยชายชราและผู้พิทักษ์อีกสองคนเท่านั้น อย่างไรก็ตามบ่อยครั้งที่มีผู้เข้ามาเยี่ยมชม ชายชรามักจะไปวัด เพื่อพบกับพระอาจารย์ที่นั่นเพื่อพูดคุยเรื่องคำสอนทางพระพุทธศาสนา นอกจากท่องสูตรพระสูตรทุกวัน เขาก็เอาแต่นอนหรือไม่ก็เดินไปรอบ ๆ เกาะเมื่อใดก็ตามที่เขาชอบ คนคนนี้มีความสุขเสมอเวลาที่ได้พูดคุยกับนักท่องเที่ยว เพราะนั่นเป็นเวลาที่เขาได้พบกับผู้คนที่น่าสนใจ
เมื่อถึงเวลาที่ชายชราออกจากห้องโถงทางศาสนา หยางเติงและชายวัยกลางคนก็รีบขึ้นไปหาเขาและทักทายเขาว่า “นายท่านสาม” ด้วยความเคารพ
“เด็กน้อย หายจากอาการบาดเจ็บแล้วเหรอ?” นายท่านสามถาม เขาโกนหัวแล้วไว้หนวดเครายาว หลังของชายคนนี้ค่อมเล็กน้อย โชคดีที่ขาของเขายังแข็งแรง ทุกคนที่เห็นเขามักจะบอกว่าว่าเขามีใบหน้าของพระพุทธเจ้า ในท้ายที่สุดเขาได้อุทิศตนในคำสอนทางพุทธศาสนามานานหลายปีและสีหน้าของเขาเองก็ดูเป็นคนที่ใจดี การแสดงออกของเขาทำให้เกิดบรรยากาศที่น่าประทับใจ
หยางเติงรู้สึกผิดเล็กน้อย “นายท่านสาม ผมรู้สึกละอายเพราะขาดความสามารถ ผมจะไม่บ่นถ้านายท่านตัดสินใจที่จะลงโทษผม”
“หาน เกาผิงก็ตายแล้ว นี่ถือว่าใกล้เคียงกับสิ่งที่เราต้องการ ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่จะประสบกับความล้มเหลว จะต้องมีคนดีกว่าเรา เราทุกคนเติบโตจากประสบการณ์ของเราและไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าตลอดกาล คนที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างรวดเร็วก็จะล้มลงได้เร็วเท่านั้น” ชายชราพูดด้วยรอยยิ้ม เด็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ที่นี่ เวลาพวกเขาเห็นนายท่านที่สาม เด็กพวกนี้ก็มักจะเรียกชายชราคนนี้ว่าปู่เสมอ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรู้จักตัวตนที่แท้จริงของชายชรา ในความเป็นจริงคนคนี้เป็นบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างสูงทั่วทั้งสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี
เขาไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือท่านหวู่ที่สามที่หาน เกาผิงและเจียเซียนเป่าเกรงกลัวและเคารพในเวลาเดียวกัน ชีวิตของชายผู้นี้ช่างน่าทึ่งจนสามารถเขียนลงในหนังสือได้เป็นเล่มเลยทีเดียว
แม้ว่าชายชราคนนี้จะออกจากเวทีการเมืองมานานหลายปี แต่ผู้สืบทอดของเขาที่ได้รับการเลี้ยงดู พวกเขาเหล่านั้นก็ล้วนแต่กลายเป็นคนที่มีอำนาจในสังคม
“นายท่านสาม ผมพบข้อมูลเกี่ยวกับชายหนุ่มตามคำแนะนำของคุณแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีความสัมพันธ์กับเจียเซียนเป่า ผมแน่ใจว่าพวกเขาสองคนไม่ใช่ญาติกัน” ชายวัยกลางคนข้าง ๆ เขาพูดพร้อมกับมองดูด้วยท่าทางไม่เข้าใจ
คนฟังเลิกคิ้วขึ้นในทันที “ไม่ได้เป็นญาติกัน? ถ้าอย่างนั้นทำไมเจียเซียนเป่าถึงคิดที่จะแบ่งสมบัติของเขาและมอบของมีค่าให้ฉัน?”
“ผมพลาดเอง” ชายวัยกลางคนตัวสั่นขณะที่เขาพูดต่อ” ซิงเฉิงมาจากซีอาน เขากำพร้าตั้งแต่อายุยังน้อยและอาศัยอยู่กับปู่ของเขา ในที่สุดเขามาที่เซี่ยงไฮ้เพื่อศึกษาในมหาวิทยาลัยฟูต๋าน มันเป็นช่วงเวลาที่เขาเริ่มติดต่อกับเจียเซียนเป่า อย่างไรก็ตามเขาหายตัวไปเป็นเวลาสองปีหลังจากสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ก่อนที่จะกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ของเขากับหาน เกาผิง เราไม่พบอะไรเลย สิ่งเดียวที่เราพบคือเขาได้รับคำสั่งจาก หาน เกาผิง ให้มาปกป้องลูกสาวของเขา”
“แล้วข่าวคราวของปู่เขาล่ะ?” นายท่านหวู่ที่สามถามด้วยความสนใจ
ชายวัยกลางคนส่ายหัวก่อนที่จะพูดต่อ “มีไม่มากครับ เขาตายไปเมื่อสองปีก่อนแล้วครับ”
นายท่านหวู่ที่สามที่สามจมเข้าไปในความคิดของตน จากนั้นเขาก็รู้สึกว่ามันน่าตลกเล็กน้อยและคิดว่าชายหนุ่มคนนี้ค่อนข้างน่าสนใจ
“นายท่านสาม เราจะทำยังไงดีครับ?” ชายวัยกลางคนถามอีกครั้ง
นายท่านหวู่ที่สามเดินไปทางชายหาด ลมแรงพัดโหมกระหน่ำ เขาไม่คุ้นเคยกับลมเย็นที่แรง ชายชราส่ายหัวและพูด “ปล่อยให้เรื่องที่เหลือมันเป็นไป ท้ายที่สุดแล้วฉันก็ต้องเห็นแก่ของขวัญราคาแพงเหล่านั้นของเจียเซียนเป่า อย่างน้อยฉันก็ควรจะให้เขาได้พบ ยิ่งกว่านั้นจริง ๆ แล้วระหว่างฉันกับ หาน เกาผิง เราสองคนไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกันมากมาย มันเป็นเพียงเพราะเขาหยิ่งและหยาบคายเกินไป คนแบบนั้นไม่อาจที่จะเทียบกับฉันได้เลย เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะเพิ่มไอซิ่งบนเค้กไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี สุดท้ายแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของบุคคลนั้นกับฉัน”
“ผมรู้แล้วว่าเราควรที่จะทำยังไง” ชายวัยกลางคนตอบพร้อมรอยยิ้มและพยักหน้า
“อย่าทำอะไรกับสาวคนนั้น ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถทำอะไรได้มากมายเกี่ยวกับวิธีที่คนอื่นจะวางแผนต่อต้านพวกเขาก็ตาม เพราะยังไงมันก็ไม่ใช่ธุระของเรา อย่างไรก็ตามสำหรับมรดกของหาน เกาผิง อย่าปล่อยให้คนนอกได้รับประโยชน์จากมัน” นายท่านหวู่ที่ 3
เว้นช่วงเล็กน้อย
ชายชรารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยหลังจากการพูดคุย “ฉันไม่ได้แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว กลับไปกันเถอะ ลมนี่ก็แรงเหลือเกิน” เขาถอนหายใจ
ตามคำสั่งของนายท่าน หยางเติงและชายวัยกลางคนหันหลังกลับแล้วเดินจากไป…
ในขณะที่นายท่านหวู่ที่สามพูดถึงซิงเฉิง ที่เฉ่อฉานกอล์ฟรีสอร์ตในเซี่ยงไฮ้ โจวเหวินหวู่และจ้าวตงเฉิงเองก็กำลังพูดถึงซิงเฉิงด้วยเช่นกัน แต่ในลักษณะที่หงุดหงิด
“ไอ้ซิงเฉิงนั่นมันเป็นใครกัน? ท่าทางไอ้เด็กนี่วอนตายเหลือเกิน” โจวเหวินหวู่ผู้มีอารมณ์ไม่ดีก่นด่าเสียงดัง เมื่อเขามาหาจ้าวตงเฉิน ทางด้านจ้าวตงเฉินเองก็จำใจเข้าร่วมกันชายคนนี้เพราะเขาไม่มีทางเลือกมากนัก โจวเหวินหวู่เป็นคนโหดร้าย มันแย่มากที่มีเพียงโจวเหวินหวู่เท่านั้นที่สามารถช่วยเหลือเขาได้
จ้าวตงเฉินพูดพลางนั่งจิบไวน์ขาวไป “เราไม่แน่ใจรายละเอียดของพื้นหลังของเขา เราเพิ่งรู้ว่าเขามาจากซีอานและจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฟู่ต๋าน เราไม่แน่ใจว่าเขาคุ้นเคยกับหาน เกาผิงหรือมีความสัมพันธ์กับเจียเซียนเป่าได้อย่างไร”
“เจียเซียนเป่า? คุณหมายถึงเจียเซียนเป่าที่ขายของโบราณ?” โจวเหวินหวู่ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อของจิ้งจอกเฒ่า เขาเป็นคนกล้าแต่ก็ระแวดระวัง ไม่เพียงแต่เขาชอบไวน์ผู้หญิงและการพนันเท่านั้น หากแต่เขายังเป็นคนที่โลภมากด้วยเช่นกัน ด้วยการสนับสนุนจากเบื้องหลังที่ใหญ่โต มีคนไม่มากนักในเซี่ยงไฮ้ที่กล้าคุกคามเขา
จ้าวตงเฉินพยักหน้าก่อนจะพูดเสริม “เขานั่นแหละ และตอนนี้เขากลายเป็นปัญหาสำหรับเราแล้ว”
โจวเหวินหวู่ผู้ไม่คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้กล่าว “ฉันจะกำจัดใครก็ตามที่ขวางทางของฉัน ใครจะกลัวคนอย่างเจียเซียนเป่านี้กัน เพียงแค่ทำตามแผนต่อไป ฉันจะสนับสนุนคุณ และรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นเอง”
ไม่เหมือนกับจ้าวตงเฉิน โจวเหวินหวู่ไม่กลัวเจียเซียนเป่า แม้ว่าในตอนแรกจ้าวตงเฉินลังเลที่จะเคลื่อนไหว แต่คำพูดของโจวเหวินหวูนั้นก็ได้เพิ่มความกล้าหาญของเขา ตอนนี้เขาไม่กังวลอีกต่อไปแล้ว
“เนื่องจากหายปิงตัดสินใจประกาศล้มละลายและปรับโครงสร้างบริษัท ถ้าเป็นแบบนี้พวกเราจะประสบกับความสูญเสียอย่างมาก” จ้าวตงเฉินถอนหายใจ
โจวเหวินหวู่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “มันจะสำคัญอะไรว่าบริษัทจะปรับโครงสร้าง? อะไรคือการใช้เงินเพียงเล็กน้อยเพื่อจัดการมรดกของหาน เกาผิง? สิ่งสำคัญที่สุดคือฉันไม่ได้เห็นลูกสาวของเขาเป็นเวลานาน เนื่องจากเธอรอดพ้นจากความตายในเทียนฉุ่ย ดังนั้นเราจึงไม่ต้องรีบร้อนที่จะฆ่าเธออีกครั้ง ทำไมพวกเราไม่ลองลักพาตัวเธอก่อน ถ้ามันไม่ได้ผลเราก็ค่อยวางแผนฆ่าเธอใหม่ ฉันจะไม่มีวันลืมว่าหาน เกาผิงทำให้ฉันต้องอับอายเมื่อหลายปีก่อน นี่เป็นโอกาสของฉันที่จะเอาคืน”
นี่คือธาตุแท้ของโจวเหวินหวู่ ชายผู้ไม่มีขอบเขตสำหรับการกระทำที่ชั่วร้ายของเขา มันเป็นเรื่องดีที่หาน เกาผิงไม่มีภรรยาหรือคนรัก มิฉะนั้นโจวเหวินหวู่จะระรานพวกเขาอย่างแน่นอน
“ฉันไม่สนใจสิ่งที่คุณจะทำกับหานปิง เราต้องรับมือซิงเฉิงอะไรนั่นก่อน คุณไม่เห็นความเย่อหยิ่งในตัวเขาระหว่างการประชุมผู้อำนวยการช่วงบ่ายนี้หรือไม่? ถ้าฉันไม่ตอบโต้ ผู้คนจะไม่เคารพฉัน” จ้าวตงเฉินพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
“มันขึ้นอยู่กับคุณว่าจะเอายังไง” โจวเหวินหวู่ไม่สามารถถูกรบกวนได้อีกต่อไป
ในร้านอาหารเสฉวน ซิงเฉิงและคนอื่น ๆ กินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว หากแต่พวกเขาไม่ได้มุ่งหน้ากลับไปที่ทอมสันกอล์ฟวิลล่าทันที แต่กลับไปที่เคหะฮัวหลุน 9 ไมล์ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีกว่าวิลล่าของตระกูลหานในแง่ของการปกป้องความปลอดภัยของหานปิง ที่ทำแบบนี้ก็เพราะเขามีแผนที่จะออกไปกับฉางป๋าจี้หลังจากนี้เพื่อจัดการเรื่องอื่น
หลังจากส่งหานปิงไปที่เคหะฮัวหลุน 9 ไมล์ ซิงเฉิงก็สั่งให้หานปิงเข้านอนและไม่ต้องกังวลมากเกินไป เขาเตือนหญิงสาวว่าเธอยังมีงานอีกมากให้จัดการในวันถัดไป
“แล้วนายล่ะ ไม่อยู่ที่นี่เหรอ?” หานปิงปฏิเสธที่จะถูกแยกจากซิงเฉิงด้วยความกลัวว่าชายหนุ่มจะหายไป
ซิงเฉิงส่ายหัวปฏิเสธ “ฉันจะให้ฮาวเหล่ยอยู่ที่นี่ในขณะที่พี่ฉางและฉันจะออกไปเพื่อจัดการเรื่องบางอย่างไม่นานหรอก”
หานปิงต้องการบอกว่าเธอจะตามพวกเขาไป แต่เธอก็กลัวว่าซิงเฉิงจะโกรธ หญิงสาวตระหนักว่าพวกเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องแก้ไข ในที่สุดเธอก็เห็นด้วย “ก็ได้ ระวังตัวด้วย แล้วก็กลับมาเร็ว ๆ นะ” เธอพูดอย่างไม่เต็มใจ
ซิงเฉิงให้คำแนะนำเพิ่มเติมแก่ฮาวเหล่ยเพื่อพักอยู่ในบ้านกับหานปิงเนื่องจากเขามีความมั่นใจในฮาวเหล่ย ชายหนุ่มไว้ใจให้ฮาวเหล่ยอยู่ในบ้านกับหานปิง พอกำชับเสร็จเรียบร้อยเขาก็จากไปกับฉางป๋าจี้
หลังจากออกจากเคหะฮัวหลุน 9 ไมล์ ฉางป๋าจี้ก็หัวเราะเบา ๆ และถามว่า “จะไปฆ่าคนกันเลยรึไง?”
“เปล่า ไปหาอะไรดื่มกันหน่อย” ซิงเฉิงตอบกลับอย่างง่าย ๆ
ฉางป๋าจี้เสียศูนย์เล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมซิงเฉิงยังอยากจะไปหาอะไรดื่มอยู่อีก?
ซิงเฉิงเดินตามเขาอย่างใกล้ชิดแล้วพูดว่า “ให้โอกาสกับคนเหล่านั้นเพื่อพวกเขาสามารถกลับไปรับผิดชอบเจ้านายของพวกเขาได้ ท้ายที่สุดพวกเขาแค่พยายามเอาชีวิตรอด”
ฉางป๋าจี้ในที่สุดก็เข้าใจความตั้งใจของซิงเฉิงแล้วเขาก็หัวเราะออกมา …