บทที่ 9 ท่านพี่สุดยอดที่สุด
ขณะที่ฉันกับเลวี่ออกจากบ้านและมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือของเมืองแต่จะเดินไปก็ยังไงยังไงอยู่นะ
“ท่านพี่…”
ในขณะที่ฉันเดินอยู่เสียงเลวี่ก็ดังขึ้น ฉันหันไปเห็นเธอกำลังเหนื่อยหอบอยู่ ทำให้ฉันนึกถึงน้องสาวไม่ได้ความในโลกเดที่ชอบเดินตามฉัน
ฉันเลยคิดอยู่ครู่หนึ่งสร้างพรมขึ้นมาจากเวทมนตร์ของฉัน นี่ไม่ใช่เวทมนตร์ธรรมชาติหรือเวทมนตร์แฟร์รี
แต่เป็นพลังของปีศาจในตัวฉัน นี่จึงไม่ใช่เวทมนตร์ธรรมชาติ
“ขึ้นมาสิ”
ถึงฉันจะไม่อยากเชื่อใจใครนักแต่เพราะเลวี่เป็นน้องสาวล่ะนะ เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอกที่จะแสดงเวทมนตร์ให้เห็น
(เพราะเป็น ‘น้องสาว’ น่ะนะ)
“ว้าวว ท่านพี่นี่มันอะไรเหรอคะ?”
เลวี่เบิกตากว้างตบผ้าสีดำที่เกิดจากพลังเวทของปีศาจ ดวงตาของเธอดูจะสดใสแล้วก็สนใจอยู่มาก
“มันคือพรมบินได้ไงล่ะ เธอก็รีบๆ ขึ้นมาสิ”
“ท่านพี่ มันบินได้จริงๆ เหรอ?”
ถึงจะเห็นอยู่ว่ามันลอยอยู่ในตอนนี้ เธอดูเหมือนไม่เชื่อที่ฉันพูด ฉันเลยรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา ในฐานะของพี่ชาย ไม่สิ.. พี่สาวสินะ
ความเป็นพี่สาวมันรู้สึกสั่นคลอนฉันจึงพูดออกไปว่า
“ไม่ต้องห่วง นี่ไม่ใช่พลังเวทธรรมชาติอย่างแน่นอน!!”
เลวี่ก็คงเรียนเรื่องเวทมนตร์ธรรมชาติมาแล้ว จริงอยู่เวทมนตร์ธรรมชาติมันทำอะไรก็ได้ แต่ถ้ามันอยู่นอกขอบเขตของคำอธิบายอย่าง พรมบินได้
การจะทำคงต้องแทรกแซงให้พรมปรากฏขึ้น แทรกแซงให้มวลอากาศพัดพาพรมบิน อะไรแบบนั้นนอกจากจะเสียเวลาแล้วก็ยังเสียพลัง
แต่ของพลังปีศาจที่ฉันมีฉันแค่สร้างพรมที่บินได้ก็แค่นั้นแหละ ไม่ยุ่งยาก เลวี่เหมือนจะไม่เข้าใจ
“ไม่ใช่เวทมนตร์ธรรมชาติ แล้วท่านพี่ใช้อะไรเหรอคะ?”
“เอ่อ.. นั่นมันก็…”
ถึงจะพูดไปเพราะขี้เกียจจะพูดถึงและคิดว่าเลวี่คงจะตามมาง่ายๆ ไม่คิดว่าเธอจะตั้งคำถามขึ้นมาอีกนะ ฉันเกาหัวแกรกๆ
“พลังจากสายเลือดละมั้ง?”
ฉันตอบออกไปแล้วไม่มองหน้า ฉันไม่ได้โกหกน้า พลังนี่น่าจะเป็นพลังจากสายเลือดจอมมารนั่นแหละ
ซึ่งเลวี่ไม่รู้ว่าฉันไม่ใช่พี่สาวแท้ๆ ของเธอ อันที่จริงแม้แต่ฉันเองก็ไม่ควรรู้นะ …
ดังนั้นนี่น่าจะอธิบายได้จบและง่ายสุด ดวงตาเลวี่เหมือนจะมองฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยประกายลุกวาว
“ท่านพี่สุดยอดที่สุดเลยค่ะ!”
“อะ.. โอ้”
ถึงจะไม่รู้ว่าสุดยอดยังไงก็เถอะนะ … ว่าแล้วเลวี่ก็ปีนขึ้นมานั่งบนพรม ก่อนที่จะขยับเข้ามาใกล้ฉันแล้วก็กอดแขนฉันเข้าให้
“เฮ้ย?”
“หนูกลัวว่าหนูจะตกนะ ท่านพี่”
“งั้นเหรอ?”
ฉันตอบออกไปแบบนั้น แต่พรมนี้มีระบบแรงดึงดูดอยู่นะ (ระบบไรวะนั่น)
ก็แบบว่า พอขึ้นมาจะมีแรงดึงติดพรมไม่มีทางพลัดตกจากพรมโดยเด็ดขาด ก็มันไม่มีที่ยึดนี่น่า
แถมพรมนี่ก็ไม่ใช่ช้าๆ เหมือนในหนังอาลาดิน เพราะทันทีที่ฉันกับเลวี่ขึ้นมานั่งและสั่งให้เคลื่อนไหว มันก็พุ่งไปข้างหน้า
“เร็วไปแล้วเฟ่ย เร็วไป!”
ฉันร้องออกมา ไม่รู้ว่าเลวี่ฉวยโอกาสตอนฉันเผลอหรือบังเอิญ เธอที่กอดแขนเฉยๆ ก็พุ่งมากอดทั้งตัวแถมเอาหน้าถูไถฉัน
เอ่อ.. เอาเป็นว่ามองไม่เห็นแล้วกันตาฝาดๆ ..
ผ่านไปสักพักพรมก็หยุดลงฉันกับเลวี่มองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าเปล่าเปลี่ยว.. ว่าไปที่นี่มันที่ไหนกันแน่นะ?
“ว้าว ท่านพี่สุดยอดที่สุดเลยค่ะ”
“เอ่อ.. แล้วเมื่อไหร่เธอจะเลิกถูไถหน้าฉันสักที”
เลวี่ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุด จนฉันต้องพูดออกมาทำเอาเลวี่สะดุ้งแล้วรีบ ถอยตัวออกทันที แปลกจังเลยน้า.. ช่างมันแล้วกํัน เพราะเป็นน้องสาวหรอกนะ
“ขอโทษค่ะ มันเผลอเหมือนทุกที…”
“ห้ะ เมื่อกี้ว่าไรนะ ทุกที?”
ฉันเหงื่อแตกพรากทันที เมื่อกี้ไม่ได้หูฝาดใช่มั้ย ฉันหันไปมองหน้าเลวี่ที่ตอนนี้หน้าก็เปลี่ยนสีเช่นกัน
“เปล่าค่ะ.. ไม่มีอะไร..”
“อืมมมม ช่างมันเถอะ”
เพราะเป็นน้องสาวหรอกนะ เลยมองข้ามไปได้น่ะ – (?)
ถึงจะไม่รู้ว่าที่นี่เป็นที่ไหนก็เถอะ แต่ก็เป็นป่ารกร้าง แถมมีเสาอะไรไม่รู้สูงเสียดฟ้า เป็นเป้าซ้อมใช้เวทที่ดีได้เลย
ที่นี่เต็มไปด้วยพืชไม้นานาชนิด แล้วใจกลางของป่าแห่งนี้มีเสาเหมือนหอคอยอะไรสักอย่างที่สูงขึ้นไปบนฟ้า เหมือนเป็นศูนย์กลางของป่า
มาไกลถึงขนาดนี้เชียว ฉันถอนหายใจออกมา.. ว่าแล้วเชียวพลังปีศาจเนี่ยจะใช้สุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้สินะ
ก็แน่นอนมันเป็นพลังของปีศาจนี่น่า! ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแม้แต่พลังในตัวฉันเองยังเชื่อใจไม่ได้ขนาดนี้
ถ้าหากไม่ติดตั้งระบบแรงดึงดูดฉันคงปลิวไปแล้ว… ไอ้พลังบ้านี่มันคิดจะฆ่าฉันแล้วกลับไปหาจอมมารที่แท้จริงสินะ
บ้าชะมัด โลกนี้จะโหดร้ายไปแล้วแม้แต่พลังตัวเองยังเชื่อใจไม่ได้ขนาดนี้เชียวเหรอฟระ น่ากลัวเป็นบ้า
(ตืด.. เพราะพลังมากเกินไปถึงได้มีความเร็วที่สูงเกินไป)
ฉันสาบานว่าจะไม่ใช้พลังนี้อีก.. เลวี่จ้องฉันด้วยสายตาคาดหวัง ดูเหมือนว่าจะอยากให้ฉันใช้เวทให้ดูสินะ
“ท่านพี่จะฝึกที่นี่ใช่ไหมคะ?”
“อืม.. ก็น่าจะเป็นแบบนั้นแหละ”
ฉันตอบออกไปแล้วก็ยืนบนพรม เวทนี้เป็นเวทโจมตีที่ฉันไม่สามารถใช้อยู่ในมิติส่วนตัวนั้นได้เพราะว่ามันแรงเกินไป
ฉันหลับตาลงยื่นมือไปข้างหน้าแล้วก็เริ่มใช้เวท ก่อนอื่นก็สร้างอนุภาคขึ้นมาอาศัยหลักการเดียวกันกับนิวเคลียร์
แล้วก็ผสมผสานกับการแทรกแซงที่ฉันเคยใช้ไปตอนแรกนั่นคือแทรกแซงเข้าไปในโครงสร้างของมิติ
ก่อนจะย้ายเวทมนตร์การแทรกแซงโครงสร้างมิติเข้าไปในอนุภาคโดยให้มันสัมพันธ์กับโครงสร้างมิติโดยตรง
ว่าง่ายๆ ก็คือทำให้แรงระเบิดส่งผลถึงโครงสร้างมิติโดยตรง นี่ไม่ใช่การแทรกแซงโครงสร้างมิติให้เกิดมิติใหม่ขึ้น
แต่เป็นการแทรกแซงโครงสร้างของมิติความเป็นจริงผสมกับแรงระเบิดโดยตรง ซึ่งผลที่ได้ก็คือ…
แสงถูกยิงออกจากฝ่ามือของฉันไปพุ่งดิ่งไปใส่หอคอยอะไรสักอย่างด้วยความเร็วสูงมาก ก่อนจะ…
“ตู้มมมมมม!”
ดอกเห็ดยักษ์ปรากฏขึ้นมาในทันที แต่ก่อนที่จะได้ขยายใหญ่ขึ้นทุกอย่างก็สูญหายไป แม้แต่เสียงยังหายไป
เพราะในพริบตานั้นใจกลางแรงระเบิดกลายเป็นหลุมสีมืดทมิฬ ที่ไม่สะท้อนแสง ไม่สิ.. ถ้าจะพูดให้ถูกคือมันกลืนกินแม้แต่แสงจากดวงจันทร์
“หลุมดำ…”
ใช่.. มันคือหลุมดำถ้าฉันยิงใส่มิติที่ฉันสร้าง ผลกระทบมันต้องส่งมายังนอกมิติอย่างแน่นอน
ถามว่าทำไมต้องฝึกถ้าอันตรายแบบนี้ด้วยน่ะเหรอ มันก็แน่นอนอยู่แล้วโลกนี้เป็นโลกที่ใครๆ ก็ทำแบบนี้ได้นะ!
ใช่ทุกคนทำแบบนี้ได้หมดหรืออาจจะแค่มีไม่มากเท่านั้นเอง แต่คำพูดที่ว่าใครๆ ก็ทำได้หากมีความเข้าใจโครงสร้างมิติและทำให้มันสัมพันธ์กับแรงระเบิด
ใช่ นี่เป็นการประกันไว้ก่อนไงล่ะ อีกอย่างถ้ามีคนหนีไปในมิติแบบที่ฉันทำก็ไม่มีทางโจมตีโดน ดังนั้นจึงเตรียมท่านี้ไว้ไงล่ะ!
“ว้าว… ท่านพี่สุดยอดไปเลย นั่นมันอะไรเหรอคะ?”
……….