บทที่ 11 ส้นเท้าและใบหน้า
ฉันลูบหัวเลวี่อยู่ดีๆ จู่ๆ เธอก็หน้าแดงขึ้นมาแล้วก่อนเหมือนมีเสียง ‘ปุ’ ออกมาจากหัวแล้วมีควันลอยออกมาแล้วก็สลบไปซะงั้น
อาการแบบนี้มัน… ฉันเคยเจอมาก่อนใช่.. ต้องเป็นไข้แน่! แย่แล้วเลวี่เป็นไข้ฉันต้องรีบกลับบ้าน
ฉันตรวจสอบไข้ของเลวี่ ว่าแต่เขาตรวจสอบกันยังไงนะ จับห น้าผากเหรอว่าแล้วฉันก็เอามือแตะหน้าผากตัวเองกับเลวี่
อืม…. ไม่เห็นต่างกันเลยแฮะ หรือว่าไม่ใช่แบบนี้ ไม่สิ ในหนังเวลาตรวจไข้ก็ทำแบบนี้กันนี่น่า
หรือว่าฉันกำลังเข้าใจผิดอะไร ไม่เคยทำแบบนี้ด้วยสิ
(ชาติก่อนไม่ให้ใครแตะตัว หรือแตะตัวใครอาจจะมีพิษที่ติดต่อผ่านผิวหนังได้โดยไม่รู้ตัว จึงไม่กล้า…)
ก็ฉันเป็นคนที่กันไว้ดีกว่าแก้นี่น่า อืม จะทำไงดีทำไงดี ฉันเหงื่อไหลออกมาอันที่จริงที่กล้าทำแบบนี้เพราะเป็นน้องสาว..
ตรวจสอบอุณหภูมิในร่างกายเหรอ… ทำไงดีเนี่ย เหงื่อฉันไหลออกมาเริ่มร้อนรน ก็แน่ล่ะ น้องสาวแท้ๆ เอ่อ.. ถึงจะไม่แท้
แต่ก็น้องสาวนะ! น้องสาวกำลังจะเป็นไข้นะ นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย ต้องตรวจสอบอุณหภูมิ แล้วฉันควรทำยังไงต่อดี
จริงสิ ต้องผายปอดไง…! ใช่ผายปอด
(ถ้าพระเจ้ามาเห็นคงต้องสำลักขำตายเพราะคนที่มีประสบการณ์จากชาติที่แล้วด้วย กำลังคิดจะผายปอดคนเป็นไข้…)
ด้วยความลนลานฉันเลยวางเลวี่ลงบนพรมสีดำเตรียมจะผายปอด.. ไม่สิ.. ไม่ใช่แบบนี้แล้ว
ถ้าทำแบบนั้นก็หมายความว่า ฉันชิงจูบแรกของน้องสาวที่น่ารักไปสิ แบบนั้นรับไม่ได้สุดๆ (ตรงนั้นสินะ)
ไม่ได้หมายความว่ารับไม่ได้ที่จูบกับน้องสาวหรอกนะ ไม่สิ ไม่ใช่แบบนั้น พูดแบบนั้นก็เหมือนฉันอยากจูบเลยไม่ใช่หรือไง
แต่ถ้าน้องสาวอนุญาตให้ผายปอดนะ.. ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ใช่แบบนี้สิ อ๊ากกกกก
(ควันลอยออกหัวของเธอแล้วก็มีเสียง ปุ สมองคูลดาวน์ไปอีกสิบวินาที.. เพราะการทำงานหนักและสับสนร้อนรนเกินไป)
ฉันเรียกสติกลับมาได้.. ใช่ ผายปอดมันใช้สำหรับคนจมน้ำเท่านั้น ฉันต้องมีสติ เขาว่ากันว่าหากประสบอุบัติเหตุถึงชีวิต
ให้แก้ไขสถานการณ์อย่างมีสติ (แล้วไข้จักรวาลไหนถึงแก่ชีวิต)
การจะวัดอุณหภูมิได้ต้องวัดจากจุดที่ปลดปล่อยอุณหภูมิร่างกายได้ดีที่สุด นั่นคือรักแร้! ใช่ แค่นั้นเอง พอคิดดีๆ ก็คิดได้นี่น่า
ว่าแล้วฉันก็ปลดกระดุมเสื้อของเลวี่ เอ๊ะ แต่ชุดเลวี่ไม่มีกระดุมนี่น่า เป็นชุดเหมือนชุดเจ้าหญิงอ่ะ กระโปรงใหญ่ๆ
แต่เธอเป็นองค์หญิงจริงๆ นี่น่า ถึงฉันจะใส่ชุดนี้เหมือนกัน แต่คนรับใช้เป็นคนใส่ให้ ใส่ไม่เป็นเพราะงั้นเลยถอดไม่เป็น
แล้วมันถอดยังไงละเนี่ย ฉันพลิกร่างของเลวี่ดูทั้งหน้าทั้งหลัง พอฉันจับเลวี่เธอก็หอบหายใจแรงกว่าเดิม
หรือว่าไข้กำลังกำเริบแย่แล้ว ต้องให้ความอบอุ่น ใช่.. เวทมนตร์ไง แต่ก็ต้องรู้ว่าควรให้อุณหภูมิระดับไหน
“บัดซบเอ้ย ถอดยากไปแล้วเว้ย”
ฉันร้องออกมาแล้วก็ฉีกเสื้อผ้าของเลวี่… อ๊ะ.. เผลอฉีกไปแบบไม่คิดซะแล้ว นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่กันแน่เนี่ย
ฉันที่อายุ 20 ปลายๆ จนจะเข้า 30 กำลังฉีกเสื้อผ้าของน้องสาวอายุห้าขวบ.. เอ่อ ถึงฉันตอนนี้จะหกขวบ แต่ข้างในไม่ใช่นี่น่า
ไม่ๆ นี่ไม่ใช่เวลาแบบนั้นแล้วฉันยกแขนเลวี่ขึ้นแล้วก็สอดมือเข้าไปใต้แขนของเธอ แต่ปฏิกิริยาที่ฉันทำนั้นเหมือนกับไปเปิดสวิตช์อะไรเข้า
“ท่านพี่! หนูทนไม่ไหวแล้ว”
เพราะพริบตานั้นเองเลวี่ก็ดีดตัวขึ้นมากอดฉัน ก่อนจะนัวเนีย ถูๆ ไถๆ ห้ะ.. นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย?
………..
เหตุเกิดเพราะเลวี่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่เพราะเห็นท่าทางร้อนรนของเลทิเซีย เธอเลยไม่กล้าขยับ
พอเลทิเซียลูบๆ ไปทั่วร่างของเลวี่ เธอจึงเหมือนถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง และจังหวะที่ถูกฉีกเสื้อ ก็เหมือนไปเปิดฝาครอบสวิตช์บางอย่างอยู่
และในจังหวะเดียวกันที่เลทิเซียสัมผัสกับรักแร้เปลือยเปล่าของเลวี่ มันก็เหมือนทำงานสวิตช์ ความอดทนของเลวี่หมดไปทันที
…………
“เลวี่.. ทำอะไรของเธอเนี่ย”
“ท่านพี่ขาาาาา”
ฉันมองเลวี่ที่น้ำลายไหลหน้าแดง ถ้าเข้าฉากมังงะฉันว่าตอนนี้ตาของเธอคงจะมีรูปหัวใจแน่
ทำเอาฉันขนลุกไปทั้งร่างกาย แต่ในตอนนั้นเองฉันก็สัมผัสถึงอะไรบางอย่างได้สายตาเงยหน้าไปทางที่ฉันยิงเวทไป
มันมีบางอย่างกำลังพุ่งมาด้ วยความเร็วทะลุกำแพงเสียง หากปะทะกันตรงๆ ฉันอาจจะไม่เป็นไร แต่น้องสาวที่กำลังเป็นไข้…
แต่เลวี่ก็กอดฉันไม่ปล่อยเหมือนตังเม เป็นสถานการณ์ที่จะหยุดก็ไม่ได้ จะหลบก็ไม่พ้น และเงานั้นพุ่งมาพร้อมกับเสียวร้อง
“อ๊ากกกกกก”
“บ้าเอ้ย”
ฉันกัดฟันร้อง แล้วก็กอดเลวี่สุดแรงก่อนจะยืนขึ้นบนพรม หมุนตัวเตะเท้าออกไปใส่ กระโปรงที่ใส่พริ้วไหวตามสายลมและกระแทก “ปัง!”
ในชั่วพริบตาที่เท้าของฉันปะทะเข้ากับสิ่งนั้น ฉันเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเหมือนช้าเป็นเฟรม
เพราะมีใบหน้าของผู้หญิงผมสีเงินคนหนึ่งพุ่งมา สวมชุดเหมือนยันเทพธิดาใจโฉดที่ชั่วร้ายนั่น
และเท้าฉันก็ฟาดใส่หน้าเข้าให้ดังสนั่นกันเลยทีเดียว… ฉันที่ยืดขาเดียวกับเลวี่ที่กอดฉันแน่นทำเอาเสียหลัก
ถึงจะเตะใส่หน้าให้แต่ไม่มีเวลาเพิ่มแรงเตะให้อีกฝ่ายเปลี่ยนทิศทางการปลิว ทำได้แค่ลดความเร็ว หน้าของหญิงสาวผมสีเงินพุ่งแฉลบผ่านเท้าฉัน
มุดเข้ามาใต้กระโปรงฉันก่อนที่จะกวาดเอาร่างฉันกับน้องพุ่งดิ่งลงพื้นดัง “ตู้ม!!!” แรงปะทะนี้แผ่นดินแยกกันเลยทีเดียว
ฉันลืมตาขึ้นมองเลวี่ทัน โชคดีที่เธอแค่หมดสติไป เหมือนมีดาวหมุนอยู่รอบหัวของเธอ
“ฟู่ว..”
ฉันถอนหายใจออกมา ว่าแต่เมื่อกี้มันอะไรกันแน่นะ ที่จู่ๆ เลวี่ก็พุ่งมากอดฉันเหมือนกับสัตว์กระหายเลือดแบบนั้น
สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าน้องสาวต้องมีคอนเซปเป็นแบบนี้ทุกคนตลอดเลยรึไงนะ ฉันถอนหายใจออกมาอีกรอบ อดนึกถึงน้องสาวฉันในชาติก่อนไม่ได้…
พอๆ ไม่อยากคิดถึงเรื่องสยองในอดีตแล้ว เอาเป็นว่าฉันจะไม่พูดถึงมันแน่นอน! และในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังมาจากใต้กระโปรงฉัน
“โอ้ยๆ”
“เห้ย!”
ด้วยความที่ตกใจฉันร้องออกมาแล้วก็ใช้ขาหนีบคนในกระโปรงไว้ มันเป็นสัญชาตญาณโดยกำเนิดนะที่ทำแบบนี้
ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ก็ต้องหุบขาแบบนี้อยู่แล้วล่ะ
เหมือนผู้หญิงคนนั้นจะตบขาฉันดังแปะๆ
“ห.. หาย.. ใจ.. ไม่ออก”
“อย่ามุดเข้ามามากกว่านั้นนะ!”
ฉันรีบรัดแน่นเพราะตกใจ แต่อีกฝ่ายยิ่งดิ้นแรงกว่าเดิมบ้าเอ้ย แบบนี้ก็ต้องรัดสุดแรงไปเลย
ว่าแล้วฉันก็เสริมความแข็งแกร่งทางกายภาพด้วยการแทรกแซงกล้ามเนื้อรัดคอผู้หญิงผมสีเงินไว้
“มะ.. ไม่ไหวแล้วนะ ปล่อยได้แล้ว”
เธอคนนั้นร้องออกมา จู่ๆ ร่างฉันกับน้องก็ปลิวว่อน สถานการณ์เสี่ยงอันตรายหว่างขาหลุดออกจากแรงที่พัดฉันกับน้องปลิว
เผยให้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดสีขาวราวเทพธิดา ผมสีสีเงินหน้าตาค่อนข้างสวย ละมั้ง ฉันคิดว่านะ เพราะหน้าบวมเพราะร้อยเท้าฉันไปแล้ว….
พลังเมื่อกี้.. ที่สัมผัสถึงว่าแล้วเชียว.. ยัยนี่ก็เป็นเทพธิดาเหมือนยัยใจโฉดนั่นสินะ…
ฉันที่กำลังคิดในใจแต่ในตอนนั้นเองผู้หญิงผมสีเงินที่กำลังเก๊กหน้าสวยอยู่ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“ข้าบอกไปแล้วนะ ซิลเวีย ว่าเจ้าไม่สามารถใช้พลังเทพได้เป็นเวลาสิบสองปี ไม่งั้นจะโดนบทลงโทษ!”
“ท.. ท่านเทพสูงสุด ข้าผิดไปแล้ว.. นี่มันเหตุสุดวิสัยนะ”
“ไม่ต้องเถียงแล้ว!”
เงาด้านหลังเป็นคนแก่วัยชราที่เป็นผู้หญิงกำลังพูดกับผู้หญิงผมสีเงินที่ชื่อซิลเวีย เมื่อคำพูดของหญิงชราดังขึ้นซิลเวียเหมือนจะหงอยไปในทันที
ภาพนี้ทำเอาฉันตกใจไม่น้อย แต่ภาพต่อมาทำเอาฉันแทบสำลักน้ำลายออกมาเพราะภาพตรงหน้าคือ
หญิงชราจับซิลเวียยืนสี่ขา แล้วเอาไม้เรียวฟาดก้นเข้าให้ โดยซิลเวียขัดขืนไม่ได้เลย
“ฮรือ.. ท่านแม่ ข้าผิดไปแล้ว อย่าตีข้าเลย ฮรือออ”
น้ำหู น้ำตาไหลออกมาจากหน้าซิลเวีย.. ทำเอาภาพเก๊กสวยเมื่อกี้เป็นเรื่องตลกไปเลยแฮะ..
…………